21 กันยายน 2546 02:30 น.
ว.ลักษณ์
ย้อนไปหลายร้อยพันปี.....ชีวิต....อะไรก็ตามที่มีชีวิต
มิได้อยู่คงทนถาวรคุณว่าจริงไหม?....................
มีเกิด มีดับ มีสูญ มีเสื่อมสภาพไป ตามกาลเวลา ดังนั้น
เวลาจะอยู่ควบคู่กับสิ่งต่าง ๆในโลกใบนี้ใช่หรือไม่?...............
คุณเป็นคนหนึ่งหรือไม่? ที่รู้จัก คำว่า "love".................
ความรัก...สำหรับคนรอบข้างใกล้ชิดตัวคุณ ที่คุณหยิบยื่น
ความรักให้ มอบให้อย่างเต็มและสุขใจที่ได้ให้
คุณต้องมีความรักเกิดขึ้นแน่ ในหัวใจคุณ หรือคุณปฏิเสธ?....
ครั้งหนึ่งในชีวิตคุณ ก็ต้องมีรักกับเขาบ้าง ไม่จะเป็น คุณรักเขา
เขารักคุณ หรือแม้กระทั่งการได้แอบรักเขาก็ตามที รวมถึง....
การได้มีเพื่อนสักคน คุณก็ได้มอบความรักไว้ให้ อย่างจริงใจไร้
การเสแสร้งแกล้งทำ ฉันก็คนคนหนึ่งเช่นดังคุณ ที่ได้มอบรักให้
แด่เพื่อน เพื่อนรัก รักมากที่สุด ในชีวิต ถ้าให้เทียบกันระหว่าง
เพื่อนกับคนรัก ถ้าถามว่ารักคนไหนมากที่สุด ตอบยากนะ........
แต่การตอบของฉันอาจทำร้ายน้ำใจ จิตใจ คนรักฉันก็ตามทีและ
จะย้ำว่า รักเพื่อนมากที่สุด เพราะอะไรนะหรือ ...คงเป็นเพราะ..
คนรักเมื่อวันหนึ่งมาถึง เราอาจเดินแยกทางโดยไม่หวนกลับ...
แต่เพื่อนรัก คงทนอยู่คู่กันตลอดไปแม้ว่าเราจะทะเลาะกัน......
นี่คือ คำจำกัดความของฉัน.......
เหตุผลมันแตกต่างกันนะ ตัวคุณว่าไง?...............
ถ้าให้เลือกระหว่างคนสองคน คงคิดนักน่าดู แต่..มันยังไม่ถึง
ตรงจุดนั้นนี่ ที่จะให้เลือก ตอนนี้ให้เวลาตามถามดีกว่านะ....
เพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน แสนจะน่ารัก คุณรู้หรือเปล่าว่า เวลา
เขาเอาใจเก่ง เราชิดใกล้กันตลอดเวลา เรามองตากันเสมอ
ส่งยิ้ม ส่งเสียงหัวเราะต่อกระซิกทักทายกันประจำ เขาไม่เคย
ห่างจากกายฉัน เวลาฉันเศร้าเขาก็ปลอบอยู่ไม่วายห่าง จะนาน
เพียงใด ไม่เคยบ่นสักคำ ฉันจะนอนดึกเขาคอยเตือนว่าง่วงนอน
เวลาเราหิว เรากินฉันจะแบ่งปันให้ ยามเขาเจ็บป่วยฉันมั่นดูแล
บางครั้งและบ่อยครั้งเขานอนเกยหนุนตักฉัน เฝ้ามอง คอยหวง
และห่วงฉัน เขาขี้อ้อนนะจนฉันใจอ่อน ถ้าให้เปรียบเขาคือเงา
ติดตามฉัน เขามอบความรักอย่างเต็มหัวใจ ฉันก็เช่นกันดังเขา
บางครั้งก็มีบ้างนะ เขาทำให้ฉันโกรธ โมโห เขาแกล้งฉัน ฉันไม่
คิดโกรธหรือถือโทษ หรือทำร้ายจิตใจเขาสักนิด อภัยให้เสมอ....
เพราะอะไรนะหรือ เขาคือเพื่อนรักฉันงัย.....
