3 พฤษภาคม 2552 15:31 น.

6 ขั้นตอนเยียวยาหัวใจช้ำรัก

ลุงแทน

6 ขั้นตอนเยียวยาหัวใจช้ำรัก 
ต่อไปนี้คือ 6 ขั้นตอนบำบัดอาการอกหักสำหรับสาวช้ำรักโดยเฉพาะ 

ชีวิตที่เคยมีเขา...รักกันมีความสุขด้วย กันมาเนิ่นนาน จู่ๆก็ต้องเลิกรา ไร้เงาของเขาอยู่ข้างกายอีกต่อไป ชีวิตที่เคยเติมเต็มเหมือนมีบางอย่างขาดหาย...จนยากที่จะทำใจ พูดได้คำเดียวว่า ช๊อคค่ะ ช่วงเวลาของการเป็นผู้ถูกทิ้งมันชอกช้ำเกินบรรยาย การเอาชีวิตให้รอดจากช่วงเวลานี้เป็นสิ่งสำคัญ อย่าซมซานให้เสียมาดสาวเริ่ดเชิดหยิ่งอย่างเราเด็ดขาด
ขั้นที่ 1 ยอมรับความจริง
ก่อน คิดทำอะไรประชดชีวิตควรยอมรับให้ได้ว่าตัวเองกำลังอยู่ในช่วงอ่อนแอที่สุด แค่ได้ยินเพลงอกหักช้ำรักก็พาลน้ำตาไหลเป็นเผาเต่า ไม่เป็นไรยอมให้ตัวเองร้องไห้เสียใจได้แต่ต้องมีขอบเขต เดี๋ยวหน้าตาบวมช้ำเสียสวยนะเออ ข้อสำคัญคือห้ามเมาแอ๋แล้วโทรศัพท์ไปหาแฟนเก่าตอนตี 2 ฟูมฟายรำพึงรำพันเป็นเมรีขี้เมา เดี๋ยวพอสร่างเมาแล้วจะนึกอยากเขกหัวตัวเองที่ทำแบบนั้น ทางที่ดีควรปล่อยเขาไป และยอมรับความจริงให้ได้ว่า ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถดึงเขากลับมาได้
ขั้นที่ 2 รักตัวเองมากๆ
อย่า ทำร้ายตัวเองด้วยการหมกมุ่นตอกย้ำนึกถึงแต่ความหลังครั้งเก่า หันมาดูแลตัวเองให้สวยปิ๊งดีกว่า อย่าปล่อยตัวเองกระเซอะกระเซิงเป็นยัยเพิ้งเด็ดขาด หากิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลาย ไปสปานวดหน้านวดตัว ไปดูหนังดูคอนเสิร์ต ฯลฯ ที่สำคัญคือต้องให้อภัยตัวเอง เลิกหมกมุ่นกับอดีตรักที่ล้มเหลว วิธีแก้อีกอย่างคือเขียนบันทึกประจำวันตีแผ่ความรู้สึกของตัวเองแบบถึงกึ๋น แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องเป็นการเขียนในเชิงบวก เช่น วันนี้ครบหนึ่งเดือนที่เราเลิกกัน ฉันเจ็บปวดมากแต่ทำใจได้แล้ว ไม่ควรเขียนซ้ำเติมตัวเอง เช่น ฉันเจ็บปวดมาก ชาตินี้คงไม่มีวันลืมเขาได้ เพราะถ้ามัวแต่ตอกย้ำตัวเองแบบนี้ชีวิตคงไม่ได้ผุดเกิดเสียที
ขั้นที่ 3 ปลดปล่อยตัวเอง
ควร หาทางระบายความอึดอัดคับข้องออกเสียบ้าง แทนที่จะนอนซมหรือนั่งน้ำตาเช็ดหัวเข่าอยู่ที่บ้าน ลองทำอะไรบ้าเลือดบ้าง เช่น เข้าคอร์สตีกลองกระหน่ำบ้าระห่ำ ชกมวยหรือฝึกยิงปืน เพื่อระบายความแค้นออกมาให้หมด พอระบายทุกอย่างจนหมดสิ้นแล้ว ก็เตรียมตัวเริ่มต้นชีวิตโสดให้สดใส มองย้อนกลับไปพิจารณาความสัมพันธ์ในอดีต เพื่อเรียนรู้จุดบกพร่องป้องกันประวัติศาสตร์ซ้ำรอยรอบสอง
ขั้นที่ 4 อย่าปล่อยให้ตัวเองว่าง
นี่ คือวิธีที่ช่วยบำบัดหัวใจช้ำรักได้ดีมากคือ หันเหความสนใจไปสู่เรื่องอื่น หรือจะกลายเป็นสาวบ้างานไปเลยก็ไม่ว่ากัน ถ้าไม่อยากปวหัวกับงานก็ลองหางานอดิเรกทำ เช่น เย็บปักถักร้อย เรียนทำอาหาร เล่นกีฬากลางแจ้ง หากเป็นไปได้ควรพาตัวเองไปเปลี่ยนบรรยากาศ เดินทางไปยังสถานที่แปลกหูแปลกตา ความตื่นตาตื่นใจจะช่วยให้สภาพจิตใจดีขึ้น อาจรู้สึกเหมือนเป็นคนใหม่เลยทีเดียว ถ้าไม่มีโอกาสเดินทางไปไหนไกลๆก็ลองไปออกกำลังกายที่ฟิตเนส พยายามทำตัวให้มีวินัยไปออกกำลังกายทุกวันให้ได้ นอกจากหายอกหักแล้วยังสวยขึ้นอีกด้วยนะ
ขั้นที่ 5 พบจิตแพทย์
บาง รายอกหักรุนแรง อาการหนักถึงขั้นคิดฆ่าตัวตาย แบบนี้ปล่อยไว้ไม่ได้ค่ะ ต้องพาไปพบจิตแพทย์หรือไม่ก็พึ่งพานักบำบัดสายฮอทไลน์ ช่วงแรกควรปรึกษาเพื่อนสนิทก่อน เพื่อแบ่งเบาความเจ็บปวด และแสดงความเห็นใจโดยอยู่ข้างเราเสมอ แต่ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้นก็ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญค่ะ
ขั้นที่ 6 หาคนใหม่มาดามอก
สาว ที่ถูกทิ้งอย่างไม่ใยดีมักหาคนมาดามอกแก้เหงา ข้อดีของการมีคนใหม่ทันทีก็คือ ช่วยให้ลืมความเจ็บปวดไว้เบื้องหลังอย่างน้อยก็ชั่วคราว ข้อเสียคือผู้หญิงจะคาดหวังว่าคนใหม่คงแตกต่างกับอดีตแฟนโดยสิ้นเชิง และถ้าเกิดมีอะไรเหมือนกันแม้แต่นิดเดียว ผู้หญิงจะเขี่ยทิ้งทันที หนุ่มคนใหม่ก็เลยต้องอกหักไปตามระเบียบ และข้อเสียอีกข้อคือ ผู้หญิงจะเป็นฝ่ายถูกทิ้งอีกครั้ง เพราะผู้ชายทนอยู่กับผู้หญิงที่ยังลืมรักเก่าไม่ได้สักที ยิ่งถ้าเอาแต่พล่ามถึงคนเก่าตอนอยู่กับคนใหม่ละก็...น่าเบื่อสุดๆ แทนที่จะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ก็เลยกลายเป็นผู้หญิงสติแตกถูกผู้ชายทิ้งสอง รายติดกันเลยล


