20 มกราคม 2553 16:47 น.
ลูกหว้า
ตอนที่ฉันยังเล็กนัก..มันเป็นระยะเวลาปิดเทอมภาคฤดูร้อนหรือช่วงมีนา-เมษา
เด็กน้อยอย่างฉันก็คิดถึงแม่ที่อยู่ที่สวนศศลักษณ์ที่เด่นชัย
พ่อกับแม่มารับเด็กน้อยไปอยู่ด้วยช่วงปิดเทอม
ทุกเช้าเด็กน้อยจะได้ยินแม่พูดเรียนเสียงไก่ที่แปลๆได้ว่า
ฟั่งแต๊ฟั่งว่า(เช้าแล้วรีบๆๆหน่อยจ้า)มาจากเสียงไก่ขั้นเอ๊กอิเอ๊กเอ๊กกกกไงละ
เด็กน้อยจะตื่นมาร้องเล่นเต้นข้างๆแม่ในครัว
บางวันก็ตามพ่อไปเก็บกับดั๊กหนูที่ท้ายไร่ข้างใน รึไร่สุภาพรนั่นเอง
ครอบครัวเรามีสองไร่เล็กๆห่างกันนิดๆหน่อย
บางวันพ่อก็พาเด็กน้อยไปรถล้มตรงกลางไร่
แต่เด็กน้อยไม่ร้องซักแอ๊ะ แค่ตกใจเฉยๆๆไมมันล้มละ
แบบว่าล้มบ่อยจนเด็กลืมเจ็บมั้ง
ได้หนูมากินกับข้าวก็ผ่านไปอีกมื้อนึง...
หนูที่ไร่มีเยอะกลางคืนก็วืงกันจ้าระหวั่น...
วันนี้แม่กับพ่อต้องช่วยกันเก็บแตงกวา..มาขายย
เด็กน้อยมีหน้าที่ช่วยล้างได้ค่าจ้างวันลั20บาท
เด็ก6ขวบก้อว่ามันเยอะนะ ปิดเทอมมีตังค์เก็บมากพอ
ล้างน้ำแฃ้วต้องเอาไปผึ่งลม แล้วแม่จะมาจัดใส่ถุงตอนสายๆ
จะมีรถมารับแตง..ไร่ศศลักษณ์อยู๋ในสุดเลย
เด็กน้อยช่วยล้างๆๆได้หลายเที่ยวแระ
แต่คงเป็นคราวซวยของเด็กน้อย
เผลอขึ้นห้าง... พอพ่อมาเลยรีบจัด
บันไดมีไม่ลง วิ่งๆๆกะจะรีบลงแต่ลงผิดที่
เลยตกห้าง แอ๊ค!
ร้องไห้ไม่ออกเลย พ่อรีบวางหาบแตงวิ่งมาดู
แต่ก็ไม่เป็นไรมากแต่โดนดุ..ไปกระบุงโกย
เดินไม่ดู ทุกวันนี้ยังจดจำเรื่องหวาดเสียวได้
ลองนึกตามมโนภาพนะว่าห้างเป็นเหมือนเพิ้งยกพื้นสูง
จะมีบันได แต่บันไดจะมีที่ห้อยข้างพอที่ผู้ใหญ่จะนั่งได้
ทั้งสองด้านบันไดจะอยู๋ระหว่างที่ว่างนั้น
ไอ่เราน่ะดัน รีบจัดลืมดูว่านั่นไม่ใช่บันได
พอวิ่งไปแล้วเสียววาบเรยแล้วก้อหล่นตุบ.
นอนหงายตรงพื่นห้าง ความสูงเหมือนกับบ้านสองชั้น
เหอๆๆ ยังเสียวไม่หายดีนะที่ไม่เจ็บมากตัวมากแต่จุกไปหลายชั่วโมง
กันทีเดียว..
*เนื่องจากเวลาอัฟมีน้อย..ว่างๆจะมาอัพเพิ่มจ้ายังไม่จบ
แฮะๆ
12 มกราคม 2553 11:12 น.
ลูกหว้า
แมงป่อง..หางชี้ตัวใสๆ..ที่ชอบซอกหลืบตามกระเป๋า
เสื้อผ้า...เราไม่รู้ว่ามันจะอยู๋ตรงไหนของบ้าน...
เด็กน้อยเจอพิษสงเจ้าแมงป่องมาเยอะแยะ...