ถึงตรงจุดนี้ คุณละ มีเพื่อนที่คุณรักมากที่สุดกับเขาหรือไม่?........
หรือมองย้อนกลับไป มีเพื่อคนไหนที่รักคุณ หวังดีกับคุณ
ปรารถนาดีกับคุณ มีหรือไม่?.............
ถ้ามี ฉันขอแสดงความยินดีด้วยอย่างจริงใจ ฉันจะบอกอะไรคุณ
ให้นะ คุณจงเอาช่วงเวลา อย่าให้หลุดลอยไป นึกคิดกับเพื่อน
อย่างไร...บอกให้เขาได้รู้ มอบความรัก มอบสิ่งดี ๆ ตอบสนองยัง
เพื่อนคุณบ้าง เพื่อนคุณก็เช่นกัน อย่าให้เวลาเป็นตัวนำพาเพื่อน
จากไปอย่างไม่มีวันได้คืน จากลับลา ดับลับหายจากโลกใบนี้
พอถึงช่วงเวลาดังกล่าว คุณจะรู้สึกผิดขึ้นมาทันที รู้สึกเสียใจ......
ตอนนี้ไม่มีเขา เพื่อนคุณอีกแล้ว คุณยังไม่ได้ตอบแทนสิ่งต่าง ๆ
ที่คุณคิดเอาไว้ เพื่อจะมอบให้แก่เพื่อน มันสายเกินแก้เสียแล้ว
เหมือนกับฉันงัยตอนนี้ เพื่อนฉันที่ฉันรักมากที่สุด
รักมากดังดั่งดวงใจ จากลาลับไปไม่กลับคืน
จะวันนี้หรือมะรืน คงไม่ชื่นเช่นวันวาน
ฉันอยากจะขอโทษเขา บางครั้งฉันมีเวลาให้เขาน้อยไป......
ซึ่งมีบางสิ่งบางอย่างฉันทำให้แก่เขาไม่เต็มที่ ฉันขอโทษ
แต่คำขอโทษของฉันมันสายไปเสียแล้ว ตอนนี้ไม่มีเขาอีกแล้ว
เขาจากไปพร้อมกันกับสองช่วงเวลา คือวันนี้กับพรุ่งนี้
ถ้าหากในโลกของวิญญาณมีจริง ขอให้เพื่อนจงรู้ไว้ว่า ฉันยังนึก
ถึงเสมอ ขอให้เพื่อนไปสู่สุขคติสู่ภพใหม่ และเกิดมาเป็นเพื่อน
ฉันอีกครั้งจักขอบคุณมาก........
เวลา 00.00 น. เขาจากไป พร้อมกับน้ำตาฉัน เขายังไม่ตาย...
ใช่ไหมเขาหลับ เดี๋ยวเขาตื่น ตื่นสิ...ได้โปรด..... สุดท้าย...
ร่างกายเขาได้ถ่ายของเหลวซึ่งเป็นสัญชาตญาณ เตือนครั้งสุดท้าย
ที่ร่างกายเขาพึ่งกระทำได้ จบ จบ กันทีฉันไม่อยากเชื่อ........
เวลา 01.00 น. ฉันยังไม่นอน หวนถึงเรื่องระหว่างเรา
เวลา 02.00 น. ฉันเข้านอน เชื่อไหมน้ำตามันหยุดไหลแล้วนะ....
แต่พอล้มตัวลงนอนเท่านั้นละ เขาไปไหน ไม่มีเขาอยู่คลอเคลียข้าง
เขาไม่มาซบไออุ่นจากฉัน เขาไม่มาหมุดผ้าห่มอันหนานุ่ม ตรงช่วง
ซอกคอฉัน เพื่อนอนเกยเคียงข้างกัน.... ฉันแอบร้องไห้ กลั้นสะอื้น
ให้เบาที่สุด ฉันบ้าไปแล้วแน่เลย นี่แค่เพียงชีวิตเล็ก ๆ ชีวิตหนึ่ง
เท่านั้นนะ มันมีค่าสำหรับฉันมากเพียงนี้หรือ จากนั้นฉันหลับไป
โดยไม่รู้ตัว
จะขอบอกเพื่อนว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เพื่อนมอบให้ จักไม่ลืม และไม่
สามารถหาสิ่งใดมาเปรียบ เทียบทดแทนเพื่อนได้ ขอบคุณที่เป็น
เพื่อนฉันยามฉันเหงา อยู่คนเดียว..................ขอบคุณจากใจจริง
คุณงามความดีที่ฉันพึ่งกระทำ หรือมีอยู่บ้าง ขอให้ผลบุญคุณงาม
ความดีจากฉัน ส่งเสริมให้แก่เขา ถ้าชาติหน้ามีจริง ขอให้เขาได้
เกิดมาเป็นมนุษย์ มาเป็นเพื่อนฉันอีกสักครั้งหนึ่ง ฉันจะคอย............
