25 มกราคม 2546 09:28 น.
วรรณกาญจน์
ฤดีไหวเทียมเทียบพ้น..........อุรา
ตาเพ่งนาฬิกา....................ดึกแล้ว
เสโทชุ่มกายา.....................แสนเหนื่อย
ฝันอีกคราคงแคล้ว.............เรื่องร้ายฉันกลัว
22 มกราคม 2546 21:00 น.
วรรณกาญจน์
บ่ายสามโมงสี่สิบห้าเวลาเหมาะ
วิ่งลัดเลาะล้มบ้างช่างน่าขัน
หลังเลิกเรียนเป็นเช่นนี้ทุกวี่วัน
เด็กทยอยกันกลับบ้านสำราญใจ
เจ้าหัวโจกวิ่งเริงร่ามาชะเง้อ
พรรคพวกเธอตามเป็นพรวนชวนสงสัย
เข้าอยากรู้ว่าห้องนี้มีผู้ใด
ฉันยิ้มให้เขายิ้มมาหน้ารื่นเชียว
หนึ่งเด็กน้อยถามว่าฉันนั้นดุไหม
ฉันบอกไปถ้าซนกันฉันฉุนเฉียว
เด็กทั้งห้ากรูเข้ามาส่งเสียงเกรียว
ขอพักเดี๋ยวเราไม่ซนทุกคนเลย
ฉันวางใจเด็กสัญญาตาใสซื่อ
เท่าไหนหรือ ?สองนาทีที่เห็นเฉย
ทั้งรื้อค้นปีนมุดสุดเปรียบเปรย
หนูน้อยเอ๋ยไม่เดียงสาคำว่าซน
16 มกราคม 2546 22:06 น.
วรรณกาญจน์
ครู คือผู้ ให้ความรู้ แนะแนวคิด
ครู สอนศิษย์ รู้ถูกผิด แก้ปัญหา
ครู มีใจ รักห่วงใย และเมตตา
ครู สูงค่า ฉันจึงมา ขอบคุณครู
คือ แสงสว่าง ส่องหนทาง ยามกาฬกล้ำ
คือ ผู้นำ ถ่ายทอดธรรม คราอดสู
คือ ตัวอย่าง ชั่วดีบ้าง ให้ลองดู
คือ ประตู เปิดออกสู่ โลกกว้างไกล
เธอ ทั้งหลาย รอบข้างกาย ดั่งครูฉัน
เธอ แบ่งปัน ทุกคืนวัน คลายสงสัย
เธอ เข้ามา แล้วบางครา ก็จากไป
เธอ คือใคร คือผู้ใด ก็คือครู
7 มกราคม 2546 21:33 น.
วรรณกาญจน์
ณ ยามค่ำร่ำไห้ไร้ใครซับ
แหงนหน้านับดาราพาใจไหว
เธอห่างเหินเมินหมางร้างแรมไกล
อีกเมื่อไรจึงกลับรับขวัญเรา
รู้แล้วรสบทบาทขาดความรัก
เจ็บปวดนักเหว่ว้าพาให้เหงา
เคยคลอเคลียข้างกายคล้ายดั่งเงา
โอ้นี้เราอ่อนแอแย่เหลือเกิน
สูดอากาศปราศทิ้งสิ่งมัวหมอง
น้ำที่นองอาบหน้าพาให้เขิน
มือของเราไม่ซับกลับทำเมิน
ยังมัวเพลินรอใครให้เช็ดกัน
เลิกดีกว่าทำร้ายกายและจิต
เลิกครุ่นคิดคอยใครให้โลกขัน
เลิกโหยหาคนอื่นกลืนกล้ำมัน
คงสักวันใจสุขปลั่งดั่งเคยเป็น