15 กรกฎาคม 2546 08:33 น.
วฤก
-๑-
๏ กาฝากแฝงกิ่งไม้...........หลบร่มในใบกาหลง
หอมกลบตลบดง..............ลงเลปน์แต้มแต่งกลิ่นไพร ฯ
๏ กาฝากแฝงเกาะก้าน.......กาหลง
ฉมกลิ่นโฉมบุษบง............เบ่งแย้ม
หอมกลบตลบดง..............ดอมกลิ่น
การย์ฝากกาฝากแต้ม........แต่งสร้างไพสัณฑ์ ฯ
-๒-
๏ พิศพรรณเถาวัลย์เวี่ย.....นมตำเลียเรี่ยโรยเถา
ดอกเด่นเห็นพริ้งเพรา.......เกลากรองสร้อยร้อยผกา ฯ
๏ นมตำเลียไต่เลื้อย........ลอดเถา
ทอดหลบแฝงคบเงา.........ง่ามไม้
เผยดอกเด่นพริ้งเพรา.......พาดกิ่ง
เพียงสอดสวมสร้อยไว้.....หว่างก้านกาหลง ฯ
-๓-
๏ เรียมฝากใจฝากไว้.......หวังชิดใกล้ใฝ่ถนอม
ชมแก้มกลิ่นชวนดอม......หอมสนิทนาสิกเชย ฯ
๏ เรียมฝากใจฝากไว้.......วานถนอม
หวังชิดสนิทชอม............ชื่นน้อง
ชมแก้มกลิ่นชวนดอม.....ดมกลิ่น
หอมติดนาสิกคล้อง........ค่ำเช้าเชยสม ฯ
-๔-
๏ กาหลงหลงกลิ่นชู้.......กาฝากคู่ชูไฉน
เรียมหลงยิ่งหลงใจ........ใคร่แนบชู้อยู่นิรันดร์ ฯ
๏ กาหลงหลงกลิ่นชู้.......ชูใจ
กาฝากฝากคู่ใคร...........ใคร่ชี้
เรียมหลงยิ่งหลงใหล......หลงกว่า
อยากอยู่คู่ชู้นี้...............แนบน้องนิรันดร์ ๚
๑๔ กรกฎาคม ๒๕๔๖
12 กรกฎาคม 2546 12:12 น.
วฤก
-๑-
๏ พญาครวญครวญโศกเศร้า....เสียงซอ
พญาโศกโศกใครพอ................พี่ได้
พญาตรึกตรึกใดหนอ................น้องหน่าย
รักสร่างสร่างสิ้นไร้...................รสแล้วฤๅไฉน ฯ
-๒-
๏ แขกโอดครวญโอดอ้อน.........โอดสาร
เรียมขับเพลงขับขาน................ขับร้อง
เสียงกลอนหลากกลอนกานท์.....กลอนคร่ำ-.....ครวญเอย
พร่ำเอ่ยพร่ำเอื้อนพร้อง.............พร่ำร้องพร่ำขาน ฯ
-๓-
๏ เพลงทะแยเพียงทิ่มย้ำ.........ยอกใจ
ซอสะอึกสะอื้นไข.....................ข่าวแจ้ง
เธอเถือบ่เหลือใย....................ยึดเกี่ยว
จึงห่างหายคล้ายแสร้ง..............ซ่อนเร้นหลีกหนี ฯ
-๔-
๏ พญาครวญครวญโศกเศร้า...เสียงวอน
พญาโศกโศกเจ้าจร.................จากพ้น
พญาตรึกตรึกทั้งนอน...............นั่งตื่น
นึกโศกโศกใดท้น....................เทียบแม้นเราเสมือน ๚ะ๛
๑๑ กรกฎาคม ๒๕๔๖
27 มิถุนายน 2546 13:45 น.