ต่อยแต่ละที..กึ๊ยๆๆ บวมตลอดศก..
วันนั้นตอนเย็น..ของ วันเสาร์(ถ้าจำไม่ผิดนะ)
เด็กน้อยนั่งดูการ์ตูน อยู่บนบ้าน
มีพี่สาวนั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างๆๆ
ทั้งบ้านมีแค่สองศรพี่น้อง
แม่กับพ่อไปอยู่สวนที่อ.เด่นชัย
ทิงสองศรีไว้กับยายนวลกับตาคำดูแล
เด็กน้อยชอบดูตูนและก็ห่มผ้า...
และก็เจอดีอ่า...
เจ้าแมงป่อง..มันอยู่ในผ้าห่ม
เสร็จๆๆกัน..โดนแมงป่องต่อย
ตรงปลีน่องอวบๆ..
เด็กน้อยร้องไห้จ้าเลย..
เด็กน้อยร้องลั่นบ้าน"แง๊ๆๆ เจ็บอ่าแง๊ๆๆ"
พี่สาว"เป็นไรอ่าน้องน้ำ..ร้องไมเห๊ย...
โอ๋ๆๆไม่ร้องนะคะพี่นุ้ยอยู่นี้แล้ว.."
พี่สาว.."หยุดร้องก่อนไหนว่ามาก่อนโดนไร"
เด็กน้อยหยุดร้อง.." น้องโดนตัวไรไม่รู้ต่อยอ่าตรงน่อง่าเจ็บ ฮึกๆๆ
"
พี่สาว."สงสัยจะเป็นแมงป่อง..นี่ไงเจอแล้ว.. เดี๋ยวนะ"
พี่สาวไปจัดการจับแมงป่องไปตัดตรงไมทิ้ง..
ปล.ไมคือตรงปลายหางแมงป่องที่ใช้ต่อย..
พี่สาว"กลับมาพร้อมปะไปหาตาสม..มาพี่อุ้ม"
เด็กน้อยกอดคอพี่...
ตาสม" เป็นไรมาละเราร้องซธบลั่นเชียวหมูน้อย"
เด็กน้อย"ฮึกๆๆ โดนแมงป่องจะตา ฮึกๆๆ"
ตาสม" ไหนๆๆตรงไหน..."
พี่สาว"ตรงน่องนะตา แดงหมดไปทั้งขา.. ไม่รุ๊ซนไรเอาผ้าห่ม ห่มทังๆก็ร้อนตับแตก...เด็กหนอเด็ก.. "
พี่สาวหันมามองวน่องน้อย..
ตาสม"อะ โอมเพี๊ยงง...ความเจ็บจงหายไป " ตาสมเป่าแล้วก็เอา กระเทียมทุบละเอียดใส่ในผ้าเอามาถูตรงแผล
ตาสมพูด"เอาละเรียบร้อย..ทีละก็ซนให้มันน้อยๆหน่อยละกัน"
เด็กน้อยรับคำ"จะตา ยิ้มรับ^^"
พี่สาวอุ้มเด็กน้อยกับบ้าน
พี่สาวบอกเด็กน้อย"แล้วก็บอกว่าอยู่เฉยๆๆก่อนนะอย่าเพิ่งซนเดี๋ยวพี่มา"
เด็กน้อยก็แค่มองตาปริบๆๆ
เด็กน้อยนั่งเล่นตรงบันไดบ้าน เห็นตัวไรหว่า...แว๊บๆๆ
เด็กน้อยเจอแมงป่อง(แต่ไม่รู้ว่ามันคือตัวเดียวกับที่ต่อยตนร้องจ้ามาแว้วหรอก
ไม่รู้อีกตังหากว่ามันคือแมงป่อง)
เด็กน้อยเอากระป๋องแป้ง..ไล่บี้แมงป่อง....อยู่ใต้บันได
เล่นแล้วก็หัวเราะกับการแกล้งมัน
แต่ที่เล่นได้เนี้ยแมงป่องหมดฤทธิ์โดนตัดไม....
ถ้ามีไมป่านนี้เด็กน้อยคงร้องจ้าไปแล้ว..
