14 พฤษภาคม 2546 08:46 น.
วฤก
๕
๏ ม้วนเมฆหมองขุ่นครึ้ม.........คลุมควัน
สีหม่นอนธการอัน...................อับชื้น
อุโฆษศัพท์หัสสังหรรษ์..........เสียงกระหึ่ม
กระโหมแห่หรรษาครื้น...........ครึกครื้นประโคมเสียง ฯ
๖
๏ สายฝนหลั่งฟอกล้าง..........หล้าไฉน
ชโลมอุ่นละอองไอ................อาบน้ำ
สาดมณีเม็ดนุ่มใส..................สรงสระ
ชำระคราบไคลคล้ำ................เคลือบไม้ในสวน ฯ
๗
๏ ใบพฤกษ์พรรณหม่นแม้น...หมอกคลุม
แลใหม่ไร้ฝุ่นกุม......................เกรอะเปื้อน
สดสีแข่งโกสุม.......................สีสด
มรกตเม็ดงามเยื้อน................ยกไว้ว่าเสมอ ฯ
๘
๏ เสมือนเพชรแก้วเก็จล้อม......เรียงประดับ
แสงส่องฉายแวววับ..................วาดรุ้ง
หยาดชลกล่นใบขับ..................คล้ายพร่าง......เพชรนอ
ประกายพฤกษ์เพียงผกายฟุ้ง...ฝากฟ้ามาไฉน ๚
14 พฤษภาคม 2546 08:40 น.
วฤก
๔
๏ ตามสวนสะพรั่งพร้อม......พฤกษา
หลากหมู่เหลือพรรณนา......นับถ้วน
หลายพรรณแผกผกา..........ผายกลีบ
บานประดับประดาล้วน........ร่วมแต้มแต่งสวน ๚
14 พฤษภาคม 2546 08:33 น.
วฤก
๑
๏ ปางประเวศไปเยี่ยมเหย้า...เยือนชล-.....บุรีแฮ
สถานถิ่นสุทธิผล.....................เผ่าเชื้อ
ศรีราชะดำบล.........................ดังบอก
บ้านพี่สาวผู้เอื้อ......................อุ่นเกื้อกูลผล ฯ
๒
๏ มาเฝ้าไข้แม่ไร้..................แรงกาย
ละสะดวกสุขสบาย.................บ่ายหน้า
ถึงขอนแก่นแม่นหมาย.........มาช่วย.....น้องนา
แม่สร่างจางไข้ล้า..................ล่วงแล้วคืนสถาน ฯ
๓
๏ มาส่งมาสู่บ้าน....................บันทึก
ประพนธ์บทโคลงจารึก..........เรื่องไว้
อนุสรณ์อ่านสำนึก.................ในกิจ
ที่ช่วยอวยเกื้อได้...................ดั่งแจ้งแถลงความ ๚
1 พฤษภาคม 2546 10:41 น.
วฤก
๏ สังขาราขับร้อง..................ร่ายเสียง
ผสานสอดซออู้เคียง.............โอดเคล้า
ขานเพลงหุ่นจำเรียง..............เริ่มเบิก......โรงเอย
บอกหุ่นกระบอกเย้า...............ยั่วให้อยากเห็น ฯ
๏ กรายกรฟ้อนย่างเยื้อง.........แยบยล
เขาใส่ใยยึดกล....................เกาะคล้อง
ชักใยเชือกพยนต์.................พยักหุ่น
ตีบทตามบทร้อง..................เล่นพร้อมเพลงขาน ฯ
๏ คำพากย์พากย์หุ่นเต้น........ตามคำ
ได้บทกำหนดทำ.................ท่าได้
หุ่นดีหุ่นร้ายรำ....................ร้องหุ่น
เสมือนบทสมมติไสร้...........สั่งให้หุ่นเสมือน ฯ
๏ คนดีคนชั่วร้าย................เลวทราม
ใครชักใยเต้นตาม...............แต่งสร้าง
ค้นคิดแต่คำถาม.................ถึงเหตุ
เห็นต่างคนต่างอ้าง.............เอ่ยซ้ำกรรมสนอง ฯ
๏ สังขารโรยร่อยแล้ว..........แรงหาย
เต้นแต่กำเนิดกาย..............ก่อนกี้
เชือกไหนชักเชิดหมาย........เหมือนหุ่น
มีแต่ใจเจ้าชี้.....................เช่นแม้นหุ่นโขน ๚ะ
๓๐ เมษายน ๒๕๔๖
30 เมษายน 2546 17:37 น.
วฤก
.
๑
๏ กลีบบางบานตาบพื้น..........ไพรสณฑ์
เพียงเก็จแก้วระคน..............คละไว้
วาดลายกนกวน...................วางระหว่าง......ทางฤๅ
ธารดอกหญ้าโย้ไขว้..............ขวัดคล้ายลายศิลป์ ฯ
๒
๏ ภุมรินบินล่อล้อ.................โลมผกา
ลงเกลือกเกสรถลา..............ร่อนเคล้า
โฉบเชยชื่นโอชา.................ชิมอิ่ม
เอมอร่อยลิ้นลิ้มเย้า..............ยั่วแม้นโภชย์สวรรค์ ฯ
๓
๏ ผายสุคันธ์สุหร่ายฟุ้ง..........ฟ่องไกล
หอมกลิ่นจรุงใจ...................จรดจ้วง
จักหวงหับเสพใน..................นาสิก
แนบสูดไว้แล้วล้วง...............เลปน์ซ้ำเสพดม ฯ
๔
๏ เสียงระงมลมพัดพลิ้ว........ผ่านพาน
เพลงแผ่วดังแว่วขาน...........ขับร้อง
ดังกระดึงสรรพกังสดาล........สะดุดโสต......สดับเอย
ไพเราะเพียงพาทย์พ้อง........พากย์ซ้องเกษมเสียง ฯ
๕
๏ เพียงเฉียดละเลียดเนื้อ.....เนียนพรรณ
เหมือนม่านไหมม้วนควัน......คลี่คุ้ม
แพรผกาผกกลีบกัน..............กั้นเกี่ยว
กางนุ่มเนื้อซ้อนซุ้ม...............ซ่อนไว้เกสร ฯ
๖
๏ จรจรัลแลดอกหญ้า...........ยามอรุณ
เลอรูปลิ้มรสคุณ- .................ค่าล้น
สูดสุคนธ์สดับเสียงสุน-.........ทรีย์โสต
พร้อมโผฏฐัพพะพ้น.............พบห้วงสรวงไฉน ๚
๓๐ เมษายน ๒๕๔๖