วฤก
๏ ทารกเล่นไขว่คว้า............คืบคลาน
จากนั่งจนยืนนาน...............นับก้าว
มือน้อยค่อยเชี่ยวชาญ.........ฉวยจับ
เข้าแข่งขันคว้าน้าว..............เหนี่ยวได้ใดหมาย ฯ
๏ นักเรียนเรียนไขว่คว้า......คะแนน
ข้อสอบคือแบบแผน.............ผ่านชั้น
ปริญญาค่าล้ำแทน-..............ที่ปรัช-......ญานอ
นักปราชญ์ปราศธรรมนั้น....นับหน้านามขนาน ฯ
๏ อาชีพเอื้อไขว่คว้า............ครอบครอง
แสวงทรัพย์เสพสนอง.........สนุขซื้อ
ศีลธรรมคร่ำครึมอง............เมินหมิ่น
คนเก่งแก่งแย่งยื้อ.............หยิบใช้ฉกฉวย ฯ
๏ ยามชราไล่ไขว่คว้า.........ความตาย
ไหนล่ะคือจุดหมาย............มุ่งแท้
มือคว้าไขว่คว้าคลาย.........เคยฉก
ชีพดับคว้าจับแก้...............กลับฟื้นคืนไฉน ๚ะ๛
๒๖ มิถุนายน ๒๕๔๖
18 มิถุนายน 2546 16:55 น.
วฤก
๏ ดอกเอ๋ยดอกหญ้า
เจ้าไร้ค่าขาดผู้ชูไฉน
จึงดาดดอกออกเกลื่อนทั่วเถื่อนไพร
หวังรึใครเขาด้นมาค้นชม
ใช่ดอกฟ้าค่าล้ำหอมฉ่ำชื่น
ทั้งวันคืนเคล้าเชยมิเคยสม
ตะกายเงาเฝ้าคอยจะสอยดม
ใครนิยมเจ้าบ้างอย่างนี้เอย ๚
๏ ดอกเอ๋ยดอกคูน
ถึงอาดูรได้อะไรใครรึเห็น
ถึงชั่วดีมีสุขทุกข์ลำเค็ญ
ถึงเจ้าเป็นแปลกไปมีใครมอง
ถึงควรคิดสะกิดดูให้รู้แท้
ถึงไหนแน่นึกเอาเขาสนอง
ถึงร้องบอกนอกในหัวใจปอง
ถึงเขาจ้องก็ไม่เห็นเช่นเดิมเอย ๚
๏ ดอกเอ๋ยดอกบัว
นึกเกรงกลัวกระไรว่าใครหยาม
เขาเย้ยหยันวันยังค่ำว่าต่ำทราม
จะไปห้ามให้เว้นเป็นได้ฤๅ
มีแต่จิตคิดขัดอึดอัดแน่น
ด้วยเพลิงแค้นขุ่นไหม้เพราะใจถือ
เป็นเชื้อโกรธโลดเร้าเผากระพือ
ไยยังรื้อร้อนไฟไหม้ตนเอย ๚
๏ ดอกเอ๋ยดอกหญ้า
ยังมีค่าควรชูคนรู้เห็น
ถึงไร้รสหมดประทิ่นกลิ่นหอมเย็น
ใช่ประเด็นดูหมิ่นว่าสิ้นงาม
เกณฑ์กระไรใครแจงจับแบ่งฝ่าย
บอกขวาซ้ายสูงต่ำตอบคำถาม
หญ้าคือหญ้าหญ้าดูก็รู้ตาม
หญ้าพิรามอย่างประสาดอกหญ้าเอย ๚
๑๘ มิถุนายน ๒๕๔๖
18 มิถุนายน 2546 16:51 น.
วฤก
๏ ปัญหาฤๅเป็นเหตุ............อันทุเรศร้อนทุรน
เหลือที่จะรู้ทน....................ท้นแล้วอกฟกระอา ฯ
๏ หากลี้แลหากเร้น ...........ไม่แก้เข็ญข้อกังขา
ปล่อยยุ่งเกินปัญญา............กว่าแก้ไขให้กลุ้มคลาย ฯ
๏ ปัญหาคือปลายเหตุ.........ให้เล็งเลศที่หลากหลาย
เหตุการณ์ใดหากกลาย.......เป็นเหตุร้ายรีบหักลง ฯ
๏ สาเหตุที่สาหัส.................หากรีบปัดแลรีบปลง
จำกัดเขตจำกรง.................วงระวังวุ่นร้ายวาย
๏ ปัญหาไม่เป็นเหตุ...........ให้ทุเรศร้อนทุราย
แก้เสียกันก่อนสาย............คลายร้อนอกฟกระอา ฯ
๏ อย่าลี้แลอย่าเร้น.............รีบแก้เข็ญข้อกังขา
ปมใหญ่ใช้ปัญญา...............ถ้าแก้ไขทุกข์ก็คลาย ๚