สักพักพี่สาวก็กลับมา มาถึงก็โวยวาย..กันละทีนี้
พี่สาว" อ่าว เล่นไรขงเราน่ะหึ "
เด็กน้อย"เล่นเจ้านี่ไงพี่ " ชี้ไปที่แมงป่อง
พี่สาว" อ่าว..ไอ่เด็กนี้...เจ็บไม่เจียมอีกน้องเรา
ยังเล่นได้อีกเนอะ ..ไอ่ตัวนี้ทีทำร้องไห้ตั้งนานนะ"
พี่สาวพูดพร้อมถอนใจ..เด็กหนอเด็ก...
เด็กน้อยเอียงหน้ามองพี่แต่ก็เล่นตามปะสาเด็กไป...
ปล.เด็กน้อยแปลกมะที่เล่นไอ่ตัวที่ทำเราซะแสบสัน555+คุณผู้อ่านเจ้าขา
**********************************************************
..แมงป่องก็คือแมงป่อง..ไปที่ไหนก็เจอ
เท่าที่ยังจำได้...โดนแมงป่องต่อยมานับไม่ถ้วน...
ที่ยังไม่โดนดีคือแมงป่องช้าง..ตัวสีดำใหญ่ๆๆ
เคยมีครั้งนึงเด็กน้อยเข้าห้องน้ำ เป็นช่วงหน้าฝน
นะเด็กน้อยคิดว่าสายตาดีนะ..เพ็งกลางคืนขี้เกียจเปิดไฟ
เจอดีเลย..เดินเข้าห้งน้ำทำธุระเสร็จก็เดินกแต่ระหว่างที่เดินกลับ
รู้สึกว่ามีเศษตอกของพ่อทำตก กะจะว่า
ช่วยเก็บทั้งๆที่มืดๆๆ...แต่อ้าวตอกมันเดินไมได้แต่เจ้านี้ถอยหลังได้
เกือบจะจับนะ ดีที่ว่ามันแปลกๆๆ เลยไปเปิดไฟ..
เจอแมงป่องช้างในห้องน้ำ...ทีนี้เด็กน้อยร้องลั่นเลยละ
เกือบตายแล้วไหมละ...แมงป่องช้างพิษถึงตาย....
*****************************************************
แมงป่อง..สวน...
อันนี้พ่อเล่าให้ฟังช่วงปิดเทอม แม่กับพ่อมารับไปอยู่สวน...สวนพ่ออั๊ด-แม่วัน
คืนนั้นพ่อกับแม่หักข้าวโพดใต้ห้าง...(เพิ้งใช้หลับนอนในสวน..ยกพื้นสูง)
ปล่อยเด็กน้อยนอนบนห้าง..ไมใช่ห้างในการล่าสัตว์นะจะบอกให้
ตกดึกก็ขึ้นมานอน.....
ใกล้รุ่งพ่อเห็นมือของเด็กน้อยมีแมงป่องตลานอยู๋ไม่ไปไหนอยู่บนฝ่ามือ
เด็กน้อยยังหลับไม่รู้เริ่อง..พ่อก็จะฆ่าแมงป่องแต่ทำไรมันไม่ได้
มันหนีไปได้..พ่อเลยจะดูว่ามันทำไรลูกน้อยรึป่าว
พ่อกดแขนเด็กน้อย..เด็กน้อยก็ตกใจดิ ร้องเลยมันเจ็บ..ตอนนี้นเด็กมากไรนิดก็ร้องแระ...พ่เยาหม่องมาทา.. ..จำได้เท่านั้นตอนอยู่สวน..
...เป็นไงเอ่ย...เจอดีแมงป่องไปเต็มๆๆแถมยังล่นแผลงๆๆจนพี่ด่าเลย
นึกถึงแล้วขำตัวเอง..เล่นไปได้แมงป่อง..เด็กเกินไปที่จะรู้เรื่องพิษแมงป่อง
10 มกราคม 2553 20:55 น.
ลูกหว้า
สมัยไหนเด็กน้อยก็จำไม่ได้แล้วสิค่ะ....มันนานมากแล้ว
ณ ตอนนั้นเด็กน้อยอายุแค่4-5 ขวบแน่ะ....
เวลานั้นแม่จ๋าของเด็กน้อยไม่ได้ทำงานไรเป็นช่วงว่างๆ
ที่เอาตอกมาสานเป็นกะลาก็คือเสื้อจากไผ่สีสุขสานผืนละบาท
แต่ละบ้านก็ทำกันเดี๋ยวนี้ลางเลือนไม่ได้ทำกันแล้วล่ะคะ
เด็กน้อยสานไม่เป็นหรอกคะทำได้แต่ซนไปวัน-วัน
พี่สาวของเด็กน้อยก็ช่วยแม่สานนะคะ....
