1 กุมภาพันธ์ 2547 12:27 น.
วฤก
๏ ชูช่อเชิดชดช้อย................เล่นลมคล้อยลอยล่องเลย
ราชาวดีเกย..........................เชยชิดดอกเย้าหยอกกัน ฯ
๏ ชูช่อเชิดชดช้อย................ชวนเชย
ฉิวลิ่วลมรำเพย.....................กระเพื่อมล้อ
ราชาวดีเกย..........................ก่ายดอก
ดังหยอกเย้ากันก้อ.................กริ่มล้อเรียมไฉน ฯ
๏ แลดอกละดอกชิด..............ซ้อนสนิทสนิกสรรค์
ดอกก่ายดอกใกล้กัน...............หยันเหยียดข้าผู้ลาไกล ฯ
๏ แลดอกละดอกซ้อน.............สบกัน
แนบสนิทสนิกสรรค์...............เสียดเนื้อ
ดอกก่ายดอกใกล้กัน................เกี้ยวเกี่ยว
ดอกเหยียดหยันข้าเทื้อ...........ที่ร้างห่างสมร ฯ
๏ อเนจอนาถพ้อ....................ผกาล้อท้ออดสู
อนิษฏ์อนิจดู..........................ดังอยู่ไว้ให้เตือนตน ฯ
๏ อเนจอนาถน้อ....................นี่ตู
มาห่างนางอดสู.....................แสบร้อน
อนิษฏ์อนิจดู..........................ดังอยู่
ดลสู่ตนสะท้อน.....................สะทกโอ้อกเหงา ฯ
๏ เคยเชยเกยก่ายน้อง.............สนิทต้องปองรัญจวน
เนื้อแนบนิ่มเนื้อนวล................หวนนึกได้ใกล้กว่ากัน ฯ
๏ เคยเชยเกยก่ายน้อง..............นึกหวน
กระเส่าเร้ารัญจวน...................จับไล้
เนื้อแนบนิ่มเนื้อนวล..................แน่นกว่า
ประกับดอกผกาไว้....................ระหว่างช้องช่อเสมือน ฯ
๏ เพียงพลันผันพลัดพ้น............พรากพี่ด้นพนสถาน
เรียมร้างห่างดวงมาน................นานเหนื่อยแล้วโอ้แก้วใจ ๚
๏ เพียงพลันผันพลัดพ้น..............พรากสถาน
พาสู่พงดงดาน...........................ดิบแคล้ว
เรียมร้างห่างดวงมาน.................มาเปลี่ยว
เดินเดี่ยวนานเนิ่นแล้ว..................เหนื่อยร้างนางขวัญ ฯ
๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๗
29 มกราคม 2547 23:49 น.
วฤก
๏เห็นดาวดาดาษห้อม.................แห่จันทร์ชอมย้อมหยาดโสม
เหมวรรณผ่องพรรณโลม............โกรมก่องกล้าอ่าอำไพ ฯ
๏ เห็นดาวดาดาษห้อม................แห่โสม
ให้ส่องแสงบรรโลม....................แหล่งหล้า
เหมวรรณผ่องพรรณโกรม..........เกลื้อเกลือก.........กันฤๅ
แรอร่ามอุไรกล้า..........................ก่องพื้นไผท ฯ
๏ ราตรีนี้แต่งแต้ม.....................งามแอร่มแจ่มจันทร์ฉาย
จนสางสร่างแสงพราย...............หายเหือดไกลให้เกรียมกรม ฯ
๏ ราตรีนี้แต่งด้วย......................เดือนหงาย
งามแอร่มแจ่มจันทร์ฉาย............ฉาบพื้น
จนสางสร่างแสงพราย...............พรอดแผ่น........ภพนา
มาดับดาลศัพท์สะอื้น.................สะอึกโอ้อกตรม ฯ
๏ ชมกลิ่นประทิ่นช้อย...............ชื่นฉมลอยค่อยชวยลม
ราตรีพี่ได้ดม............................ฉมเฉกปรางฤๅต่างกัน ฯ
๏ ชมกลิ่นประทิ่นช้อย...............ชวยลม
หอมชื่นชวนดอมดม..................ดอกไม้
ราตรีพี่เชยชม...........................ชื่นกลิ่น
เช่นกับปรางร่วมไล้....................เลปน์ด้วยอวยฉม ฯ
๏ ราตรีฤๅแต่งแกล้ง..................กลิ่นแสวงสวาทโหย
ให้หมายจิตชื่นโชย...................โรยรื่นกลิ่นหาสิ้นชม ๚
๏ ราตรีฤๅแต่งแกล้ง.................กลิ่นโปรย
ปรุงประทิ่นถวิลโหย................หัตถ์คว้า
ให้หมายจิตชื่นโชย..................ฉมกรุ่น
เชยกลิ่นกัลป์กลบหล้า...............เลิกร้างฤๅไฉน ๚ะ
๒๙ มกราคม ๒๕๔๗
26 มกราคม 2547 23:12 น.
