21 ตุลาคม 2546 10:49 น.
วฤก
.
๏ ย่ำค่ำเสียงย่ำฆ้อง...............ขัดย่ำกลองฆ้องย่ำเสียง
ฟ้าค่ำย่ำเย็นเพียง.................เมียงน้ำทองก่องน้ำแดง ฯ
๏ ย่ำค่ำเสียงย่ำฆ้อง...............ขานเสียง
สอดย่ำกลองฆ้องเคียง............ขัดย้ำ
ฟ้าค่ำย่ำเย็นเพียง.................แพรก่ำ
พาดเกลือกทองผ่องกล้ำ..........ก่ำน้ำแดงแฝง ๚
๏ ดาดเมฆเสกสีรอบ..............ระบายกรอบขอบขับแสง
สีผ่องทองจำแลง.....................แฝงฝากพรรณชั้นเมฆา ฯ
๏ ดาดเมฆดังเสกสร้าง...........สีแสง
ระบายกรอบขับขอบแดง.........เด่นได้
ดังทองผ่องจำแลง...................แรขอบ.......เมฆอา
สุกดั่งสุพรรณไล้.....................หลั่นชั้นฉาบผิว ๚
๏ ตะวันผันลับร้าง.................เรียมอ้างว้างห่างโหยหา
คระไลไถงลา.........................มาพรากพี่หนีจากพลัน ฯ
๏ ตะวันผันลับร้าง.................โรยรา
เรียมห่างไห้โหยหา................ห่วงเจ้า
คระไลไถงพา.........................พลัดจาก
พรากห่างเรียมร้างเหย้า..........อยู่อ้างว้างเหงา ๚
๏ สลัวมัวหมอกคลุ้ม...............คายม่านกลุ้มคลุมไพสัณฑ์
ฤดีพี่จาบัลย์............................อั้นอกคล้ายสายหมอกครอง ฯ
๏ สลัวมัวหมอกคลุ้ม...............คลุมควัน
คายม่านครองไพสัณฑ์............ซ่อนซ้อน
ฤดีพี่จาบัลย์.............................บังหม่น
เหมือนหมอกบอกยอกย้อน........อย่างไว้ใจเสมือน ๚
๏ ยามค่ำเย็นย่ำนั้น...................เรียมใฝ่ฝันวันสนอง
แนบคู่อยู่ประคอง.....................สองสู่กันนิรันดร ฯ
๏ ยามค่ำเย็นย่ำนั้น...................นึกปอง
ฝันใฝ่ใคร่สนอง......................สนิทเนื้อ
แนบคู่อยู่ประคอง....................เคียงเสพ
เคยสวาทสวรรค์เกื้อ................แก่ชู้สู่สม ๚
๏ ย่ำค่ำเสียงย่ำฆ้อง.................ขานข่าวก้องกรองอักษร
ย้ำคำพร่ำคำวอน......................อ้อนคิดถึงคำนึงครวญ ฯ
๏ ย่ำค่ำเสียงย่ำฆ้อง.................คำกลอน
ขานข่าวความอักษร.................สั่งถ้อย
ย้ำคำพร่ำคำวอน......................วัจน์เอ่ย......อ้อนเอย
เสียงคร่ำครวญครั้งคล้อย.........ข่าวไข้คะนึงถึง ๚ะ๛
๑๙ ตุลาคม ๒๕๔๖
13 ตุลาคม 2546 13:30 น.
วฤก
๏ จิตคนคนฝึกได้..............โดยตน
ตามใฝ่ใฝ่กมล..................มุ่งนั้น
นึกชั่วชั่วรึดล....................ดีสู่.......สูนอ
ถ้วนทุกทุกข์สุขปั้น............เปลี่ยนได้ใจประสงค์ ฯ
๏ ปลงจิตคิดเล่นเต้น.........ตามใจ
ยามสับสนไร้ใคร..............คัดท้าย
เคยมั่นหวั่นไหวไป............แปลงเปลี่ยน
จิตปล่อยลอยคล้ายคล้าย...ขาดแล้วจุดหมาย ฯ
๏ กายใจใฝ่ฝึกให้.............เห็นทัน
อุปสรรคปลักขวางหัน........ห่างพ้น
แล้ววกผกคืนพลัน............เพื่อจุด-.....หมายนา
ฟันฝ่าหน้าดั้นด้น..............ดะสู้กู้ผล ฯ
๏ จนบรรลุสู่ด้าน................อุดมการณ์
การณ์เปลี่ยนไป่เปลี่ยนมาน..มุ่งได้
ได้ทำประณิธาน.................เธอเสร็จ
เสร็จอย่างสมบูรณ์ไซร้........เสร็จได้ดังฝัน ๚ะ๛
๑๓ ตุลาคม ๒๕๔๖
13 ตุลาคม 2546 12:31 น.
