9 สิงหาคม 2548 15:58 น.
ลูกไพร
ฉันก้าวเดินออกจากหน้าบ้านไปตามถนนสายเล็กๆ
ลัดเลาะผ่านเถาวัลย์มุ่งสู่ทุ่งโล่ง
ในใจคิดถึงกลางทุ่งที่ร้อนระอุด้วยแสงแดด
หรือบางครั้งหนาวเหน็บด้วยพายุฝน
...พลันต้องสะดุ้งตื่นจากพวังค์!!!
ด้วยไ้ด้เสียงอันแหบแห้งจากกระท่อมริมทาง
..." ไอ้ทิดเอ้ย มากินข้าวเช้าด้วยกันก่อน "...
6 กันยายน 2547 23:02 น.
ลูกไพร
พ่อ คือผู้ก่อเกื้อ การุณย์
แม่ ดั่งพระใจบุญ ผู้ให้
พี่ เป็นผู้เจือจุน สละได้ ทุกครา
น้อง หนุนส่งไซร้ จึ่งได้จำเริญฯ
3 พฤศจิกายน 2546 14:57 น.
ลูกไพร
หยาดน้ำค้างพร่างพรายกลางสายหมอก
คลื่นชลหยอกบัวบานสะท้านไหว
สายลมหนาวพัดโกรกจากโตรกไพร
ไล้ผิวกายปลุกร่างย่างเหมันต์
เสียงนกป่าหมาเห่าหอนในตอนเช้า
ม่านหมอกเทาริมฝั่งทะเลฝัน
หอมไอดินกลิ่นหมอกบอกรำพัน
สวนสวรรค์ชายทุ่งรุ่งทิวา
แว่วสำเนียงเสียงระฆังดังเหง่งหง่าง
เงารางรางปักษินเจ้าบินหรา
โผจากรังหาลูกไม้ให้ลูกยา
เฒ่าชราเตรียมกับข้าวก้าวลงชาน
เดินลัดเลาะริมทุ่งมุ่งวัดเหนือ
หยุดเช็ดเหงื่อแห่งวัยขัยสังขาร
จากเด็กหนุ่มร่างฉกรรจ์ในวันวาน
ผิวหยาบกร้านเหี่ยวหง่อมค่อมชรา
อนัตตาวิสัยแห่งไตรลักษณ์
ต้องประจักษ์ทุกชีวินแม้นหินผา
ยังผุพังด้วยแรงกร่อนกาลเวลา
อนิจจา ทุขขัง ทั้งโลกีย์
อนิจจังล้วนเอียงไม่เที่ยงแท้
ทุขขังแน่ทนได้ยากอยากจะหนี
อนัตตาฆ่าตนจนไม่มี
สามหลักนี้เป็นธรรมชี้นำทาง.....
19 สิงหาคม 2546 16:57 น.
ลูกไพร
สุข-สันต์-วัน-เกิด
สุข กายฤๅจักสู้ ............. เย็นใจ เล่าเอย
สันต์ เงียบสงบใน ............. ไป่ร้อน
วัน คืนแปรเปลี่ยนไป............. ธรรมชาติ
เกิด แก่เจ็บตายซ้อน ............. ซ่อนเล่ห์อนิจจัง
18 สิงหาคม 2546 17:09 น.
ลูกไพร
(ภาคค่ำ)
.....ว่าวลูกแอ้แผ่ปีกกางเหนือซังข้าว
หมู่ปักเป้าโผผินบินไปทั่ว
เจ้าเด็กน้อยกู่ก้องร้องระรัว
แสงสลัวเสียงหัวร่อคลอสายลม
เจ้าตัวเล็กแหงนมองจ้องบนฟ้า
ดูหมู่ว่าวปีกกางหางส้มส้ม
เย้ยหยอกเย้าเล่นหางอยู่กลางลม
ยืนตากลมอมยิ้มด้วยอิ่มใจ
ณ ชายทุ่งยังกองฟางและซังข้าว
เย็นลมว่าวยามเหมันต์กายสั่นไหว
เด็กตัวน้อยเซถลาลมพาไป
ตั้งหลักได้วิ่งฝ่าท้าสายลม
ฟ้ามืดลงเย็นย่ำตะวันลับ
เวลากลับสนุกแสนสุขสม
เดินทอดน่องท่องไปตามสายลม
เย็นอารมณ์เบาใจสบายตา.......
(ภาคกลางคืน)
.แม้นย่ำค่ำคืนนี้มืดสนิท
ไฟมืดมิดยังมีจันทร์จรัสจ้า
ไม่เห็นผองปักเป้าเหล่าจุฬา
ยินแต่เสียงแว่วมาตามสายลม
เป็นสำเนียงขับกล่อมทำนองทุ่ง
จากย่ำค่ำยันรุ่งปรุงผสม
ก่อกำเนิดจากไผ่หวายและสายลม
กล่อมอารมณ์ลำนำทำนองเพลง
ร่ายสำเนียงสูงกลางบ้างก็ต่ำ
บ้างกระหน่ำรัวรับฉับกระเฉง
บ้างเฉื่อยชาช้าบ้าเป็นบางเพลง
บางทีเร่งเร็วจัดเสียงขาดไป
ไพรสำเนียงสอนสั่งทางชีวิต
เร่งไม่คิดผิดคาดอาจจะพลั้งได้
แม้นเชื่องช้ายืดยาดอาจเสียใจ
ประมาณไว้ไม่เร็วช้าสุขารมณ์
ลมชายทุ่งยังพัดสะบัดไหว
ว่าวน้อยใหญ่ยังส่ายหางกลางเวหา
ลมชีวียังมีมิจากลา
ต้องฟันฝ่าพาดวงมานต้านสายลม