วันนั้นเด็กน้อยก็ซนๆๆไปตามประสาแม่จ๋ากับพี่สาว
พากันเอากะลาไปฝากขายบ้านใต้....
แม่บอกว่า"อย่าดื้อนะคะเดี๋ยวแม่มา"
เด็กน้อยใจก็อยากจะไปด้วยแต่ไปไม่ได้ได้แต่ขานว่า
"เจ้า...น้องจะรออยู่นี้เจ้า"
เด็กน้อยไม่รู้หรอกเวลานั้นมีกิ่งก่าตัวสีน้ำตาลอยู๋แถวๆบันไดบ้าน
แม่จ๋าก็เห็นแหละด้วยความเป็นเด็กน้อย
แม่เลยพูดเล่นๆกับเจ้ากิ่งก่าสีน้ำตาลแม่ว่า
"เจ้ากิ้งก่า..ฝากลูกฉันด้วยนะ..ฉันไม่ไปนานหรอก
อย่าเพิ่งไปไหน ละ"
แม่จ๋าพูดเสร็จไม่รอคำตอบเดินหลุ่นๆๆจากไปพร้อมพี่สาว
แต่น่าแปลกเจ้ากิ้งก่าตัวนั้น กับอยู่นิ่งๆ
ไม่ขยับไปไหนตั้งแต่แม่ไป...
มันนอนอยู๋ตรงบันไดในขณะที่เด็กน้อยนั่งพิงเสาบ้าน..
ตามองไปทางประตูบ้านน
เวลาก็ผ่านไป.....ผ่านไป..ผ่านไป
และแม่จ๋าก็กลับมา...
พอแม่เข้ามาปุ๊บ....
แม่ก็เห็นเจ้ากิ่งก่านั่งเฝ้าเด็กน้อย...
แม่ก็พูดว่า"ไวเจ้ากิ้งก่า ฉันทำตามสัญญารึป่าวละบอกแล้วไม่นาน"
เจ้ากิ่งก่าก็คลานจากไป
เป็นสิ่งที่น่าแปลกใจมากที่กิ่งก่าจะมานั่งเฝ้าได้..
เด็กน้อยเองก็ไม่เคยรู้ละว่ากิ่งก่าเฝ้า
ทั้งบ้านมีแค่เด็กน้อยกับกิ้งก่า....เนี้ยถ้ามัยนี้คงมีออกเก็บตกกันละ
มันเหลือเชื่อ แม่จ๋ายังอึ๊งเลยตอนแรกก็ไม่ได้คิดว่า
กิ้งก่าจะเฝ้าจริง....แต่กลับมามันก็ยังอยู่ตราบจนแม่เดินมาหาเด็กน้อย
มันถึงจากไป จะว่าไปกิ้งก่าก้อ ซื่อสัตย์ดี....
ทุกวันนี้แม่ยังล้อเด็กน้อยเลยว่า เด็กอะไรกิ้งก่าเฝ้าเป็นชั่วโมง
555+
9 มกราคม 2553 18:10 น.
ลูกหว้า
ถึงตอนนี้เด็กน้อยในอดีตจะโตเป็นสาวแล้ว
แต่ทว่าโรคาก็ไมได้จางหายแต่แค่ไม่ออกอาการ...
เด็กน้อยไม่เคยรู้ว่าโรคาที่เป็นอยู่
เป็นโรคประจำตัวหรือไม่.... เพราะวันไหนฤดูไหน
เด็กน้อยไม่มีทางรู้เลย
ว่าเจ้าโรคานั่นจะกำเริบ
มันไม่ได้เป็นหนัก....จนต้องพ่นยา...
เด็กน้อยรู้แค่ว่าอากาศเปลี่ยนเมื่อไหร่
ก็เมื่อนั้นมันจะมา......
