14 พฤศจิกายน 2546 23:45 น.
วฤก
๏ ดารดาษวาดดาวหว่างหาวห้วง
ระบายดวงดาวเด่นเป็นอักษร
แสงประภาสพาทย์พจน์พร่ำบทกลอน
พี่กล่อมนอนแนบสนิทน้องนิทรา
ชมจังหวะระยะวางระหว่างช่อง
แสงดาวส่องสุกใสชวนใฝ่หา
เห็นดาวธงพะวงชิดกฤติกา
เรียมฤๅลาลับล่วงห่างดวงใจ ฯ
ที่จากกันนั้นฤพรากฤพลัดพ้น
ที่จากทนทุกข์ระทมระทวยไหว
ที่จากคามตามสถลสถานไกล
ที่จากไปเป็นเพราะกิจเพราะการงาน
พี่เฝ้าใฝ่ใคร่จะหักจะห้ามคิด
พี่เฝ้าปลิดปลงทุรนทุรายผลาญ
พี่เฝ้ารอขอมิคลาดมิคลานาน
พี่เฝ้าวารหวังจะคืนจะเคียงนวล ฯ
จึงวาดดาวสกาวแสงไว้แจ้งเหตุ
จงสังเกตกาพย์กลอนฉะอ้อนหวน
เห็นนัยคำสำคัญเรียมรัญจวน
คำคร่ำครวญคะนึงคิดถึงเธอ ๚ะ๛
๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๔๖
3 พฤศจิกายน 2546 09:18 น.
วฤก
๏ สิเนรุยังผุล้ม.........................ลงมลาย
เกษียรสมุทรหมดชลหาย.........เหือดแล้ง
บรรลัยกัลป์กัปกัลป์วาย.............วอดดับ........ลับเอย
เรียมเอ่ยคำรักแจ้ง..................จักร้างลืมไฉน ฯ
๏ เพราะใจพี่ฮึกห้าว.................มหันต์พล
แพ่งอิทธิฤทธิ์ดล......................ดั่งนั้น
ทวยเทพทั่วหาวหน..................เหิมฤทธิ์.......หักฤๅ
แรงเปรียบหาเทียบชั้น............เฉกแม้นมโนผล ฯ
๏ เพียงกมลเรากอปรล้อม.......แรงรดี
แข็งกว่าไตรธาตรี..................เตรียบได้
แสนสูรย์สาดอัคคี..................เข้าแผด.........เผานา
เนาสถิตเสถียรไว้..................วัชฌ์ล้างฤๅสลาย ฯ
๏ ทลายสิเนรุล้ม.....................ลงดิน
เกษียรสมุทรหมดชลริน..........แหล่งพื้น
บรรลัยกัลป์กัปกัลป์ภินท์.........พังพ่าย.........แพ้เฮย
พี่เอ่ยคำรักฟื้น.......................ฟ่องพ้นกลสมัย ๚ะ๛
๒ พฤศจิกายน ๒๕๔๖
28 ตุลาคม 2546 08:53 น.
วฤก
๏ เสมอภาคเสมือนภาพคล้าย-.......คลึงไฉน
วางเปรียบวัดเทียบไย.................หยั่งรู้
เห็นพรรณต่างกันไป..................เป็นต่าง.....ตามฤๅ
ตุลภาคแตกพังคู้.....................คดโค้งลงไฉน ฯ
๏ ใจพินิจจึงพิศได้....................ดังจริง
ชายต่างกว่าอย่างหญิง................ยิ่งแล้
แลร่างต่างตามลิงค์...................ลักษณะ
ฉะนั้นจะนำเทียบแท้..................เท่าได้ใดเสมอ ฯ
๏ เสมือนกายประกอบไว้.............อวัยวะ
หัวต่างหัตถ์นขะ......................เข่าข้อ
หญิงชายต่างภาระ...................เพราะร่าง
แตกต่างดังอย่างล้อ.................เล็บข้อเข่าหัว ฯ
๏ กลัวไฉนนะไม่คล้าย-.............คลึงกัน
วางเปรียบวัดเทียบทัน...............ทบข้าง
หญิงชายอาจเสมือนพรรณ..........เสมอภาค
เพราะประกอบประการสร้าง.........ประสิทธิหล้ารังสรรค์ ๚ะ๛
๒๗ ตุลาคม ๒๕๔๖
26 ตุลาคม 2546 14:15 น.
วฤก
๏ ใดหนอนำแม่อ้า............อวดถัน
แยกเข่ายกขาชัน.............เช่นนี้
รอยหลืบร่องรูปพรรณ.......พาหื่น.....เห็นแม่
เผยหมดภาพเร้นลี้............ล่วงรู้ดูเห็น ฯ
๏ เป็นศิลป์ฤๅสื่อให้..........โหมกาม
เกียรติเหล่ามาตุคาม.........ข่มด้อย
เผยกายเพื่อชายหยาม.......หยันเหยียด
ยังอย่างทาสผู้น้อย.............นั่งน้อมนายไฉน ฯ
๏ ใครขายใครใคร่ซื้อ.......เสพชม
ใครหื่นใครขื่นขม............คิดได้
สิ่งเสนอสิ่งสนองสม..........สิ่งสนับ-......สนุนนา
นำถกเถียงแล้วให้...........หัดแก้ปัญหา ฯ
๏ นารีฤๅคลี่ผ้า..............เผยถัน
ถ้าหยุดผู้อยากหัน..........หื่นจ้อง
อนาจารอนาถจรร-.........โจษด่า
จักดับเพราะผองพ้อง......เพื่อนด้วยอวยผล ๚ะ๛
๒๖ ตุลาคม ๒๕๔๖
24 ตุลาคม 2546 09:16 น.
วฤก
๏ เปลือย.....ถันปลงแถบผ้า.......แพรพัน
เปลี่ยว - ...แก่ กรากถลัน...........ถลกรั้ง
เปล่า ?...ใครไป่เคยปัน.............เปิดเผื่อ-.....แผ่นา
เปื้อน...ปิดแปดเปื้อนกั้ง.............กฎอ้างกดอาย ฯ
๏ อนาจารอนาถแจ้ง.................จริงไฉน
เหตุหื่นโหมห่ามใคร................ข่มห้าม
ปิดภาพเปิดเผยไป....................เพื่อปราบ.....พอฤๅ
เพียงกฎพาเกิดคร้าม................ขู่ให้ใครขาม ฯ
๏ เซนเซอร์เซ็นซ่อนซ้อน..........ซากซวย
เฉกฉากชั้นฉาบฉวย................โฉ่ฉ้อ
เพียงภาพผ่องแผ้วพวย-...........พุ่งเพื่อ-.......ไผพ่อ
ขอขบคิดครบข้อ......................ค่อยขึ้นคลายไข ฯ
๏ เปลือย....กายหมายเสื่อมแท้...เทียวหรือ ?
เปลี่ยว...จิตคิดหื่นถือ................ทุกผู้ ?
เปล่า...สติตริตรองคือ...............คนอื่น ?
เปื้อน...ปิดถูกผิดรู้.....................หลักเจ้าจริงไฉน ? ๚ะ๛
๒๓ ตุลาคม ๒๕๔๖