14 มิถุนายน 2546 08:49 น.
วฤก
๑
๏ เห็นดาวพราวพร่างฟ้า........พี่เพ่งหาดาราหมาย
เนตรน้องมองดาวราย............สายเนตรสองเราครองกัน ฯ
๏ เห็นดาวพราวพร่างฟ้า........ฟากสรวง
พี่เพ่งหาดาวดวง...................เด่นแล้ว
ดาวไหนเล่าหนอทรวง...........น้องสู่
เรียมสู่สรวมร่วมแก้ว.............ก่ายด้วยเนตรสอง ฯ
๒
๏ ภรณีนะช่วยชี้....................ดวงไหนที่สีเฉิดฉัน
ชวนพิศจิตผูกพัน..................ครั้นร่วมทัศน์มัดร่วมใจ ฯ
๏ ภรณีนะช่วยชี้...................ฉายพลัน
เผยที่สีเฉิดฉัน....................โชติไซร้
ชวนพิศจิตผูกพัน.................พาจิต
ร่วมพิศร่วมจิตได้.................ดุจแม้นมัดขัน ฯ
๓
๏ กฤติกาแสงพร่าล้อ.............เพียงเรียมพ้อขอคำไข
เนตรน้องมองดวงใด.............ให้ดาวเผยเฉลยมา ฯ
๏ กฤติกาแสงพร่าล้อ............เรียมไฉน
เพียงเอ่ยเผยคำไข..............ข่าวน้อง
สายเนตรสบดวงใด..............ดาวบอก
ดลจิตเรียมร่วมจ้อง.............จ่อจ้องมองหมาย ฯ
๔
๏ โรหิณีนี่หากรู้...................จงช่วยตูกู้กังขา
เห็นแท้แก่สายตา................ว่าชม้ายหมายชมใด ฯ
๏ โรหิณีนี่หากรู้..................เลศนัย
จงช่วยตูรู้ไข......................ขัดแก้
เห็นแจ้งแห่งหนใด.............ดวงเนตร
นางเพ่งเล็งแน่แท้.............ที่ชม้ายหมายชม ฯ
๕
๏ ถามดาวดาวดั่งแกล้ง......กระพริบแสงแสร้งเฉไฉ
ถามข่าวข่าวคราวใด..........ไยไม่เอ่ยเฉลยความ ฯ
๏ ถามดาวดาวดั่งแกล้ง......เกี่ยงกัน
กระพริบแสงแสร้งหัน.........หับเร้น
ถามข่าวกล่าวรำพัน...........เพียงเอ่ย
ดาวกระพริบยิบตาเต้น........แต่อั้นโอษฐ์เฉลย ฯ
๖
๏ เรียมจ้องมองม่านฟ้า......ไม่ใฝ่หาดาราถาม
ส่งใจสู่ใจตาม.....................ตระกองน้องไม่มองดาว ฯ
๏ เรียมจ้องมองม่านฟ้า......ฝ่าโพยม
ไม่ใฝ่ดาวข่าวโฉม.............เฉกกี้
ส่งใจสู่ใจโลม....................ไล้กอด
ใจพรอดใจเช่นนี้................นี่ใช้ดาวไฉน ๚ะ๛
๑๓ มิถุนายน ๒๕๔๖
12 มิถุนายน 2546 11:48 น.
วฤก
๑
๏ พนมวันเพียงวาดไว้.............วางสวรรค์
ปราสาทปรางค์สุพรรณ............ภาคพ้น
เทพสถานพิมานอัน................โอ่อ่า
งามสง่าเลอค่าล้น..................เล่นล้อรอยสรวง ฯ
๒
๏ ปวงศิลาแข็งแกร่งเนื้อ..........แน่นหิน
นำสลักเสลาศิลป์...................เสกสร้าง
ฝีมือช่างประพิณ....................ประไพแต่ง
เต็มระแบบระบอบอ้าง.............เอ่ยอ้างเอกศิลป์ ฯ
๓
๏ หินสลักสลับริ้ว...................ลายพัน
ภาพกนกกระหนาบกัน.............เกี่ยวเกี้ยว
กรองเฉลาฉลักวัลย์................วาดก่าย
ปลายประกับประกอบเสี้ยว.......สอดร้อยสอยสาน ฯ
๔
๏ กาลไฉนช่างเข่นให้.............หักพัง
ปรักลงปลงฝัง......................ฝุ่นคล้ำ
นพศูลเสื่อมศรีดัง..................ดาวดับ
ดินทับถมตมซ้ำ....................ซากสิ้นภินท์สลาย ฯ
๕
๏ หมายเหตุอุเทศชี้...............ฉายกล
ใดฤฤๅคงทน.......................เที่ยงแท้
ศิลาช่วยเผยผล...................พึงใคร่-....ครวญนา
ผู้อยู่คู่ฟ้าแล้.......................โลกนี้มีไฉน ๚ะ๛
๑๑ มิถุนายน ๒๕๔๖
10 มิถุนายน 2546 14:20 น.