*****.......แบบว่าลุงแทนไปอ่านเจอมาเนาะ......*****				
3 พฤษภาคม 2552 11:49 น.

วันวิสาขบูชา

ลุงแทน

วันวิสาขบูชา หมายถึง การบูชาในวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 วันวิสาขบูชาเป็นวันสำคัญที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้า 3 ประการ คือ เป็นวันประสูติ ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า และปรินิพพาน

 

ความหมาย คำว่า "วิสาขบูชา" หมายถึงการบูชาในวันเพ็ญเดือน 6 วิสาขบูชา ย่อมาจาก " วิสา - ขบุรณมีบูชา " แปลว่า " การบูชาในวันเพ็ญเดือนวิสาขะ " ถ้าปีใดมีอธิกมาส คือ มีเดือน 8 สองหน ก็เลื่อนไปเป็นกลางเดือน 7

ความสำคัญ วันวิสาขบูชา เป็นวันสำคัญยิ่งทางพระพุทธศาสนา เพราะเป็นวันที่พระพุทธเจ้าประสูติ คือเกิด ได้ตรัสรู้ คือสำเร็จ ได้ปรินิพพาน คือ ดับ เกิดขึ้นตรงกันทั้ง 3 คราวคือ

1. เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะ ประสูติ ที่พระราชอุทยานลุมพินีวัน ระหว่างกรุงกบิลพัสดุ์กับเทวทหะ เมื่อเช้าวันศุกร์ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ปีจอ ก่อนพุทธศักราช 80 ปี

2. เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้าเมื่อพระชนมายุ 35 พรรษา ณ ใต้ร่มไม้ศรีมหาโพธิ์ ฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม ในตอนเช้ามืดวันพุธ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ปีระกา ก่อนพุทธศักราช 45 ปี หลังจากออกผนวชได้ 6 ปี ปัจจุบันสถานที่ตรัสรู้แห่งนี้เรียกว่า พุทธคยา เป็นตำบลหนึ่งของเมืองคยา แห่งรัฐพิหารของอินเดีย

3. หลังจากตรัสรู้แล้ว ได้ประกาศพระศาสนา และโปรดเวไนยสัตว์ 45 ปี พระชนมายุได้ 80 พรรษา ก็เสด็จดับขันธปรินิพพาน เมื่อวันอังคาร ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ปีมะเส็ง ณ สาลวโนทยาน ของมัลลกษัตริย์ เมืองกุสินารา แคว้นมัลละ (ปัจจุบันอยู่ในเมือง กุสีนคระ) แคว้นอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย

นับว่าเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง ที่เหตุการณ์ทั้ง 3 เกี่ยวกับวิถีชีวิตของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งมีช่วงระยะเวลาห่างกันนับเวลาหลายสิบปี บังเอิญเกิดขึ้นในวันเพ็ญเดือน 6 ดังนั้นเมื่อถึงวันสำคัญ เช่นนี้ ชาวพุทธทั้งคฤหัสถ์ และบรรพชิตได้พร้อมใจกันประกอบพิธีบูชาพระพุทธองค์เป็นการพิเศษ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณ พระปัญญาธิคุณ และพระบริสุทธิคุณ ของพระองค์ท่าน ผู้เป็นดวงประทีปของโลก

ป ร ะ วั ติ ค ว า ม เ ป็ น ม า ข อ ง วั น วิ ส า ข บู ช า ใ น ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย

วันวิสาขบูชานี้ ปรากฏตามหลักฐานว่า ได้มีมาตั้งแต่ครั้งกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี ซึ่งสันนิษฐานว่า คงจะได้แบบอย่าง มาจากลังกา กล่าวคือ เมื่อประมาณ พ.ศ. 420 พระเจ้าภาติกุราช กษัตริย์แห่งกรุงลังกา ได้ประกอบพิธีวิสาขบูชาอย่าง มโหฬาร เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา กษัตริย์ลังกาในรัชกาลต่อ ๆ มา ก็ทรงดำเนินรอยตาม แม้ปัจจุบันก็ยังถือปฏิบัติอยู่

สมัยสุโขทัยนั้น ประเทศไทยกับประเทศลังกามีความสัมพันธ์ด้านพระพุทธศาสนาใกล้ชิดกันมากเพราะพระสงฆ์ชาวลังกา ได้เดินทางเข้ามาเผยแพร่พระพุทธศาสนา และเชื่อว่าได้นำการประกอบพิธีวิสาขบูชามาปฏิบัติในประเทศไทยด้วย

ในหนังสือนางนพมาศได้กล่าวบรรยากาศการประกอบพิธีวิสาขบูชาสมัยสุโขทัยไว้ พอสรุปใจความได้ว่า " เมื่อถึงวันวิสาขบูชา พระเจ้าแผ่นดิน ข้าราชบริพาร ทั้งฝ่ายหน้า และฝ่ายใน ตลอดทั้งประชาชนชาวสุโขทัยทั่วทุก หมู่บ้านทุกตำบล ต่างช่วยกันทำความสะอาด ประดับตกแต่งพระนครสุโขทัยเป็นการพิเศษ ด้วยดอกไม้ของหอม จุดประทีปโคมไฟแลดูสว่างไสวไปทั่วพระนคร เป็นการอุทิศบูชาพระรัตนตรัย เป็นเวลา 3 วัน 3 คืน พระมหากษัตริย์ และบรมวงศานุวงศ์ ก็ทรงศีล และทรงบำเพ็ญพระราชกุศลต่างๆ ครั้นตกเวลาเย็น ก็เสด็จพระราช ดำเนิน พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ และนางสนองพระโอษฐ์ตลอดจนข้าราชการทั้งฝ่ายหน้า และฝ่ายใน ไปยังพระ อารามหลวง เพื่อทรงเวียนเทียนรอบพระประธาน