..........................................................................................................
...................................................
มอบให้แด่ สุนัข พันธ์มินิเอเจอร์พินเชอร์ (หมากระเป๋า)
เพศผู้ วัย 3 เดือน สีดำพื้น ลายมาคเกอร์สีน้ำตาล สี่ตา
ชื่อว่า.....บอย......
ลาก่อน เจ้าบอย หมาน้อยของฉัน................
17 กันยายน 2546 03:01 น.
ว.ลักษณ์
ฉันมองนาฬิกาคู่ชีพ วันนี้รู้สึกมันเดินเร็วผิดปกตินะ อะไรจะเที่ยงครึ่งแล้วหรือ พี่ต้นคงจะมาทันไม่เคยพลาดอยู่แล้วนี่ ฉันยิ้มให้กับตัวเองเพื่อเป็นกำลังใจ นี่เราจะเดินไปเดินมาทำไม รู้สึกเมื่อยแหะ พร้อมสอดส่ายตามองหา ที่นั่งที่ใกล้ที่สุดกับรถปรับอากาศ VIP 24 ที่นั่ง กรุงเทพฯ-เชียงใหม่
อ๊ะ!! นั่นไง ฉันเดินไปทรุดนั่งข้างๆ ชายคนหนึ่งข้างๆ เขา มีกระเป๋าเป้สีดำ คงจะอายุเป็นรุ่นพี่ฉันแน่ๆ ฉันละความสนใจจากชายคนนี้ เริ่มสังเกตุเห็น ผู้คนที่ใช้ชีวิตกับการเดินทางของสถานีขนส่ง เดินกันขวักไขว่ บางนั่งรอ ส่งภาษาพื้นบ้านปนภาษาภาคกลาง และ ของสัมภาระหลากหลายรูปแบบ บ้างใส่กล่องกระดาษ ใส่ถุงปุ๋ย ใส่กะสอบ และแฟชั่นกระเป๋าเดินทางตามแบบ
ฉบับเจ้าของแตกต่างกันไป มองแล้วก็อดขำเสียไม่ได้ เป็นภาพที่ฉันไม่ค่อยได้เห็นนัก
อาจเป็นครั้งแรกที่ฉันมาที่นี่ เป็นการเดินครั้งแรกในชีวิตฉันที่ปราศจากพี่ต้น ปราศจากเพื่อนที่รุ้ใจรู้สึกตื่นเต้นมาทันที ฉันมองดูตั๋วในมือ พร้อมกับมองไปบนรถ ที่นั่งฉันคงประมาณตอนกลางของตัวรถ
เอ๊ะ!!! แล้วด้านซ้ายมือของฉันเป็นใครกันนะ ชายหรือหญิง ชั่วแวบความรุ้สึก นึกกลัว ขึ้นมาทันที
ผู้คนเริ่มทยอยขึ้นรถทัวร์ ตายละสิ!! พี่ต้น บ่ายโมงแล้วนะ รู้สึกหดหู่ใจ ทำไมนะมาไม่ได้หรือไงไม่น่ารับปากเราเลยนะรู้ทั้งรู้ไม่เคยไปไหนคนเดียวแทนที่จะมาให้กำลังใจ คนบ้า...ใจร้ายชะมัด ฉันแง่งอนกะตัวเองพร้อมกับหิ้วกระเป๋าเดินทางสีดำ ใบใหญ่พอประมาณ ใบโปรดที่พี่ต้นซื้อให้ ฉันไม่นำกระเป๋าไว้ในใต้ท้องรถ เหมือนกับคนอื่นๆ แต่ฉันหิ้วติดตัวไปไว้ด้านบนเหนือหัว ซึ่งตรงกับที่นั่งของฉัน ฉันนั่งเงียบ มองออกไปนอกหน้าต่าง มองหาวี่แววพี่ต้น ซึ่งตอนนี้ฉันไม่ได้สนใจกับผู้ร่วมเดินทางที่มานั่งข้างๆ ฉันสักเท่าไหร่
รถกำลังเคลื่อนออก ฉันสูดลมหายใจ เข้าเต็มปอด พร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ "ช่างเถอะ" ฉันหลุดปากออกเสียงออกไป....