วฤก
๏ ฤๅแก้วเลือนกลิ่นแก้ว............รารสแล้วแก้วลืมฉม
เคยชื่นกลิ่นรื่นรมย์...................แล้วแก้วหน่ายอายแก้มนาง ฯ
๏ ฤๅแก้วเลือนกลิ่นแก้ว............กลายฉม
เชยกลิ่นใช่แก้วดม...................ดั่งกี้
เคยชื่นกลิ่นรื่นรมย์...................เลปน์เสพ
แก้วหน่ายอายกลิ่นลี้..................หลบแก้มแก้วไฉน ฯ
๏ กลีบกรองนวลผ่องเนื้อ............ผิวผ่องเหลือเอื้อรัญจวน
เพียงพิศพ่างชิดชวน..................ยวนอยากใกล้ใคร่ครองเคียง ฯ
๏ กลีบกรองนวลผ่องเนื้อ............เพียงนวล
ผิวผ่องพารัญจวน......................จิตร้อน
เพียงพิศพ่างชิดชวน..................เชยชื่น
อยากอยู่คู่ฉะอ้อน.......................ออดน้องประคองเคียง ฯ
๏ ชมแก้วฤๅใช่แก้ว...................เพียงแผ่วแผ้วแก้วกลับเผย
แก้วต่างอย่างเรียมเคย..............เชยสุคันธ์ครั้งวันวาน ฯ
๏ ชมแก้วฤๅใช่แก้ว...................กอดเชย
เพียงแผ่วดอกแก้วเผย..............ผิดน้อง
แก้วต่างอย่างเรียมเคย..............สุคันธ์ชื่น
สุคนธ์ใช่นาสิกต้อง.....................แต่ครั้งเพรงกาล ฯ
๏ กลิ่นแก้มแช่มชื่นเร้า..............เริงรื่นเฝ้าเคล้าคลอสม
แก้วไหนไม่นิยม........................นิยตอย่างนางแก้วเรียม ๚
๏ กลิ่นแก้มแช่มชื่นเร้า..............เริงรมย์
เรียมอยู่ชูชิดสม.........................สู่เจ้า
แก้วไหนไม่นิยม........................นิยตอย่าง
แก้วหนึ่งนี้เรียมเฝ้า....................ใฝ่เคล้าครองถนอม ๚ะ
๒๖ มกราคม ๒๕๔๗
25 มกราคม 2547 21:59 น.
วฤก
๏ กระจกกระจ่างสร้าง..............แสงเงา
เผยภาพผองเราเอา...................ออกแจ้ง
ภาพงามชั่วเฉาเบา....................บังเปลี่ยน เพี้ยนฤๅ
เห็นประจักษ์จริงแสร้งแย้ง........ยอกย้อนซ่อนไฉน ฯ
๏ ใจคนคละชั่วกลั้ว..................กับดี
มืดสว่างทางชีวี........................วาดพร้อม
ผลกรรมใช่หนีที.......................ทำเปล่า
ผลส่งผลห้อมล้อม.....................หลุดพ้นฤๅผล ฯ
๏ กลกรรมใช่ซ่อนซ้อน............แสนกล
คล้ายดั่งกงกลวน....................ว่าคล้าย
ชั่วดีส่งผลดล...........................ดีชั่ว
สนองตอบดีร้ายผ้าย.................เพื่อย้อนผลสนอง ฯ
๏ ส่องตนจนกระจ่างอ้าง...........อรรถธรรม
ดีชั่วจิตนำจำ............................เจตแล้
สัตว์โลกสรรพกรรมงำ..............เงื้อมจับ
เวรดับกรรมแพ้แก้..................กลบด้วยนิพพาน ๚ะ๛
๒๕ มกราคม ๒๕๔๗
25 มกราคม 2547 09:39 น.
วฤก
๏ นักรบเลอเกียรติกล้า..............การณรงค์
สละชีพเพื่อชาติคง....................เขตแคว้น
สงวนศักดิ์รักษ์ทะนง.................ทะนุกมั่น
มีค่ากว่าชีพแม้น.......................มอดม้วยหมายถนอม ฯ
๏ พร้อมสู้ศึกซึ่งหน้า..................เนตรประจักษ์
ลอบกัดก็สุนัข...........................แน่ไซร้
ทหารสู้ทหารศักดิ์.....................สมชื่อ..........ทหารเวย
ทหารฆ่าสงฆ์ฤๅให้....................โห่ร้องฉลองหมา ฯ
๏ ฆ่าพระผู้ผ่องแผ้ว..................พิสุทธิ์
นักรบแน่รึทุด............................ถ่อยแท้
ลอบกัดแกว่งมีดกุด....................มึงเก่ง
กล้ากับพระกลัวแพ้....................พ่ายผ้าสบง ฯ
๏ ทรงศักดิ์ศาสน์สัตว์ให้...........โหดหัน
เห็นแก่การฆ่ากัน.....................ก่นมล้าง
โหมโลกเร่าร้อนควัน.................คลุมขุ่น
เพียงมุ่งหมายวุ่นสร้าง...............สัตว์ร้ายรบาญผลาญ ๚ะ
๒๔ มกราคม ๒๕๔๗