19 ตุลาคม 2550 14:33 น.
วชรกานท์
โลกร้อน
คนทำลายป่าไม้ใกล้หมดป่า
เกิดปัญหาโลกร้อนสะท้อนผล
สรรพสัตว์ทุกข์กายกระวายกระวน
แสนสุดทนร้อนรุ่มสุมทรวงใน
พายุฝนตกกระหน่ำน้ำไหลบ่า
คลองธาราเต็มตลิ่งล้นหลากไหล
ฟ้าคะนองลั่นสะท้านสะเทือนใจ
โลกเปลี่ยนไปฤดูกาลพานวกวน
ภูน้ำแข็งขั้วโลกเคยลอยล่อง
หลอมละลายในท้องทะเลหน
พระสมุทรรุกล้ำหาดชายชล
ที่อยู่คนร่นถอยร่อยแดนดิน
เหตุฉกาจก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์
ละอองไอไฟฟ้าผลิตผลิน
ควันรถยนต์พ่นปล่อยมาเป็นอาจิณ
ผลาญชีวินก๊าซคาร์บอนมอนน็อคไซด์
คนเผาผลาญน้ำมันดำบรรพ์ซาก
ขุดมาจากอ่าวเปอร์เซียรึแห่งไหน
แก็สธรรมชาติเจาะพิชิตจากอ่าวไทย
ส่งท่อไปใช้งานการนานา
จงช่วยกันจรุงผดุงโลก
วิปโยคหยุดยั้งยากหนักหนา
ปิโตเลียมหมดไปไม่คืนมา
คิดค้นคว้าโซลาเซลล์แสงสุรีย์
พลังงานธรรมชาติมีมายมาก
ผลิตจากปาล์มน้ำมันขมันขมี
แทนดีเซลพ่อหลวงดำริห์ดี
สารอินทรีย์สบู่ดำนำมาคั้น
อ้อยมันสัมปะหลังหมักยีสต์ใส่
เกษตรไทยวัตถุดิบจงเลือกสรร
แก็สโซฮอล์แทนอ็อกเทนเป็นสำคัญ
ประหยัดพลันเงินทองในกองคลัง
มิทำลายบรรยากาศห่อหุ้มโลก
มนุษย์ชาติคลายโศกหากหยุดยั้ง
แสงอุลตราไวโอเลตจงระวัง
ผิวพรรณพังเผาหน้าฝ้าด่างดำ
17 ตุลาคม 2550 14:59 น.
วชรกานท์
โคลงสี่สุภาพ
เห็นสาวงามหนึ่งนั้น..เดินมา
คิดเปิดดูตำรา..............จีบเจ้า
ครูสอนที่เรียนมา.........มายมาก
กิเลสมันเร่งเร้า............จึ่งไร้มโนธรรม
กาพย์ยานี 11
จีบสาวนั้นแสนยาก....ทำไมปากหนักจริงหนา
ตั้งแต่กำเนิดมา.........หาคู่ใจมิได้เลย
คิดว่าจะสมัคร............ครูสอนรักอย่างเปิดเผย
วิชาจีบทรามเชย........ลงทะเบียนเขียนคำกลอน
วิชาทางเจ้าชู้..........อยากเรียนรู้ครูจงสอน
ไก่แจ้จีบงามงอน........ต้อนให้จนมีหนทาง
ข้าวของซิ้อทองให้......กรุ๊กเรียกไปผึ่งปีกหาง
ได้ทีมีแนวทาง...........นางรู้ทันหันเหไกล
วิชาทางเช้าชู้.............ขอให้ครูช่วยสอนใหม่
เจ้าชู้ยักษ์เป็นไง........ต้องมือไวไม่ต้องกลัว
รวบรัดกอดให้มั่น.......มือเท้าสั่นใกล้ทูนหัว
เห็นเสือไยมิกลัว........ใจเต้นรัวยามใกล้เธอ
จงใช้วิชามาร...............ครูอาจารย์ท่านเสนอ
มนตรากล่อมให้เบลอ..พบเจอเธอจงเป่าไป
เหตุการณ์ตาลปัตร......ลมพาพัดใบไม้ไหว
ฮอนด้าเบนซ์ฮุนได......โฉบเฉี่ยวไปเข้าวิวาห์
คิดอ่านทำการใหญ่.......วิธีใหม่ใช้คาถา
มันพรายร่ายมนตรา....โอกาสมาเร่งเร็วไว
เข้าใกล้มือไม้สั่น..........ทำน้ำมันหล่นสูญหาย
แสนช้ำน้ำมันพราย......ได้มาจากตายทั้งกลม
จึงคิดใหม่ทำใหม่.........ดาวน์ฮุนไดให้สาสม
ฮอนด้าคนนิยม...........ระทมใจไม่มีเงิน
ตำรากล้ามีไหม............ทำให้ใจคลายอายเขิน
เรียนรักครูประเมิน......เกรดต่ำเกินเชิญรีไทร์
อายุล่วงเลยมาก...........มัวกระดากอายไฉน
กัดฟันเดินเข้าไป.........คุกเข่าลงยื่นมาลี
เธอถามทำไฉน.............ลุกเร็วไวอายยนะนี่
บอกรักเร็วเร็วซี............หาฤกษ์ดีวันวิวาห์
17 ตุลาคม 2550 14:14 น.
