29 กรกฎาคม 2549 23:33 น.
ลุ่มน้ำ ณ เทือกเขาดงรัก
โรงเรียนหมู่บ้านเด็ก
บนถนนสายแคบๆเส้นทางมุ่งสู่อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี รถโดยสารประจำทางนำผมมายืนอยู่ตรงทางเข้าโรงเรียนแห่งหนึ่ง ป้ายขนาดใหญ่บอกผมว่าไม่ผิดที่อย่างแน่นอน โรงเรียนหมู่บ้านเด็ก
หลังจากสูดกลิ่นอายจากป่าเขาสักพักจึงตัดสินใจเดินเข้าสู่ภายใน สองข้างทางดูคล้ายสวนป่า รกชัฏและเงียบสงบ เสียงเจี๊ยวจ๊าวได้ยินมาแต่ไกล อึดใจหนึ่งจึงพบกับที่มาของเสียง บนสนามฟุตบอลที่หมาดชื้น บางแห่งยังมีน้ำขังแอ่ง แต่เด็กกลุ่มหนึ่งยังเล่นฟุตบอลกันอย่างสนุกสนาน ซักพักจึงหยุดยืนมองดูผม บุคคลแปลกหน้าที่ผ่านเข้ามาในยามเย็นย่ำ แล้วหันไปใส่ใจลูกกลมๆตรงหน้าแทนคล้ายไม่มีอะไรน่าสนใจเท่ากิจกรรมที่กำลังดำเนินอยู่ขณะนี้
พี่พาใครมาด้วยเหรอครับเสียงตะโกนทักแต่ไกล ระหว่างทางที่ผมกำลังเดินอยู่ ชุดกีฬาสีเขียวเดินตรงเข้ามาพลางชะงักงันเมื่อรู้ว่าทักผิดคน
ขอโทษครับ ผมนึกว่าพี่ผม แล้วพี่จะไปไหนเหรอครับ?ผมเอ่ยบอกจุดมุ่งหมาย พลางเร่งสาวเท้าให้เร็วขึ้น ใครอีกคนที่ว่าคือตากล้องที่เดินทางมาด้วยกัน
บรรยาภายในครึ้มไปด้วยแมกไม้ บ้านพักแต่ล่ะหลังซ่อนตัวอยู่ในอาณาบริเวณที่เต็มไปด้วยต้นไม้นานาชนิด เด็กหลายคนวิ่งเล่น เสียงหัวเราะ ร้องไห้ สับสนปนเปไปหมด ผมเดินเลี่ยงเข้าสู่เรือนพัก ที่ทางโรงเรียนจัดไว้ให้ โดยมีไกด์เด็กๆนำทางไปและกับประโยคที่ทำเอาเราสองคน ผมกับตากล้อง มองหน้ากันแล้วอมยิ้ม
พี่จะไปไหนบอกผม ตามผมมาเลยท่าทางทะมัดทะแมงเต็มไปด้วยความมั่นใจ และดูภูมิใจกับหน้าที่ไกด์อันทรงเกียรติ ผมเดินตามอย่างไว้ใจ เพราะที่นี่คือ บ้านของเขา
กีฬายอดฮิต ดีดลูกแก้ว
เสียงไก่ขันปลูกโรงเรียนกลางป่าให้ตื่นขึ้นรับวันใหม่ วันนี้หน้าที่แรกของเด็กๆคือ ลงแปลงผัก ต่างคนต่างขยันขันแข็ง เด็กโตจับจอบเสียมลุยแปลง เล็กลงมาหน่อยลากสายยางรดน้ำผักที่ปลูกไว้ ส่วนที่เหลือนอกจากนั้นวิ่งเล่นกันไปในสวนเกษตร บ้างปีนป่ายห้อยโหนอยู่ตามต้นไม้ เก็บมะขาม ชมพู่ จนเหลือแต่ลูกที่อยู่ไกลมือ ที่นี่ถือว่าเป็นครัวของเด็กๆ ผักต่างๆที่ปลูกจะถูกกลายสภาพเป็นอาหารอันโอชะ เด็กๆปลูกเอง ทำอาหารเอง กินเอง
เสร็จจากลงแปลงผักทุกคนต่างชำระล้างร่างกายเตรียมตัวสำหรับอาหารเช้าที่โรงอาหาร ผมเห็นเด็กคนหนึ่งเดินมา ในมือลากเศษเหล็กมาหอบใหญ่ ชุดกีฬาสีเขียวยังไม่เปลี่ยน
น้องจะเอาเศษเหล็กพวกนี้ไปไหนผมเอ่ยถามด้วยความสนใจ
แลกลูกแก้วกับแม่เฑียร
แม่เฑียรคือหนึ่งในครูที่ดูแลเด็กๆที่นี่ เด็กที่โรงเรียนหมู่บ้านเด็กทุกคนจะเรียกครูว่า แม่คล้ายที่นี่คือครอบครัวใหญ่ครอบครัวหนึ่ง
เด็กที่นี่แทบทุกคนมีลูกแก้ว หนึ่งในกีฬายอดฮิตของที่นี่!
