23 มิถุนายน 2548 15:12 น.
วฤก
๏ ไหว้พระผู้ผ่องแผ้ว.............ประภาษธรรม
เผยเหตุแห่งทุกข์ทำ................โทษร้าย
ล้างทุกข์ท่านแนะทำ-..............นุสติ.........ตรองแฮ
เห็นเท่าทันทุกข์ผ้าย................ผ่านได้โดยธรรม ฯ
๏ ไหว้พ่อแม่มนัสรู้...................ระลึกคุณ
จากชาตจนชาญหนุน.................เนื่องนั้น
หาเนือยเหนื่อยหน่ายจุน.............หนีจาก
จนลูกสำเร็จขั้น..........................ค่อยคล้อยคอยชม ฯ
๏ ไหว้ครูผู้ประเสริฐพร้อม........ประสิทธิผล
ไขขัดข้องกมล..........................หม่นกลุ้ม
เผยวิทย์เพื่อวิชช์จน...................วิจักขณ์
จึงศิษย์สมครูอุ้ม........................โอบไว้วางใจ ฯ
๏ ไหว้ตนเตือนสติตั้ง................ตรึกตรอง
เอาหลักธรรมะครอง.................ครบถ้วน
กตัญญูต่อคุณสนอง..................เสนอตอบ
ปฏิบัติตามท่านล้วน..................เลศแท้วันทา ๚ ๛
8 มิถุนายน 2548 12:53 น.
วฤก
๏ ความฝันครั้นใฝ่คว้า..........ฝ่าครอง
ถึงยุ่งทุกข์ยากถอง.................ยิ่งท้า
กลเล่ห์กรอบลวงกรอง............รู้ก่น
การณ์หลอกแกล้งล้มกล้า.........หลบก้าวลุการ ฯ
๏ ใดพานดะผ่านด้น...............พ้นเดิน
กลเหตุการณ์หาเกิน................หากแก้
หมายไปเมื่อประเมิน...............ปลายมุ่ง
ทุกสิ่งทุ่มสู้แท้ ........................สุดท้ายเสร็จทัน ฯ
๏ จึงบรรจวบบ่งแจ้ง..............บอกใจ
ขึ้นฝั่งความฝันไข..................ใฝ่คล้อง
ชำนะเช่นนี้ชัย........................น่าชื่น
ลุสิ่งรังสรรค์ร้อง....................เสร็จแล้วสิเรา ฯ
๏ ควรเฝ้าคิดใฝ่คว้า..............ฝันครอง
ถึงยุ่งทุกข์ยากถอง.................อย่าทิ้ง
ตามฝันแต่งฝันตรอง.............ฝันต่อ
เพื่อเสร็จภาพสวยพริ้ง...........ซึ่งพร้อมส่งผล ๚ ๛
๘ มิถุนายน ๒๕๔๘
21 พฤษภาคม 2548 19:38 น.
วฤก
๏ วรรณกวีมีศัพท์เหมือนทรัพย์สิน
สร้างประพิณพจนะสละสลวย
ยิ่งรู้มากหลากคำเลือกอำนวย
ย่อมหยิบฉวยใช้วางสมอย่างใจ
กลบทกฎบนประพนธ์พากย์
ฤๅเหลือยากยุ่งจิตเกินคิดไข
เกินคิดความตามกรอบกั้นขอบนัย
นำลงใส่ฉันทลักษณ์จำหลักกานท์
สะสมศัพท์ทรัพย์สรรค์ประพันธ์พจน์
สะสมบทแบบกลอนอักษรสาร
สะสมกลค้นคว้ามิช้านาน
สะสมดาลดลเกิดประเสริฐกวี
เมื่อตระหนักอรรฆทรัพย์คือศัพท์แสง
ใช้สำแดงวจนะนัยวสี
ชำนาญนักอักขระเล่ห์วจี
จึงฉะนี้นับศัพท์นั่นทรัพย์เทอญ ฯ
๒๑ พฤษภาคม ๒๕๔๘
17 พฤษภาคม 2548 10:52 น.
วฤก
๏ กนกกระหนาบเกี้ยว..........เกี่ยวกัน
ยอดขอดเครือเถาวัลย์...........ถวัดช้อย
วาดวางสับหว่างสรรค์.............เส้นสอด
ลอดเกาะเลาะกอดร้อย...........สลักล้ำแลเสลา ฯ
๏ เขียนเค้าเข้าแบบเส้น........แบ่งสาย
บรรสบบรรสานลาย...............ร่วมคล้อง
คือภาพพ่างขยาย...................พิศขยับ
เพียงกับกลยลพ้อง................เพ่งรู้ดูเห็น ฯ
๏ ให้เป็นเปรียบเช่นแม้น.....เสมือนคน
จังหวะชีวิตวน.......................วาดไว้
เส้นวางสับหว่างผล.................พาธสุข
ลอดเกาะเลาะกอดไขว้...........ไขว่ข้องสงสาร ฯ
๏ บรรหานหากรับรู้................รูปทรง
กนกก็หนึ่งวง........................หว่างนั้น
แหนงทุกข์สุขหากปลง............หายเปล่า
ภาพกนกกระหนาบกั้น...........กรอบหั้นเห็นไฉน ๚ ๛
๑๖ พฤษภาคม ๒๕๔๘
10 พฤษภาคม 2548 15:27 น.
วฤก
๏ ละลอกหมอกหยอกหญ้าเวลาเช้า
ยิ้มยั่วเย้าย้ำความคำหยามหยัน
ว่าน้ำค้างพร่างฉายพรายตะวัน
ย่อมเหหันแห้งผากลาจากไกล
เจ้าจ่อมดินถวิลหวังแม้ตั้งจิต
จะอ้างสิทธิสูงค่าเคยอาศัย
คอยขัดขวางน้ำค้างอย่าร้างไอ
กักเอาไว้วางประดับเหมือนกับเคย
จงดูซะมนุษย์สมมุติเทียบ
ชีวิตเปรียบน้ำค้างอย่างเฉลย
เขาเกิดแก่เจ็บตายอย่าหมายเลย
ไม่ลงเอยอย่างนี้หลีกหนีกล
นับชั่วรุ่นวุ่นวายจบปลายหนึ่ง
อีกชั่วจึงลำดับเนื่องนับผล
กว่าชั่วเราเก่าแก่พ่อแม่ตน
คือชั่วคนคอยส่งดำรงพันธุ์
ละลอกหมอกหยอกหญ้าเวลาเช้า
ยิ้มยั่วเย้าย้ำความคำหยามหยัน
ชีวิตแท้แค่ครู่คงรู้ทัน
ไยคนมั่นปฏิบัติถืออัตตา ฯ
๒๗ เมษายน ๒๕๔๘