วชรกานท์
(กาพย์สุราคนางค์ ๒๘)
.........................กำเนิดเกิดมา ในโลกโลกา แก่เจ็บดับสูญ
ก่อเกิดพงศ์พันธุ์ วงศาเพิ่มพูน ตายดับอาดูร ทำบุญสุนทาน
.........ทุกศาสนา สั่งสอนประชา ศาสตร์ศิลป์ประสาน
ละชั่วทำดี มีศีลมีทาน สมาธิสำราญ สร้างสรรค์ปัญญา
.........สินธุ์ทรัพย์สมบูรณ์ บรรเจิดจำรูญ ถิ่นนี้หรรษา
ในนามีข้าว ในน้ำมีปลา แผ่นดินมารดา พออยู่พอกิน
.....................ราชทานดำริห์ ไพร่ฟ้าตรองตริ จงรักษ์ทรัพย์สิน
เศรษฐกิจพอเพียง พอเลี้ยงชีวิน นพภูมินทร์ ทรงธรรมนำไทย
17 ตุลาคม 2550 13:46 น.
วชรกานท์
เด็กยุคใหม่ เห็นทุ่งนา เบือนหน้าหนี
มิใยดี ไปหลงใหล ในเมืองหลวง
หลงเทคโนโลยี ที่เขาลวง
แลกกับสิ่ง ทั้งปวง จตุปัจจัย
อันชีวิต มนุษย์ ที่เกิดมา
ครองชีวา อยู่ได้ ด้วยสิ่งไหน
ข้าวในนา ปลาในหนอง คลองครรไล
สี่ปัจจัย ดำรง คงชีวา
เอาข้าวไป ไว้แลก เศษขยะ
เป็นภาระ ยากทำลาย ไร้คุณค่า
เต็มเมืองไทย ใช้เทคโนฯ เต็มประดา
ชาวฝรั่ง มาไถนา คนไทยหนี
ทิ้งพ่อแก่ แม่เฒ่า เฝ้าทัองทุ่ง
คอยผดุง ท้องนา มิหน่ายหนี
เก็บสะสม ภูมิปัญญา ประเพณี
ส่วนลูกหลาน จรลี หนีเข้ากรุง
15 ตุลาคม 2550 17:30 น.
วชรกานท์
ตื่นแต่เช้ามีเจ้าคอยเป็นเพื่อน
ดูลางเลือนเงื่อนงำตามลำแสง
พอฉันทำสิ่งใดเจ้าแสดง
เหมือนคอยแกล้งล้อเลียนฉันมาพันพัว
ฉันจับซ้ายเจ้าจับขวาหน้ากระจก
ฉันหยิบยกเอาหวีเจ้าหวีหัว
ฉันลูบแป้งเจ้าก็ไล้ไปทั้งตัว
เจ้าไม่กลัวฉันเห็นเป็นเช่นไร
ตะวันลับเจ้าหายไปจากข้า
เจ้ากลับมายามมีแสงสว่างไสว
รุ่งอรุณเบิกฟ้ามารำไร
มีเจ้าอยู่เคียงใกล้สายเที่ยงเย็น
ยามราตรีไม่มีแสงสลัว
เจ้าหายหัวหนีหายมิมองเห็น
ฉันอยู่เดียวเปลี่ยวเหงาเฝ้าลำเค็ญ
อยู่ให้เห็นก็หาไม่ไปจากลา
ปล่อยให้ฉันเหงาหงอยเฝ้าคอยเจ้า
จนรุ่งเช้าหายเหงาจึงมาหา
กอดหมอนนอนเดี่ยวเปลี่ยวเอกา
ยามนิทราไร้เจ้าเฝ้ากอดนอน