ยังไม่ทันจะรับประทานอาหารเช้า เด็กๆก็เกาะกลุ่มกันเล่นลูกแก้วเสียแล้ว เสียงเจี๊ยวจ๊าว ผสมกับเสียงลูกแก้วกระทบกันดังไปทั่วบริเวณลานใต้ร่มไม้
อาหารเช้าผ่านไปเด็กๆยังคงจับกลุ่มบนลานดิน จนสิ้นเสียงระฆังบอกเวลา 8.00 น.จึงจำใจละจากลานดินมาอย่างอ้อยอิ่ง เข้าแถวเคารพธงชาติ สวดมนต์ไหว้พระ ก่อนจะมีครูพี่เลี้ยงมาตรวจร่างกาย ความสะอาดต่างๆ
และคนที่มาไม่ทันร้องเพลงชาติก็จะโดนให้ออกมาร้องเพลงชาติและสวดมนต์ โดยมีเพื่อนๆเข้าแถวรออยู่
ใครมาไม่ทันร้องเพลงชาติบ้างสิ้นคำถามเด็กหลายคนยกมือขึ้นและก้าวออกมาข้างหน้าด้วยความมั่นใจ ยอมรับผิดแต่โดยดี เสียงร้องเพลงชาติกระท่อนกระแท่นดังก้องไปทั่วบริเวณ...
เสร็จสิ้นกิจกรรมหน้าเสาธง ก็ต่างแยกย้ายไปเรียนตามวิชาต่างๆ หลายคนเข้าห้องคอมพิวเตอร์ ทอผ้า เย็บผ้า ทำผ้าบาติกฯลฯและอีกหลายคนขลุกอยู่กับลานดิน เล่นลูกแก้ว...
ลูกแก้ว ดูจะเป็นสิ่งบันเทิงเริงใจเพียงอย่างเดียวที่เด็กๆเล่นกันยามว่าง ไม่รวมถึงฟุตบอลที่เล่นกันเฉพาะกลุ่มเด็กผู้ชายที่โตแล้วและอาศัยเพียงช่วงเย็นของวันเท่านั้น
ผมเดินเลาะเลียบไปตามอาคารเรียน ก่อนจะเดินกลับมาตรงสนามเด็กเล่น เด็กๆไม่ค่อยใส่ใจกับส่วนเกินผมและตากล้อง ที่เข้ามามากนัก อาจเป็นเพราะที่นี่มีแขกมาเยี่ยมประจำ และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่มีคนเข้ามา...
โครงการอาหารกลางวันสำหรับเด็ก เพื่อให้เด็กมีอาหารกินอิ่มตลอดทุกมื้อ ทางโรงเรียนจึงได้จัดโครงการ อาหารวันเกิดขึ้นมา โดยประกาศไปทางผู้ที่ต้องการเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารเด็กๆในวันเกิดของตัวเอง ในแต่ละวันจึงมีผู้คนมากหน้าหลายตาเข้ามา
เสียงลูกแก้วกระทบกัน เสียงหัวเราะเฮฮา เสียงจักรเย็บผ้า และเสียงอึกทึกจากก้นครัวดังแทรกเข้ามากลางหมู่แมกไม้
เศษลูกแก้วที่แตกร้าวตกเกลื่อนอยู่เต็มลาน รวมทั้งลูกแก้วที่แหว่งวิ่นจนไม่สามารถทำหน้าที่ของมันเองได้ก็ถูกทิ้ง กลายเป็นส่วนหนึ่งของผืนดิน ยามนี้มันต้องแสงอยู่วิบวับอวดแสงสีอยู่ใต้เท้าน้อยๆของเด็กๆ
สายน้ำ ดนตรีธรรมชาติที่ปลอบประโลม
เมื่อเอ่ยถึงโรงเรียนหมู่บ้านเด็ก หลายคนที่เคยไปสัมผัสบรรยากาศของที่นั่นคงประทับในหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นป่าเขา เสียงหัวเราะของเด็ก แต่สิ่งหนึ่งที่หลายคนนึกถึงคือ แม่น้ำแควใหญ่ที่ไหลเอื่อยคดโค้งอ้อมมาทางด้านหลังโรงเรียน ท่าน้ำ และภาพของเด็กๆที่เปลือยกายทิ้งตัวหล่นตูมลงน้ำอย่างเบิกบาน
หลังอาหารกลางวัน ทุกคนต่างแยกย้ายไปเรียนตามอาชีพที่ตัวเองสนใจ แต่เด็กเล็กๆหลายคนยังคงง่วนอยู่กับสิ่งหนึ่ง มองไกลๆคล้ายตุ๊กตา แต่เมื่อเข้าไปใกล้จึงรู้ว่ามันเป็นลูกหมา...