ระหว่างนั้น.... โอ้ พระจ้า....ฉันรีบโบกมือ เป็นสัญญาณ ปากใบบุ้ยเรียกพี่ต้น.. พี่ต้น..
ฉันเห็นเขาถามหญิงคนหนึ่ง แล้วเธอชี้มาทางรถที่ฉันกำลังเคลื่อน พี่ต้นมองมาพอดี เย้!! ดีใจจัง เขาชู้โทรศัพท์ส่ายไปมา ฉันอ่านจากปากเขาได้ว่า แบตหมด รถติด โชคดีนะ... แล้วเขายกมือทำสัญลักษ์ข้างหู ฉันก็ตอบรับทำกลับ เป็นอันรู้กันว่าเด๋วโทรหากัน เขาโบกมือฉัน แค่นี้ฉันได้ยาชูกำลังขนาดใหญ่ ยิ้มเล็กยิ้มน้อยไม่ต่างไรกับคนบ้าๆดีๆ นี่เอง นั่งขำตัวเองแหะ
ความสนใจของพี่ต้นหมดไปทันที พอเหลือบด้านซ้ายมือ เฮ้ย...หมอนี่คุ้นๆ ที่ไหนนะ อ๋อ..นายคนที่เราไปนั่งข้างๆ ระหว่างรอขึ้นรถ ฉันเล่ห์ไปมองเข้า จังหวะพอดีเขามองกลับมาพร้อมกับหัวเราะเบาๆ บ้าสิ!! มาหัวเราะเราทำไม ตายละสิ ปากกากะกระดาษฉันสำหรับจดบันทึกแก้เหงาไปเรื่อยเปื่อยระหว่างทางอยุ่ในกระเป๋าเดินทาง ทำไงดีละ... ไม่เกรงใจละ
"คุณค่ะ รบกวนหน่อยนะค่ะ เด๋วเจนขอหยิบของในกระเป๋าหน่อยได้ไหมค่ะ"
"เหรอครับ ได้สิครับ" เขาขยับลุกขึ้นยืนแล้วฉันลุกมายืนข้างกับเขา เปิดกระเป๋าหยิบสิ่งที่ต้องการเขารอจนกว่าฉันนั่งเรียบร้อย เขาจึงนั่งลง "ขอบคุณมากค่ะ คุณ..." "ไม่เป็นไรครับ ผมนพ ครับคุณเจน" ฉันไม่พูดอะไร ยิ้มตอบให้เท่านั้นเพื่อตัดบทสนทนา
รถโดยสาร เดินทางไปได้สักพัก มารู้สึกตัวอีกที เพราะมีคนมาสะกิด ส่งกล่องน้ำผลไม้ให้ ซึ่งเป็น
บริการของรถทัวร์กระมั้ง นี่เวลา เสียงโทรศัพท์ฉันดัง มองนาฬิกา สี่โมงเย็นละ
"เจน พี่ต้นนะ แบตพี่หมด เลยโทรออกไม่ได้ รถติดมากด้วย เสียใจนะที่ไม่ได้อยู่เป็นเพื่อนที่สถานี"
"ค่ะ พี่ต้น เจนเข้าใจ ดีกว่าพี่ไม่มาเลยนะ เจนดีใจแล้วค่ะพี่เห็นหน้าพี่"
"พี่ คิดถึงนะ แล้วไงพี่จะโทรเป็นระยะนะครับคนดี"
"ค่ะ เจนก็เช่นกันค่ะ โอเคนะ บายค่ะ"
ต้องมาสะดุ้งเกือบสำลักน้ำผลไม้ "คุยกับแฟนเหรอครับ หน้าตาดี หล่อนะครับ" อ้าว แปลว่าหมอนี่ สังเกตุเห็นพี่ต้นมาส่งฉันด้วยสิ บ้าหรือป่าว ชายชมชายหน้าตาดี หมอนี่ แปลกๆ ท่าทางก็ไม่เหมือนพวกแอบนะ หรือไง ฉันเล่ห์มองพร้อมกับเอี้ยวตัวไปทางริมหน้าต่าง ขนลุกขึ้นมาทันที "ค่ะ ขอบคุณที่ชม"