เด็กน้อยจำความได้ก็เห็นแต่พี่สาว
เอายาสมุนไพรมาทาตรงผดผื่นที่
ขึ้นตามตัว....แต่ไม่รูว่ามันคืออะไร
รูแต่ว่ามันเปนผดผื่นที่น่ากลัว
ผื่นเท่าฝ่ามือ... พาดตามไหล่ หน้าท้อง
ข้อพับ...แล้วมันก็ไม่หายง่ายจรดวัน
เมื่อ7-8ปีก่อนเด็กน้อยติดตามพ่อจ๋าแม่จ๋า
ไปไร่ถั่วเหลือง..มันเป็นวันที่ถูกกำหนดเกี่ยวถั่ว
เด็กน้อยยังเกี่ยวไม่เป็น
พวกลุงป้าน้าอาก็ให้เด็กน้อยช่วยหอบ
กองฃองถั่วที่มัดไว้เป็นกองๆเท่าที่เด็กน้อยจะทำได้
และมันก็เป็นสาเหตุนึงที่ทำให้เป็นผดผื่น
และก็กลายเป็นภูมิแพ้จากที่เป็นแค่ลมพิษ
ตามใบสั่งหมอ...
พอช่วยหอบกองถั่วจนพวกลุงป้าเอาถั่วไปพัดถั่ว
จากที่มันเป็นกองๆๆคัดเอาเป็นเม็ดใส่กระสอบ
เอาขึ้นรถเพื่อเอาไปขาย
หลังจากนั้นแม่จ๋าก็ฝากเด็กน้อยติดรถ
น้าสาวกลับบ้าน...จากอ.เด่นชัยสู๋อ.สูงเม่น
มอไซด์คันหย่อมก็พาสองสาวต่างวัย
กลับบ้าน
แต่ระหว่างทางก็เจอฝนตกกระหน่ำตลอดทาง
ร่างน้อยก็สั่นมาตลอดทางเจอฝุ่นละอองของถั่ว
กองแล้วกองเล่ามาเจอฝน
ทำให้ร่างน้อย...เกิดผดตามตัวอยากจะเกาก็เกาไมได้
ยังต้องแบกถุงฟักทองมาอีก...เด็กน้อยรีบอาบน้ำ
ก้อต้องตกใจเพราะเห็นผื่นตามตัวเท่าๆฝ่ามือ
"มันคันจังเลยแม่จ๋า" เด็กน้อยโอดครวญ
"มันไม่เป็นไรหรอกน่า น้องน้ำอย่าเกานะคะ"
แม่จ๋าห้ามเสียงหลง
แต่เด็กน้อยก็เกาแม่จ๋าเอาแป้งมาทา
บังคับให้เด็กน้อยกินข้าว
กับข้าวมื้อนั้นคือฟักทองน้อยกับน้ำพริกน้ำปู กับข้าวเหนียว
เนื่องจากกลับมามืดค่ำ เลยได้แต่กับข้าวพอยาไส้
เด็กน้อยก็กินเพราะหิว
แต่ทั้งคืนเด็กน้อยนอนไม่เต็มอิ่มเพราะคันคะเยอ
ไปทั้งตัว...แต่น่าแปลก
ผดผื่นมันก็ยังไม่หาย
พอไปรร.สูงเม่นวิทยาคาร ครูและเพื่อนต่างตกใจ
ที่เด็กน้อยตัวเต็มไปด้วยผื่นต่างแซวว่า
"น้ำทำไมตัวปล่อยยุงกัดอ่า ดูแดงไปหมดเลย"
เสียงเพื่อนๆพูดถึงเด็กน้อย
"อ่าวศิชาทำไมตัวแดงยังงั้นละลูก ปะไปหาหมอที่อนามัยกัน
เด๋วครูพาไป"
ครูสกุณาพูดด้วยความเป็นห่วง
เด็กน้อยก็ไม่ตอบเพราะอายเรื่งผื่น
พอไปถึงสถานีอนามัยประจำอ.สูงเม่น
เจ้าหน้าที่ก็ซักถามอาการ
ถึงสาเหตุต่างๆนานา จนสรุปได้ว่า..เป็นลมพิษ
เจ้าหน้าที่คงไม่คิดว่าเด็กน้อยจะแพ้น้ำปู
*น้ำสีดำที่ถูฏการต้าการตำเนิ้อปูนาและเคี๊ยววว
จนเป็นสีดำ
**************************************
อันที่จริง ปูนามันไม่น่าจะแพ้ได้...