วฤก
๏ ในยามดึกยามดื่นค่ำคืนร้อน
เรียมสะท้อนสะทกวิตกไหว
เกรงว่าเวรว่ากรรมเคยทำไป
มาส่งภัยส่งผลตามกลกรรม
จึงได้พรากได้พลัดถึงบัดนี้
พลั้งท่าทีท่าทางย่างถลำ
หลงระหกระเหินเกินกลับลำ
จิตระส่ำระสายเจียนวายชนม์
รอยน้ำค้างค้างไม้ไม้ไห้โศก
เจ้าวิโยคจากไกลไกลจากหน
ไม่เทียมพี่พี่ไกลไกลกมล
มีรอยหม่นหมองช้ำช้ำน้ำตา
ยากจะเฉยจะชินสิ้นเทวษ
คงทุเรศทุรนทนโหยหา
กี่ยามดึกยามดื่นฝืนอุรา
เลิกพะว้าพะวังหันหลังคืน ๚ะ๛
๑๐ ตุลาคม ๒๕๔๖
13 ตุลาคม 2546 10:37 น.
วฤก
๏ ฉากชีวิตลิขิตไว้ใครกำหนด
เขียนเป็นบทบังคับกับวิถี
เดินซ้ายขวาหน้าหลังทั้งชั่วดี
ทั้งหมดนี้นะใครเขียนให้คน
บ้างว่าพรหมลิขิตประสิทธิเส้น
บ้างว่าเป็นบุญกรรมสัมฤทธิ์ผล
บ้างว่าพระเป็นเจ้าประสงค์ดล
ต่างตัวตนต่างทางจึงต่างกัน
หากว่าผลดลมาจากสาเหตุ
ถ้าสังเกตใกล้ชิดไม่บิดผัน
ปฏิจสมุปบาทวาดผลอัน
เป็นชาติชั้นเชื้อวัฏไม่ตัดตอน
ฉากชีวิตลิขิตทำตามกำหนด
ไปตามกฎแห่งกรรมพระธรรมสอน
กระทำดีดีดลผลบวร
กรรมชั่วทอนทิ้งห่างล้างได้ฤๅ ๚ะ๛
๑๒ ตุลาคม ๒๕๔๖
12 ตุลาคม 2546 20:01 น.
วฤก
ภาพจาก http://www.manager.co.th/QOL/viewnews.asp?NewsID=4681386086343
๏ ทุ่งพระเมรุรึมาตรแม้น........เมืองสวรรค์
ภาพฉากพิจิตรอัน...................อวดได้
ประดาแขกฝรั่งหัน..................เห็นชื่น.......ชมนอ
น่าประดิดประดอยไว้.............หว่างข้างทางสถล ฯ
๏ คนจรตอนผ่านผ้าย............ผาดพิศ
ภาพพจน์พิปริต......................รกเรื้อ
รุงรังบดบังมิด........................เม้มเก็บ
ตกแต่งตฤณตาบเนื้อ............เน่าไว้ในสนาม ฯ
๏ ห้ามไทยใครใคร่ค้า............ข้างด
ใครใคร่ขายหายหมด.............หมกสิ้น
ข้อคำพ่อขุนจด......................จริงแต่.......ศิลาเวย
วันนี่ข้าจักปลิ้น.......................เปลี่ยนให้ฝรั่งเห็น ฯ
๏ เป็นทุ่งหญ้าใหญ่กว้าง......กลางกรุง
ปราสาทราชวังปรุง...............แปลกหน้า
เสนอให้ฝรั่งมุง.....................มองเล่น
เป็นประโยชน์โภชผลค้า......ขุดบ้านเมืองขาย ๚ะ๛
๑๑ ตุลาคม ๒๕๔๖