ระหว่างทางเขาชวนฉันคุย ฉันเพิ่งสังเกตุนี่เอง ว่าเขามีเขี้ยวและรักยิ้ม ดูน่ารักดีนะ ท่าทางก็ไม่เลว ร้ายอะไร ฉันพยายามค้นหาอาการตุ้งติ๊ง ขำจัง มะยักเจอแหะ เขาดูสุภาพและคุยเก่งนะ เวลาเขาหัวเราะรู้สึกดีจัง
ซึ่งขณะนี้รถจอดแวะพักทานอาหารมื้อเย็น ฉันเดินไปสั่งอาหาร เขาก็เดินไปสั่งแล้วมานั่งโต๊ะเดียวกับฉัน เขาเล่าว่าเขากำลังไปเยี่ยมญาติ ที่เชียงใหม่ แล้วถามว่าฉันจะไปที่ไหน ฉันบอกว่าฉันต้องมานั่งค้นงาน ที่ ม.เชียงใหม่ หาข้อมูลธรณีวิทยา เขาทำท่าสนใจ ฉันก็เล่าเรื่องงานที่ฉันทำและกำลังศึกษาอยู่ ฉันรู้สึกประทับใจเขามาแล้วสิอะไรกัน ทำไมเรารู้สึกดีกับชายแปลกหน้าคนนี้นะ....
ระหว่างนี้ ฉันมองไม่เห็นวิวข้างทางแล้วละ ค่ำแล้วความมืดกำลังมาแทนที่ความสว่าง เสียง วีดีโอที่เป็นบริการ ในรถทัวร์ดังอยู่ตลอด มันเหมือนกับการกล่อมให้เคลิ้มหลับ อากาศในรถเริ่มเย็น ฉันรุ้สึกเพลียคงหลับไป รู้สึกว่า มีคนกำลังเอื้อมมือไปปรับช่องแอร์ปิดลง และ ดึงผ้าห่มมาห่มให้ฉัน ฉันไม่กล้าขยับตัวทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แต่กลับแอบยิ้มในใจ... ฉันไม่ทราบว่าตอนนี้ ถึงช่วงไหนแล้ว แต่เวลานี้...ฉันรุ้สึกมีความสุขกับความสุภาพ นุ่มนวลของชายแปลกหน้าชื่อ นพ คนนี้ ฉันแอบชำเหลืองมองเขา เขาหลับ ฉันปรับเก้าอี้มาสู่ท่า
ปรกติ คงทำให้เขาตื่น "ขอโทษค่ะ" "ไม่เป็นไรครับ หลับสบายดีไหม" "ค่ะ สบายดีค่ะ นี่เป็นครั้งแรกที่เจน..." เขาเสริมทันที "ขึ้นรถทัวร์ ใช่ไหม ผมมองออกครับ" พอมาถึงตรงนี้ ใจเต้นมาทันที อายจัง เขารู้ได้ไง
แต่ที่น่าใจหายมากกว่านั้น กับประโยคที่ว่า "เจน จำผมไม่ได้หรือ" คำถามต่างๆ ประดังถามตัวฉันเองทันที ระบบทุกส่วนรวมตัวกลั่นกรองค้นหาคำตอบ แล้วฉันไปรู้จักคุณตอนไหนเนี่ย "โทษนะค่ะ ทักผิดคนไหม"
เขาพูดบอกว่าจำได้แม่นยำ เจน ปริชุดา เรียนจุฬาฯ ใช่ฉันซะด้วยสิ แล้ว นายนพ คนนี้เป็นใคร ฉันนึกเท่าไหร่ นึกไม่ออกสักที ฉันมองหน้าเขาอีกที ลักยิ้ม กับเขี้ยว นี้ คุ้นๆ ที่ไหนป่าวนะเรา ทำไมสมองมึนไปหมดละ เขาเอ่ย