เดิมทีเด็กน้อยชอบกินปูมาก
แต่พอเกิดเหตุการณ์
เพื่อนบ้านไปเก็บปูนามาแต่พวกเขาไม่กิน
เลยเอามาให้แม่จ๋า
เย็นวันนั้นแม่ก็เอาปูนามาตำ
ทำกับข้าวเย็น..แม่จ๋าเลาะเอาคีมปู
ให้เด็กน้อยเพราะเด็กน้อยชอบกินเน้นๆๆตรงก้ามปู
เด็กน้อยกินก้ามปูไปแค่สองอัน..ก็ขึ้นห้อง
แม่จ๋ากับพ่อจ๋าไปงามศพได้สักพัก
ก็เกิดอาการคัยหัวคันผม
เด็กน้อยพยายามไม่เกาแต่ก็อดไมได้
จนทนไม่ไหวเด็กน้อยก็พยามติดต่อพ่อจ๋า
แต่พ่อไมได้เอาโทสับไปด้วย
เด็กน้อยจึงต้องไปขอเบอร์ลุงสนเพื่อคุยกับพ่อ
พ่อรู้เลยรีบกลับมา...
พอมาเจอลูกสาวตัวแดงก้อตกใจ
พาไประ.สูงเม่น....
หมอพาเข้าห้องฉุกเฉิน
เด็กน้อยหอบ ตัวแดงหมด ผื่นก็เต็มตัว
หมอซักถามจึงระบุว่านอนรออาการนะ
เพราะเด็กเกือบจะขาดอากาศหายใจ
แล้วก็ปรากฏว่าแพ้ปูนา...
แม่จ๋าเลยออกกฏเหล็กห้ามเด็กน้อยทานปู
เพราะห้ามกินแมลงทุกชนิด..
เพราะมันอันตรายย..
ทุกวันนี้เด็กน้อยทานอะไรแม่จ๋าต้องดูก่อน
ก่นที่จะไม่มีเด็กน้อยเคียงกาย
ทุกวันนี้เด็กน้อยคิดว่าจะไม่เสียดทานแมลงรึไม่ก็ปูนา
ไม่น่าเชื่อปูนาบ้านจะเกือบฆ่าเด็กคนนึง....
โรคาที่ไม่น่าจะเป็นก็ จบประการะฉะนี้
4 มกราคม 2553 16:25 น.
ลูกหว้า
ความรักของคนที่ขาดหาย เมื่อไม่มีใคร"สมบูรณ์แบบ"
มาตั้งแต่เกิด.......
รู้สึกอย่างไร เมื่อมีคนบอกว่า....
"คนที่ขาดหาย รักใครอื่นไม่ได้หรอก"
เชื่อตามนี้ไหม
ถ้าหากเราเอง ก็เป็นคนที่ขาดหายในชีวิตเช่นกัน
คนที่ขาด
บางที ก็ต้องขึ้นอยู่กับ ขาดมากหรือขาดน้อย
แต่นั่นก็ยังไม่สำคัญเท่ากับ
เรารู้สึกต้องการหาสิ่งอื่นมาเติมในสิ่งที่เราขาด
ไปมากน้อยแค่ไหน
บางคนที่ไม่เดือดร้อนว่าตัวเองจะขาดอะไรไปบ้าง
จะไม่มีสิ่งใดไม่เท่ากับคนอื่น
คนแบบนี้ บนความขาดหายของเขา ยังคงมีความสุข
มากกว่าความทุกข์ แต่ต่างกับบางคนที่เดือดร้อน
แม้กระทั้งสิ่งเล็กๆ
ทันทีที่รู้ตัวเองมีไม่เท่าใคร ก็จะขวนขวายหาสิ่งนั่น
สิ่งนี่มาเติม
การปรารถนาให้ตัวเอง"เต็ม"
เป็นความปรารถนาที่มีแต่จะทำให้ชีวิตเรายิ่งขาด
หายและคนที่ต้องการความรักมาเติมให้ชีวิตตัวเองเต็ม
ก็มักจะพบเจอกับ....หยดน้ำตา
การมีความรัก
อาจไม่ใช่การหวังให้ใครอีกคนมาเติมเต็มให้เรา
จนเรากลายเป็นคนที่มีทุกสิ่งทุกอย่างครบ
แต่การมีความรัก คือการอยู่เป็นเพื่อนกัน
เป็นคนที่ไม่ต้องหวาดระแวง
เพราะมันคงอบอุ่นกว่า
หากเราจะนั่งอยู่กับคนที่
"เราจะเป็นยังไงก็ได้ และมีเท่าไหร่ก็ได้"
คนที่ขาดหาย
จึงสามารถรักใครคนอื่น
ด้วยรัก..อย่างเปิดใจกว้าง
และด้วยรัก...
ย่างไม่หวังจะเป็นผู้รับแค่เพียงฝ่ายเดียว