27 เมษายน 2546 20:48 น.
วฤก
๏ เสียงสังคีตดีดสีดนตรีขับ
กำซาบซับโสตซ่านกังวานเสียง
ยินอักษรกลอนพร่ำถ้อยคำเพียง
ศัพท์สำเนียงสังคีตประณีตยิน
ศิลปะปรากฎจากรสถ้อย
ที่สอดสอยสร้างสารชำนาญศิลป์
มาเคล้าคละประพนธ์เพียงชลริน
ให้ดื่มกินกาพย์กลอนดังก่อนมา
สาธยายระบายพจน์เป็นบทบาท
กวีวาดวางลึกชวนศึกษา
จารจับอรรถจัดสรรพรรณนา
ก็เลอค่าเลิศคำที่นำจาร
สานอักษรกลอนกลฤๅพ้นยุค
ยินปู่ปลุกเปล่งเสียงจำเรียงสาร
ควรศึกษาวิชาเก่าแต่เบาราณ
เป็นลูกหลานลืมหลังหรือบังควร ๚ะ
๒๗ เมษายน ๒๕๔๕
27 เมษายน 2546 20:44 น.
วฤก
๏ เสียงสังคีตดีดสีดนตรีขับ
ไพเราะศัพท์เสนาะเพลงบรรเลงขาน
คล้ายวจีกวีวัจน์สันทัดกานท์
เอื้อนอรรถอ่านเอ่ยเสียงจำเรียงรมย์
ศิลปะปรากฏจากรสถ้อย
ที่เรียงร้อยสลับวางอย่างเหมาะสม
ต้องตามหลักอักขระอนุกรม
น่านิยมยกสดับประดับกรรณ
กรองอักษรกลอนกลประพนธ์พากย์
มีหลายหลากลีลาหาเสกสรร
ตามกระสวนกระบวนถ้อยนับร้อยพัน
ร่วมบทบรรณเบิกกานท์สืบสานทรง
ชาติกวีนี่ไฉนจะไร้ท่า
ไม่ศึกษาทรัพย์เก่ามัวเมาหลง
ไม่สืบสานงานครูให้อยู่ยง
แล้วทะนงว่าเป็นกลอนไม่ร้อนฤๅ ๚ะ
๒๓ เมษายน ๒๕๔๖
27 เมษายน 2546 16:14 น.
วฤก
.
๏ พี่สอดมะลิซ้อน..............แซมผม
เสยเกศสูดกลิ่นดม...........ดอกไม้
หอมมะลิพี่ภิรมย์...............รสรื่น
แสนชื่นเชยชิดใกล้...........กอดเคล้าเคียงเขนย ฯ
๏ เคยถนอมนวลนิ่มเนื้อ...แนบตระกอง
กรกอดกระหวัดสอง...........สู่ห้อง
ยามหายห่างนางหมอง.......หมดกลิ่น
เหมือนกลีบมะลิหม่นต้อง...แตะแล้วลาญไฉน ฯ
๏ ใคร่แสวงสวาทน้อง.......สนิทนอน
เนื้อแนบเนื้อสมร.............สมาสเนื้อ
ใคร่ถนอมใคร่กุมกร.........กอดเกี่ยว
เพียงก่ายกายชิดเอื้อ........อุ่นให้หายถวิล ฯ
๏ กลิ่นเกศแก้มแม่ร้าง....มลายสูญ
สาปอกเรียมอาดูร............ดึกสะอื้น
หอมมะลิกลิ่นเกื้อกูล........แก้กลัด-.....กลุ้มนอ
โชยประทิ่นประทังฟื้น......ฟอกช้ำระกำหาย ๚ะ
๒๗ เมษายน ๒๕๔๖
22 เมษายน 2546 10:38 น.
วฤก
.
๏ นางแย้มแย้มกลีบเย้ย...........หยันใคร
เขาขื่นขื่นขมใจ........................เจ็บช้ำ
เฉาเปลี่ยวเปลี่ยวเหงาไฉน.......นางยิ่ง.....แย้มนอ
ยามโศกโศกเศร้าย้ำ................เยาะเย้ยยิ้มหยัน ฯ
๏ ครุ่นคะนึงคราแม่แย้ม...........ยามกระสัน
ยามกระเส่าสวาทพัน...............พี่เคล้า
พี่ครวญพร่ำคืนวัน...................หวังสู่
หวังเสพสมสุขเจ้า...................จิตเฝ้าใฝ่ถวิล ฯ
๏ แสวงนวลเนื้อนิ่มน้อง..........นางสนิท.......แนบพี่
พี่แนบพนิตนวลปิด.................ปกป้อง
ป้องปกปิดนวลพนิต...............แนบพี่
พี่แนบสนิทนางน้อง................นิ่มเนื้อนวลแสวง ฯ
๏ นางแย้มแย้มกลีบเย้ย.........หยันไย
เรียมขื่นขื่นขมใจ....................เจ็บร้อน
ยามเปลี่ยวเปลี่ยวเหงาไฉน....นางยิ่ง.....แย้มนอ
ฤๅเยาะเยาะเย้ยย้อน.............หยอกเย้ายามหมอง ๚ะ
๒๒ เมษายน ๒๕๔๖
12 เมษายน 2546 20:24 น.
วฤก
๏ ฟ่องฝุ่นลอยล่องฟ้อน........ฟุ้งกระจาย
สะท้อนแฉกสุรีย์ฉาย............ฉากรุ้ง
แลระยับเลื่อมพรรณพราย......เพียงเพชร.....พราวนอ
คล้ายนาฏนวยโค้งคุ้ง...........ค่อยฟ้อนกรถวาย ๚
๏ กลางวิหารแห่งพระเจ้า......จอมไตร....ภพเอย
มนุษย์เปรียบธุลีใน..............ขณะนั้น
คือฝอยล่องลอยไป.............เป็นฝุ่น
ยิ่งใหญ่ยอปอปั้น................เปรียบแม้นท่านไฉน ๚
๏ ชีวิตลอยล่องฟุ้ง.............ฟุบลง
ตามกฎแห่งกรรมจง............เจตแล้ว
กุศลอกุศลตรง..................ตามตอบ.....สนองนา
หาปล่อยใครคล้อยแคล้ว.....คลาดได้โดยกล ๚
๏ ฟ่องฝุ่นลอยล่องฟ้อน......ฟุ้งกระจาย
จับคู่ระบำถวาย.................ว่ายฟ้า
เพลงกรรมกับเวรหมาย.......มั่นอยู่
มุ่งสู่ไม่รู้ล้า......................เร่งเข้าคืนสนอง ๚ะ๛
๑๒ เมษายน ๒๕๔๖