วฤก
๏ เสียงลมพร่ำคำพรอดออดฉะอ้อน
ราวเรียมวอนว่าน้องอย่าหมองหมาง
ที่ห่างไปไกลพ้นเพราะหนทาง
ใช่ว่าจางใจรักจิตภักดี
ศัพท์เสียงคลื่นสะอื้นซบดังกลบหาด
คลื่นเคยคลาดครรไลไกลวิถี
ยังพบทรายคลายคะนึงถึงนที
พร่ำพจีจำนรรจ์ครั้งวันไกล
แลลมบกวกห่างลาร้างฝั่ง
จะคืนหลังราวคลื่นคืนไฉน
เรียมลาร้างห่างสมรจึงร้อนใจ
เกรงจากไปเป็นลับมิกลับมา
ฝากลมพร่ำคำพรอดออดฉะอ้อน
ว่าอาวรณ์ไม่สิ้นถวิลหา
แม้จำจากพรากหายลับสายตา
ยังรอท่าทีคืนพบชื่นใจ ๚
๑๐ มิถุนายน ๒๕๔๖
9 มิถุนายน 2546 11:53 น.
วฤก
๏ บายศรีบวงเทพไท้.........ทักษิณา
น้อมกราบบาทบูชา...........ช่วงใช้
เชิญศรีสิทธิฤทธา.............เทพสู่......กูเฮย
หั้นกู่หาขวัญให้................กระหึ่มก้องกระแสเสียง ฯ
๏ เชิญขวัญขวัญจุ่งเข้า......ครององค์
ลืมเล่นเล่นเพลินหลง........ลัดเลี้ยว
หันกลับกลับคืนคง...........ครบหมู่
มาสู่สู่ขวัญเกี้ยว..............กลับย้อนเยอขวัญ ฯ
๏ อย่าหลงชมเศษผ้า.......พาดพัน
สายเดี่ยวสะดือถัน...........ถกแย้ม
ยวนใจใฝ่กระสัน.............เสพสวาท
สนองหื่นกระหายแกล้ม....เกลือกกลั้วมัวหลง ฯ
๏ บายศรีบวงเทพไท้.......เทิดเศียร
สิบนัขน้อมเทียน............ธูปพร้อม
พาขวัญพลัดวนเวียน.......แวะลุ่ม.....หลงนา
คืนสู่ทรงศรีล้อม.............เลิศแล้วแก้วขวัญ ๚ะ๛
๖ มิถุนายน ๒๕๔๖
27 พฤษภาคม 2546 16:44 น.
วฤก
ฉบงง ๑๖
๏ นับนานกาลเก่าเล่ากัน.............คนครั้งยังบรรพ์
บำรุงมุ่งธรรมจำเริญ ฯ
๏ ฝึกจิตคิดใคร่ใฝ่เดิน................ดับเข็ญเหม็นเมิน
มุ่งทิพย์นิพพานทานบุญ ฯ
๏ สู่สวรรค์ชั้นเหนือเจือจุน...........จักเสวยเชยคุณ
ครั้งประกอบชอบธรรมกรรมดี ฯ
๏ หมายด้นพ้นทุกข์ยุคกลี...........พึ่งพุทธฉุดหนี
จึงมีใจมุ่งผดุงธรรม ฯ
โคลงสี่สุภาพ
๏ นำพระพุทธศาสน์น้อม.........มโนสวม
ละบาปรั้งบุญกวม..................กอปรแล้ว
ต่างคนต่างคิดรวม.................ร่วมกิจ....กุศลนอ
ไตรรัตน์เรืองรุ่งแผ้ว...............ผ่องแม้นตะวันฉาย ฯ
๏ ผายพระพุทธศาสน์กว้าง......เกริกภพ
ทศทิศพระธรรมครบ..............ครอบแคว้น
สังคมจึงสงบ.......................เสงี่ยมสุข
เสมอยุคศรีอาริย์แม้น............มุ่งแล้วลุไฉน ฯ
ฉบงง ๑๖
๏ ปัจจุบันวันวารผ่านไป............ศาสน์เสื่อมเลื่อมใส
แพ้ภัยกิเลสเลศมัว ฯ
๏ หิวทรัพย์ขวับคว้าหาตัว..........กรรมใดไม่กลัว
ไม่เกรงเก่งแย่งแข่งกัน ฯ
๏ ใช้เล่ห์เฉถ่อยร้อยพัน............ล่อหลงงงงัน
เพื่อฉวยด้วยตนคนเดียว ฯ
๏ คุณธรรมคร่ำครึรึเหลียว.........คนแพ้แน่เชียว
ใช้เหนี่ยวนึกก่นคนพาล ฯ
โคลงสี่สุภาพ
๏ ขานคำพร่ำเอ่ยอ้าง...........อรรถกถา
ปลอบจิตเคยมิจฉา.............โฉดแพ้
ใช้ธรรมเช่นธารทา..............ทำชุ่ม
เถิงชื่นเชิงธรรมแท้..............โทษร้ายมลายสูญ ฯ
๏ ดังกูณฑ์ดาลดับด้วย.........เดชชล
ชโลมฉ่ำชะกมล..................ละม่อมล้าง
มลายโมหะเห็นหน...............เหือดทุกข์......ระทมแฮ
โลกเสื่อมลงฤๅอ้าง..............อับแล้วโลกธรรม ๚ะ๛