"ผมจำได้ ยายสาวตัวแสบคนหนึ่ง ผมยืนมองชั้นบนอาคาร ยืนเขียนท้ายรถ ผม รีบลงมาอ่าน จำได้ไหม" ถึงตอนนี้ มือเท้าฉันอ่อนเปลี้ยทันที อากาศที่เย็นกลับทำให้เหงื่อออกมาได้ กับเขาคนนี้ นี่เกือบ 10 ปี ที่ไม่ได้เจอหน้า กับข้อ ความที่ฉันเขียน ท้ายรถ เขาว่า "หัดสั่งแม่บ้าน ล้างรถซะบ้างนะ อ.มานพ" หลังจากนั้นทำให้ฉัน กับ อาจารย์คนนี้ ไม่ค่อยถูกกันบวกกับแอบปลื้มอาจาย์หนุ่มนิดๆ ระว่างที่ฉันใกล้จะจบเขาต้องได้ทุนไปศึกษาต่อต่างประเทศ ทำไมเขาเปลี่ยนไปจากเดิมเยอะทีเดียว ฉันจำไม่ได้เลย ฉันรีบยกมือ ขอโทษที่ผ่านมาเขากลับบอก เขารู้สึกดีด้วยซ้ำ และวันนี้เขาเห็นฉันตั้งแต่รอรถ และไม่คิดว่าจะได้มานั่งใกล้กัน
เขาบอกคิดแต่ว่าจะหาโอกาสมาคุยด้วย เขาบอกฉันเปลี่ยนไปเยอะ เรียบร้อยขึ้น ฉันยิ้มรับ พร้อมกับหน้าแดง ใครจะไปรู้บ้าง กับความในใจฉันที่หลงรักครูหนุ่มสมัยเรียน หาโอกาสแกล้งเพื่อจะคุย แต่นี่เขามาอยู่ตรงนี้... เขายังบอกอีกว่าเขานึกถึงฉันตลอดที่ผ่านมาและนี่เขากลับมาเขาหวังที่จะเจอ และเขาก็ได้เจอจริงๆๆ ฉันอาจพูดได้เต็มปากว่า นี่คือรักครั้งแรกของฉันที่แอบชอบ ชายที่ชื่อนพสมัยเรียน ฉีนระลึกจำได้เสมอ ความรุ้สึกดีๆๆ หวนกลับมาอีก
ครั้ง...
หัวใจแทบวาย อีกครั้ง "ผมชอบคุณนะ เจน ตั้งแต่ สมัยที่ผมเป็นอาจารย์พิเศษที่นั้น" พร้อมกับเอื้อมมือมาจับมือฉัน ฉันรีบดึงมือกลับ
ใจฉัน เต้นไม่เป็นจังหวะ ฉันนั่งตัวแข็งทื่อ ไม่พูดไม่จาเลย ทีนี้ อาวละสิ ใจหวิวๆ ชอบกล ความร้อนแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายฉัน โอ้ย!!!! อยากกรี๊ดดังๆๆ เป็นการเดินทางที่แสนจะตื่นเต้น..เซอร์ไพร์ส อะเมซิ่งจริ๊งๆๆ พี่ต้นละ ตายละ ลืมเลย ไหนว่าจะโทรมา.... คนบ้าทำแต่งาน
ฉันเอนตัวแกล้งหลับ เพื่อนยุติการสนทนา ภาวนาให้ถึงเชียงใหม่เร็ว ไม่อยากลืมตา หรือ ตื่นมาสนทนาไรอีก ขอถึงสถานีปลายทาง แล้วค่อยว่ากัน พี่ต้น พี่นพ พี่ต้น พี่นพ พี่ต้น .....
แล้วฉันจะเลือกใครดีละ ทีนี้............พี่นพ....พี่ต้น.......พี่นพ... zZZ...Zzz..Z..zz.z
4 กันยายน 2545 00:44 น.
ว.ลักษณ์
รุ่งอรุณ ยามเช้า.... ตะวันทักทาย ด้วยแสงอรุณ....
