12 ตุลาคม 2546 19:29 น.
วฤก
๏ จ๊ะเอ๋! เจ้าแอบเร้น............ฤๅไฉน
ชวนเล่นซ่อนหาไย..............ยากค้น
ตามตู้ตั่งโต๊ะไข..................ควานหมด
เหมือนดั่งผีบังพ้น................พรากไร้ใครเห็น ฯ
๏ ความฝันวันเก่าเกื้อ-..........กูลผล
เพื่อประโยชน์ประชาชน........ช่วงใช้
หันหายห่างเหหน.................หัตหั่น......หั้นฤๅ
ซุกซ่อนซับซ้อนไว้..............วัชฌ์ให้วายหาย ฯ
๏ กลฉลดลป่นพ้น...............ผลชน
คนก่นวนค้นจน...................บ่นค้น
ทนจนหม่นมนตน................หนป่น
หลหล่นปนมลล้น................ร่นพ้นพลผล ฯ
๏ จ๊ะเอ๋! เจ้าแอบเร้น............ฤๅไฉน
ถึงเปลี่ยนถึงแปลงไป...........ป่านนี้
อุดมการณ์ผ่านสมัย.............สมัตสร่าง.....สูญฤๅ
หาซ่อนหาหลบลี้.................เล่นแล้วลืมหรือ ๚ะ๛
๙ ตุลาคม ๒๕๔๖
8 ตุลาคม 2546 15:33 น.
วฤก
๏ ห่างนวลหวนนึกไห้..............โอ้อาลัยใจเปลี่ยวเหงา
แรมร้างห่างพริ้งเพรา..............เฝ้าคำนึงถึงนวลปราง ฯ
๏ สายัณห์ศัลย์ยอกสัก...........เสียดายรักจักเมินหมาง
ราวแสงแรงสูรย์จาง...............วางวาดฟ้าพร่าเลือนรงค์ ฯ
๏ รมควันอันธการ.................กรอมหมอกพานม่านฝุ่นผง
เหมือนจิตคิดพะวง................สงสัยนวลจะรวนเร ฯ
๏ ลองถามยามลมผ่าว...........ลมรู้ร้าวข่าวหันเห
เห็นนัยใครเขาเก..................เล่ห์ลวงฤๅถือความมา ๚
๏ ลมเฉยเลยฉิวลัด...............ประพาตพลัดอรรถกถา
ถามใดไม่นำพา....................น่าสงสัยใจระแวง ฯ
๏ กายไกลไม่ไกล่ใกล้..........ใจไม่ไขว้ไว้ให้แฝง
ไหวไปใกล้ใครแคลง.............แปลงใจได้ไร้ไยดี ฯ
๏ ดึกหนาวดาวหนึ่งร่วง...........ละลิ่วควงจากสรวงศรี
เหมือนมิตรปลิดไมตรี............พี่เพียงดาวคราวร่วงราน ฯ
๏ ห่างนวลหวนนึกไห้.............เพลิงหวงไหม้ไฟร้าวผลาญ
จากเรือนเหมือนไม่นาน..........การณ์ใช่แกล้งระแวงเอง ๚ะ๛
๗ ตุลาคม ๒๕๔๖
30 สิงหาคม 2546 12:10 น.
วฤก
.
๑
๏ อังคารโอ่อะคร้าว..........ขับแสง
สว่างไสวแดง..................เด่นฟ้า
เฟือนสีข่มแขแรง............โรยหรี่
เรืองรุ่งรังสีจ้า..................แจ่มไร้ใดเสมือน ฯ
๒
๏ ยามเยาว์ยามแม่ชี้........ชมหาว
เห็นหมู่ดาราพราว............พร่างพร้อย
พากย์เสียงพร่ำสอนดาว....ดูนั่น.......นะนอ
นับชื่อชมดาวคล้อย...........ค่อยรู้ดูเป็น ฯ
๓
๏ ยามชราพาแม่แม้น.......มองดู
ดาวเด่นเห็นด้วยหู...........หากชี้
อังคารอะเคื้อหรู................แลเลิศ -.....เลอแม่
มันสว่างกว่าอย่างกี้...........ก่องล้นยลแสง ฯ
๔
๏ อังคารโอ่อะคร้าว.........ขับสี
หกหมื่นมื้อนับปี..............ปักษ์โพ้น
ขอกราบบาทชนนี...........แนะใหม่
มาแม่แลดาวโน้น...........โน่นนั้นอังคาร ๚ะ๛
==============================
๓๐ สิงหาคม ๒๕๔๖
13 สิงหาคม 2546 09:53 น.