ลูกหมาที่นี่มีอยู่หลายตัว เด็กผู้หญิงเหล่านี้ต่างหอบหิ้วมันไปด้วยทุกที่ ไม่เว้นแม้แต่ตอนกินข้าว พูดคุยกับมันราวกับจะเข้าใจกันและกันเป็นอย่างดี บางตัวน่ารักขนปุกปุย บางตัวมอมแมมผอมกะหร่องเพราะเฉามือ มันไม่มีโอกาสได้เดินเอง ผลัดจากมือนี้ก็จะมีอีกมือหนึ่งมาแทนที่ ยกหอมแก้มซ้ายขวา ซึ่งมอมแมมไม่ต่างกันนักระหว่างคนอุ้มและตัวที่ถูกอุ้ม
แดดร่มลมตก แสงตะวันยามเย็นฉานฉายลอดเหลี่ยมเขา สะท้อนกับสายน้ำที่ไหลเอื่อย เด็กๆรอโอกาสนี้มาทั้งวัน...
เสียงตูมสนั่นผืนน้ำ ร่างขาวโพลนไร้เสื้อผ้า ดูราวกับทโมนน้อยต่างทยอยโยนตัวลงน้ำอย่างสนุก โดยมีครูพี่เลี้ยงเฝ้าดูอยู่ไม่ห่าง บ้างลอยเล่นริมฝั่ง บ้างไล่กวดกัน บ้างชวนกันจับมือกระโดดลงพร้อมกันและมีบ้างที่นั่งกอดลูกหมาอยู่บนศาลาริมน้ำ
พี่ค่ะ ช่วยถ่ายรูปหนูกับดากานดาหน่อยผมหันกลับไปมองดูหน้าดากานดาที่อยู่ในอ้อมอก หันกลับไปอมยิ้มกับตากล้อง ฉวยเอากล้องอีกตัวในกระเป๋าขึ้นมา พร้อมทั้งสั่งโพสท่านางแบบจำเป็น และตากล้องจำเป็น....
เราใช้วิธีของธรรมชาติบำบัดเข้ามาช่วย เด็กที่นี่จะชอบเล่นน้ำมาก เหมือนกับว่าเขาได้ปลดปล่อยบางสิ่งบางอย่างในตัวออกมา อารมณ์รุนแรงต่างๆ ถ้าเขาไม่เอาเรี่ยวแรงมาเล่นน้ำ แรงที่มีก็อาจจะไปลงกับเพื่อน กับข้าวของต่างๆ ตรงนี้จึงช่วยเขาผ่อนคลายมากขึ้นนี่คือคำพูดของแม่ณี ครูอีกคนที่ทุ่มเททั้งชีวิตจิตใจ ดูแลเด็กๆรุ่นแล้วรุ่นเล่า มาจนกระทั่งไม่น่าเชื่อว่าผ่านมาเกือบยี่สิบปีแล้ว
สายน้ำยังคงไหลเอื่อยเสียงเด็กๆเริงเล่นราวกับนกน้อยที่ส่งเสียงระริกริมฝั่งน้ำยามเย็น มีบางคนลุกขึ้นเต้นโชว์สัดส่วน ก่อนทิ้งตัวหายลับไปจากท่าน้ำ ยินเพียงเสียงน้ำ และเห็นเพียงฝอยน้ำที่กระเซ็นขึ้นมา
ตะวันใกล้จะลับขอบฟ้า ทุกคนขึ้นมาริมฝั่ง เปียกปอนหนาวสั่นแต่ดวงตาฉายแววแห่งความสุข ก่อนเก็บเสื้อผ้าวิ่งไล่เรียงกันขึ้นไปยังบ้านพัก ซึ่งอาหารเย็นแต่ละบ้านจะตระเตรียมทำกันเอง โดยจะมีเวรทำอาหารประจำบ้านผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป...วันนี้ผมมีโอกาสชิมฝีมือทำอาหารของเด็กๆ