ทอแสงผ่านกระจกใส มายัง ม่านสีขาวบาง ภายในห้องสี่เหลี่ยมสีชมพู
ภายใต้....ผ้าห่มอันหนานุ่ม อันแสนสบาย หอมกลิ่นแดดอ่อน ๆ ....
ฉันค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมองแสงที่ลอดผ่านมา......
.............ชั่ว แวบหนึ่งของความคิด ประดังเข้ามา...เมื่อวาน....ซีนะ.....
ฉันจำได้ดี ความรู้สึกซาบซึ้งซ่านผ่านในใจฉัน ฉันยิ้มทักทายแสงอรุณ
ขอบคุณสำหรับเวลา ที่ทำให้เราได้เจอกัน...เขาน่ารัก อ่อนโยน สุภาพ
ฉันทึ่งในตัวเขา นี่ฉันไม่ได้ฝันไปนะ ฉันหยิกแขนตนเอง.....เจ็บจัง
.............เราบังเอิญพบกัน เวลาพาเรามาเจอกัน บนรถไฟฟ้า ฉันจำได้
เขาลุกให้ฉันนั่ง ฉันยิ้มขอบคุณ วันนี้ผู้ใช้บริการเยอะมาก มีหญิงชรา
ก้าวขึ้นมา ฉันลุกให้หล่อนนั่ง... เขาซิยืนชิดติดกับฉัน เขายิ้มให้ตลอด
ฉันซะอีก หลบสายตา เขาที่มองมา.....
..............ฉันจำได้ดี กลิ่นหอม ละมุนจากตัวเขา
--------------วันนั้นฉันลง ที่สยาม เขาลงที่เดียวกับฉัน ฉันตื่นเต้นมาก
อะไรจะขนาดนั้น วันนี้ฉันคิด บังเอิญหรืออะไร ฉันรีบเดินหนี ไม่อยาก
ให้ภาพติดตาประมาณนั้น เขาก็ไม่ได้หล่ออะไร แต่ภาพรวม แล้วดูดีมาก
เขาเดินตาม ถามว่าฉันไปไหน ฉันโกหก ทั้ง ๆ ที่ ฉันจะไปเยี่ยมเพื่อน
หญิงคนหนึ่ง แต่กลับบอกเขาว่า ไปเดินเล่นที่สยาม เขาบอกว่า ขอผม
เดินด้วยคนได้ไหม นี่คือ เสียง คำสนทนาที่ได้ยินจากปากเขา ฉัน
บอกว่า ถ้าคุณไม่รังเกียจฉันก็ตามสบาย นึกถึงตรงนี้ ขำนะเหมือน
นางเอกกับพระเอกพบกัน...... เราไปทานอาหารด้วยกัน
...............แต่แล้วเชื่อไหม เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น มีหญิงคนหนึ่ง
เข้ามาทักเขา ตัดพ้อต่อว่า สถานการณ์ตอนนั้นไม่ดีเลย เหมือนฉันเป็น
ต้นเหตุ ทั้ง ๆ ที่ เพิ่งเจอเขาเนี่ยนะ ฉันบอกและโกหกหล่อนให้สบายใจ
ว่า เราเป็นเพื่อนกัน ไม่ได้เจอกันมานาน เป็นเพื่อนจริง ๆ คุณอย่าคิดมาก
หล่อนพออ่อนอารมณ์ลงบ้าง เข้าใจที่ฉันพูด แต่เขากลับไม่พอใจที่ฉันพูด
ฉันอ่านสายตาเขาออก ...เขาอาวรณ์ฉัน ฉันขอตัวกลับ มอบเวลาให้กับ
เขาทั้งสอง หมดเวลาสำหรับฉัน
..............นี่อะไรกัน ฉันเป็นอะไร ยังมานอนคิดถึงเขาอยู่ได้ แต่ช่างเถอะ
แค่นี้ก็สุขพอแล้ว แค่คิดหัวใจฉันก็สดชื่น มีชีวิตชีวาทันที ขอเพียง แค่
ภาพเขา กลิ่นน้ำหอมที่ติดตรึง ความทรงจำระหว่างเราที่ดี ก็พอ
ขอบคุณเวลาอีกครั้ง ที่ให้เราพบกัน ถึงแม้จะจบแบบ.......NO HAPPY ENDDING ........THINK FOR TIME....................