วฤก
๏ ข้าเคยเรียนเขียนกลอนกระท่อนกระแท่น
กระทั่งแม้นจนคำถลำถลา
จึงมุ่งมั่นสรรศัพท์ประดับประดา
และศึกษาสางกลประพนธ์ประพันธ์
ไม่เคยตริพิลึกมิฝึกมิฝน
ไม่เคยฉลฉลาดขยาดขยัน
ไม่ย่อท้อต่องานจะพานจะพัน
ฝึกทุกวันว่าเดี๋ยวก็เชี่ยวก็ชาญ
อนุชนคนไทยไฉนฉะนี้
สุ จิ มีเหมือนหล่นสถลสถาน
ปุ ลิ เลือนเหมือนขาดกระดาษกระดาน
วิชาการกลายสิ้นมลินมลาย
จงพากเพียรเขียนกลอนกระท่อนกระแท่น
กระทั่งแม้นมากศัพท์ขยับขยาย
แก้อักษรกลอนกลระคนระคาย
สมเชื้อสายชาติกลอนสะท้อนสะเทือน ๚ะ๛
1 สิงหาคม 2546 12:27 น.
วฤก
โคลงสี่สุภาพ
๏ เพลงเก่าแม่กล่อมร้อง.....ประโลมนอน
เสียงเห่เอเอ้กลอน.............กาพย์แก้ว
กวีไหนใส่อักษร................สรรค์แต่ง
เติมศัพท์เสียงสดับแล้ว.......รสล้ำคำความ ฯ
๏ ยามไสยาสน์ซบอ้อม-.....อกละมุน
ยามเหนื่อยแม่คอยจุน........จุ่งสู้
ยามแสวงสิ่งสวัสดิ์หนุน......แนะที่.....ดีนอ
ยามหกล้มแล้วกู้...............เกาะขึ้นขืนถลา ๚
สัททุลวิกกีฬิตฉันท์ ๑๙
๏ ลูกก้าวไปมิละไกลพิสัยนยนะหา
หากพลาดและพลั้งมา..........................พยุง ฯ
๏ ยืนอยู่ด้วยมนะช่วยจะอวยธุระผดุง
ด้วยหมายจะบำรุง...............................ประทัง ฯ
๏ ท่านเฝ้าแลและชะแง้ชะงักภยะระวัง
ใดร้ายรึรีบบัง.....................................ทุเลา ฯ
๏ ถึงลูกแกร่งพละแรงก็มาติกะมิเพลา
พาร่างชราเบา....................................ระบาญ ๚
ฉบงง ๑๖
๏ คุณแม่แม้จะประมาณ.................เหมือนใดไหนปาน
เปรียบถ้อยร้อยคำรำพัน ฯ
๏ พากย์เก่าเบาราณขานกัน............กลายฟ้าเป็นบรรณ
เบิกหมึกจารึกสมุทรจาร ฯ
๏ จับลากปากกาหล้าขาน..............เขียนสือสื่อกานท์
กรองกลั่นบรรยายระบายแร ฯ
๏ ฤๅเปรียบเทียบห้วงดวงแด..........ดลศัพท์งับแง
งอกกว่าจารึกนึกความ ๚
ดอกสร้อย
๏ เพลงเอ๋ยเพลงเก่า......................ขับขานเล่าร้องซ้ำข้อคำถาม
พระคุณแม่แค่ไหนใครนิยาม............ยังเฝ้าตามแต่บรรพ์พรรณนา
เพียงเสียงเห่เอเอ้ไกวเปลกล่อม.......ลูกยังน้อมมโนนึกคิดศึกษา
บุญคุณเสียงเจรียงกล่อมถนอมมา....ประเมินค่าคิดไฉนใครรู้เอย ๚ะ๛
๑ สิงหาคม ๒๕๔๖