2 มีนาคม 2547 14:59 น.
วฤก
๏ คืนเพ็ญมาฆะครั้ง...............ครองลัคน์
ล่วงหนึ่งพุทธศัก-...................ราชคล้อย
เอหิภิกขุสมัคร........................สมานหมู่
เสมอหนึ่งพันสองร้อย.............และห้าสิบสงฆ์ ฯ
๏ ลงวิหารเวฬุล้อม.................บรมศาส-...........ดาแฮ
ห้อมสดับพุทโธวาท................ระหว่างหั้น
ปาติโมกข์ประกาศ..................ประการกอปร
เกื้อประกฤตประกันกั้น.............กร่อนกล้อนกิเลสเขลา ฯ
๏ พึงเว้นวางชั่วกลั้ว...............กุมกมล
พึงประกอบกุศลดล.................ดับร้อน
พึงชะจิตจนผล.......................ผุดผ่อง
พ้นทุกข์สะท้อนข้อน...............เข่นสะท้านสทุมทรวง ฯ
๏ ครั้งเพ็ญมาฆะคล้อย...........ครบฉนำ
น้อมจิตในพระธรรม..............ที่แท้
พิธีพลีกรรม...........................การประกอบ
กระพี้ห่อหากรู้แล้...................หลุดพ้นโมหันธ์ ๚ะ
๒ มีนาคม ๒๕๔๗
1 มีนาคม 2547 12:22 น.
วฤก
๏ ระบำทำท่าเต้น.......................ตามระเบง
ตรงระเบียบจังหวะเพลง..............พากย์ไว้
พิณวาทน์พาทย์บรรเลง...............ร้องบท
รำแบบบทบอกได้.......................ดั่งนั้นนาฏกรรม ฯ
๏ นัฏการนั้นกอปรพร้อม.............เพริศศิลป์
พร้อมสรรพภาพเสียงยิน.............เยี่ยมแล้
หยาดโลมชุ่มโกรมดิน................ดลสุข
ดังเสกสวรรค์แก้........................เกลี่ยหล้าลืมเข็ญ ฯ
๏ ละครฤๅขาดข้อ.......................ควรแล
ไขเล่ห์ลึกซึ้งแด..........................เด่นแจ้ง
ดลจิตพิจารณ์แปล......................เปรียบสิ่ง
เป็นสัตย์เป็นเสแสร้ง...................สื่อรู้ดูตน ฯ
๏ ดนตรีปี่พาทย์ร้อง...................ละคร
เล่นครบจนจบตอน....................แต่งหั้น
ตรองเห็นตรึกเหตุสอน...............สารบอก
เสร็จบทชีวิตนั้น........................นั่นสิ้นสังขาร ๚ะ
๑ มีนาคม ๒๕๔๗
24 กุมภาพันธ์ 2547 10:53 น.
วฤก
๏ ถึงพร้อมเหตุปัจจัยพิสัยก่อ
ครบต้นตอแต่งปรุงบำรุงผล
สังสารวัฏบัดนั้นก็พลันดล
กำเนิดตนตามกรรมเนื่องนำมา
เสวยชาติผาดโผนกระโจนแล่น
เวรวาดแผนพาเหตามเรขา
อกุศลกุศลส่งลงมรรคา
ไม่ลดราเลิกฤทธิ์เฝ้าติดตาม
โหมรักโลภโกรธหลงให้ทรงจิต
ไม่ปลงปลิดเปลื้องกิเลศเหตุข้องหนาม
ไขว้เหนี่ยวลงสงสารนานนิยาม
ยังคงข้ามกัลป์กัปมิดับลง
กำจัดเหตุปัจจัยพิสัยก่อ
มิให้พอเพิ่มฤทธิ์พิศวง
สังสารวัฏบัดนั้นก็พลันปลง
ปัญญาส่งเสวยทิพย์สู่นิพพาน ๚ะ
๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๗
24 กุมภาพันธ์ 2547 09:31 น.
วฤก
๏ ที่อยากจำย้ำตนให้ทนท่อง
แต่สมองเสมือนเลอะเซอะสับสน
ครั้นได้หน้าผวาอกหลังวกวน
ราวเล่ห์กลร้ายแกล้งพลิกแพลงกลาย
ในวันนี้ปีก่อนตอนเย็นย่ำ
เคยเอ่ยคำอ้างคืนเหมือนกลืนหาย
คำเคยไขกระไรนิอธิบาย
เถิดโฉมฉายช่วยชี้พี่ลืมความ
ครั้นอยากลืมอยากเลือนก็เหมือนแกล้ง
กลับทิ่มแทงฤทัยหนักดังยักหนาม
ให้เจ็บแสบแปลบทรวงทุกห้วงยาม
ยากหักห้ามให้หยุดเลิกขุดที
ครั้งพี่ลืมของขวัญวันเกิดเพื่อน
น้องย้ำเตือนตระหนักตามสักขี
จนพ้นวันนั้นมาสิบห้าปี
ยังจ้ำจี้จ้ำไชไม่เลิกรา
อยากให้จำย้ำตนพี่ทนท่อง
สร้างสมองเหมือนสมุดจุดเรขา
ทุกเรื่องราวคราวผ่านพ้นกาลมา
มีคุณค่าควรมอง.... เรื่องสองเรา ๚ะ
๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๗
23 กุมภาพันธ์ 2547 15:18 น.
วฤก
๏ ภักษาพาเสพเอื้อ.......................อิ่มโอษฐ์
เอมอร่อยลองรสโภช....................เพื่อลิ้น
คาวหวานซ่านประโมทย์...............ประมาณหนึ่ง
ครั้นอิ่มลิ้มแล้วสิ้น........................เสื่อมล้างรสหาย ฯ
๏ กำหนัดกามแน่นเร้า.................ราคะ
ประโลมหัตถ์โหมผัสสะ...............เสพลิ้ม
สมาสพรรณสมานระ-..................เริงชื่น
ลุสุขเขษมพริ้ม...........................ผ่านแล้วราสนาน ฯ
๏ เสวยเกียรติศักดิ์สร้าง..............ทรงไฉน
คว้าแข่งแย่งมาใน......................ขณะนั้น
ครอบครองบ่นานไป....................เป็นอื่น
เป็นอนึ่งอนิจกลั้น........................สะกดไว้ตะกายหวัง ฯ
๏ สรรเพชญทรงแผ่แท้...............พุทธธรรม
สดับศัพท์ประดับนำ....................มนัสน้อม
พินิจการณ์พิจารณ์จำ..................จนจิต..............แจ้งนา
นั้นเกียรติกามกินย้อม.................หยดเปื้อนใจไฉน ๚ะ
๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๗