19 เมษายน 2548 12:40 น.
วฤก
๏ พุดตานงามยามเช้ากลีบขาวนัก
ไม่รู้จักเจือฝุ่นคล้ำขุ่นผิว
กระทุ่มดอกหยอกย้ายพระพายปลิว
ลมฉีกริ้วเชิญฉะปะทะทาน
ท้าเปลวแดดแผดผ่าวไอร้าวร้อน
ไม่สยอนยอมแสยงหยัดแสงฉาน
จนแสงสูรย์สูญแสงเสื่อมแรงลาญ
กลีบเลยกร้านแรก่ำสีคล้ำกลาย
กลชีวิตคิดไปก็ไม่ต่าง
ตามหนทางทอดเท้าสู่เป้าหมาย
มีขวากหนามตามตำตอกทำลาย
อย่ายอมพ่ายย่อมผ่านพ้นพาลกล
จากวัยเยาว์เขลาหมายอุบายหลอก
ความย้อนยอกย่อมพอทำฉ้อฉล
ต่อปัญญาประภาภาสก็อาจดล
เห็นทางพ้นภัยสู่เรียนรู้ทัน
เมื่อแกร่งกล้าท้าชนเล่ห์กลพะ
รู้จังหวะวางจับเมื่อคับขัน
ไขคดีชีวิตวุ่นติดพัน
ด้วยเชิงชั้นเชี่ยวชาญสมการควร
พุดตานงามยามบ่ายความหมายบอก
ถึงช้ำชอกชีระก็กระสวน
เกษียนนัยได้ครบให้ทบทวน
นี่แหละล้วนเรื่องกลสอนตนเทอญ ฯ
๑๘ เมษายน ๒๕๔๘
17 เมษายน 2548 15:05 น.
วฤก
๏ ยอแสงสุริยะคล้อย............ครรไล
ผีตากผ้าอ้อมใน....................น่านฟ้า
ม้วนคลี่หมอกควันไอ............ความอุ่น
เคล้าโอบคืนขวัญหล้า...........ค่อยล้างเลือนเหงา ฯ
๏ ลมเบากระซิบใบ้...............บอกระบิล
โลกหม่นเมื่อถวิล..................เทวษว้าง
เหงาเศร้าเจ่าผลิน................พารุ่ม..........ร้อนอา
วิโยคโศกโศกฟ้าสร้าง.........สิ่งนั้นนั่นไฉน ฯ
๏ นิราศไปไกลจากเจ้า..........จอมขวัญ
จิตหม่นเหมือนสูรย์พลัน.......ซ่อนพ้น
พรายแสงแห่งตะวัน.............ตระเวนจาก
ลืมจับหล้าเรียมค้น................เร่งคว้าคว้างหาย ฯ
๏ พระพายกระซิบเย้ย..........หยันหยอก
ผีตากผ้าอ้อมนอก.................น่านฟ้า
แล้วคลี่ขุ่นมัวหมอก..............เหมือนม่าน
มาบดบังเรียมคว้า................ไขว่น้องแนบถนอม ๚ ๛
27 มีนาคม 2548 12:27 น.
วฤก
๏ เสนาะเสียงสังคีตครั้ง............ขึ้นประโคม
ขานกล่อมกลอนบรรโลม...........รื่นเร้า
เจรียงสารสราญโฉม.................ชวนสดับ
พาทย์ศัพท์เผยนัยเค้า..............น่าค้นความแฝง ฯ
๏ สำแดงการณ์กล่าวฟ้อง...........ฟังระบิล
ร้องบอกรักเบื่อผิน.....................ผละแล้ว
เหลือแท้แต่ทุกข์จินต์.................ทำเจ็บ
ถอนจิตไปไป่แคล้ว....................คลาดร้าวคลายราน ฯ
๏ รักผลาญพาโลกร้าย...............ฤๅไฉน-
หนอก่อกลอนกล่าวไข...............ข่าวนั้น
รักภินท์หมดสิ้นไย....................ยังซาก
คือพาทย์ไพเราะครั้น................ขับร้องคำเจรียง ฯ
๏ สนานเสียงสังคีตครั้ง..............ขับขาน
ความขื่นขมบรรหาน..................เหตุไว้
ว่าถึงหนึ่งแหลกลาญ..................ล้มป่น
ฤๅปล่อยประโยชน์ไร้.................เรื่องให้เรียนสอน ๚ ๛
24 มีนาคม 2548 08:35 น.
วฤก
๏ มายามายั่วเย้า................หยอกกมล
มอมเล่ห์ลวงเฉจน..............จิตพลั้ง
เผลอไปไป่ห้ามตน..............ตามหลอก-
ลวงนั่นลืมเหนี่ยวรั้ง............เรื่องไว้วิจารณ์ ฯ
๏ เหตุการณ์หากผ่านไร้.......รู้ตรอง
โลดไต่ตามทำนอง................ที่น้าว
แท้ไฉนจักไขผอง................เคลือบแผ่
ขึ้นโผล่เผยทางก้าว..............โทษกั้นทำกล ฯ
๏ ได้ยลฤๅอย่างแท้..............ที่เห็น
พิศต่างภาพต่างเป็น.............เปลี่ยนได้
ฉะนั้นจึงหนึ่งประเด็น..........ประดาฝ่าย
เฝ้าถกเถียงกันไซร้.............สิ่งนั้นถูกไฉน ฯ
๏ อาศัยจักษุรู้ .....................ลักษณะ
น้อมสตินึกตรองจะ..............กระจ่างแจ้ง
เห็นต่างต่างผัสสะ................ภาพสื่อ
พิศสรรพมายาแสร้ง............ส่อแล้วฤๅหลง ๚ ๛
๒๒ มีนาคม ๒๕๔๘
20 มีนาคม 2548 17:22 น.
วฤก
๏ แลเห็นระแหกร้าว...........ละหานลาน
รอยเหือดระเหยธาร...........ทอดไว้
เผาแผดผ่าวแดดผลาญ.......ผืนแผ่น..........ดินอา
เอาอัคคีคุไหม้..................หมดไร้ไอชล ฯ
๏ แล้งจนแล้งจิตเอื้อ..........อารี
แม้นเด็กหมายดับตี............ต่อสู้
เก้าขวบก่อบัดสี................สมบัด-......ซบพ่อ
พึงป่าวประณามรู้...............เรื่องโอ้โฉ่ดัง ฯ
๏ ไป่ยั้งยกข่าวร้อน............เล่าประโคม
ข้างหนึ่งคือมารโฉม..........โฉดร้าย
ข้างหนึ่งถูกถาโถม..............โทษบาป
ทำบทละครคล้าย..............ข่าวข้อเขียนไข ฯ
๏ สลดใจในข่าวแล้ง..........ฤดูกาล
เห็นเหือดระเหยธาร..........ทอดไว้
แล้งใจจากข่าวสาร.............เสียงสื่อ
แสนห่าฝนหล่นให้...............เหตุแล้งฤๅหาย ๚ ๛
๑๗ มีนาคม ๒๕๔๘