ส่วนชาวสุโขทัยชวนกันรักษาศีล ฟังธรรมเทศนา ถวายสลากภัต ถวายสังฆทาน ถวายอาหารบิณฑบาต แด่พระภิกษุ สามเณรบริจาคทรัพย์แจกเป็นทานแก่คนยากจน คนกำพร้า คนอนาถา คนแก่ คนพิการ บางพวกก็ชวนกันสละทรัพย์ ปล่อยสัตว์ 4 เท้า 2 เท้า และเต่า ปลา เพื่อชีวิตสัตว์ให้เป็นอิสระ โดยเชื่อว่าจะทำให้คนอายุ ยืนยาวต่อไป "

ในสมัยอยุธยา สมัยธนบุรี และสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ด้วยอำนาจอิทธิพลของศาสนาพราหมณ์ เข้าครอบงำประชาชนคนไทย และมีอิทธิพลสูงกว่าอำนาจของพระพุทธศาสนา จึงไม่ปรากฎหลักฐานว่า ได้มีการประกอบพิธีบูชาในวันวิสาขบูชา จนมาถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยรัชกาลที่ 2 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ (พ.ศ. 2360) ทรงดำริกับ สมเด็จพระสังฆราช (มี) สำนักวัดราชบูรณะ มีพระราชประสงค์จะให้ฟื้นฟู การประกอบพระราชพิธีวันวิสาขบูชาขึ้นใหม่ โดย สมเด็จพระสังฆราช ถวายพระพรให้ทรงทำขึ้น เป็นครั้งแรกในวันขึ้น 14 ค่ำ 15 ค่ำ และวันแรม 1 ค่ำ เดือน 6 พ.ศ. 2360 และให้จัดทำตามแบบอย่างประเพณีเดิมทุกประการ เพื่อมีพระประสงค์ให้ประชาชนประกอบการบุญการกุศล เป็นหนทางเจริญอายุ และอยู่เย็นเป็นสุขปราศจากทุกข์โศกโรคภัย และอุปัทวันตรายต่างๆ โดยทั่วหน้ากัน

ฉะนั้น การประกอบพิธีในวันวิสาขบูชาในประเทศไทย จึงได้รื้อฟื้นให้มีขึ้นอีกครั้งหนึ่งในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 และถือปฏิบัติมาจวบจนกระทั่งปัจจุบัน

การจัดงานเฉลิมฉลองในวันวิสาขบูชาที่ยิ่งใหญ่กว่าทุกยุคทุกสมัย คงได้แก่การจัดงานเฉลิมฉลอง วันวิสาขบูชา พ.ศ.2500 ซึ่งทางราชการเรียกว่างาน " ฉลอง 25 พุทธศตวรรษ " ตั้งแต่วันที่ 12 ถึง 18 พฤษภาคม รวม 7 วัน ได้จัดงานส่วนใหญ่ขึ้นที่ท้องสนามหลวง ส่วนสถานที่ราชการ และวัดอารามต่างๆ ประดับธงทิวและโคมไฟสว่างไสวไปทั่วพระ ราชอาณาจักร ประชาชนถือศีล 5 หรือศีล 8 ตามศรัทธาตลอดเวลา 7 วัน มีการอุปสมบทพระภิกษุสงฆ์รวม 2,500 รูป ประชาชน งดการฆ่าสัตว์ และงดการดื่มสุรา ตั้งแต่วันที่ 12 ถึง 14 พฤษภาคม รวม 3 วัน มีการก่อสร้าง พุทธมณฑล จัดภัตตาหาร เลี้ยงพระภิกษุสงฆ์วันละ 2,500 รูป ตั้งโรงทานเลี้ยงอาหารแก่ประชาชน วันละ 200,000 คน เป็นเวลา 3 วัน ออกกฎหมาย สงวนสัตว์ป่าในบริเวณนั้น รวมถึงการฆ่าสัตว์ และจับสัตว์ในบริเวณวัด และหน้าวัดด้วย และได้มีการปฏิบัติธรรมอันยิ่งใหญ่ อย่างพร้อมเพรียงกัน เป็นกรณีพิเศษ ในวันวิสาขบูชาปีนั้นด้วย				
2 พฤษภาคม 2552 18:37 น.

บทความ น้ำแข็ง กับ นาฬิกาทราย

ลุงแทน

บทความ น้ำแข็ง กับ นาฬิกาทราย


นานมาแล้ว โลกเป็นเพียงวัตถุทรงกลมเรียบๆเปล่าๆ

ไม่มีอะไรอยู่เลยนอกจาก น้ำแข็งก้อนใหญ่กับนาฬิกาทรายเรือนยักษ์

ที่มีปลายเปิด สามารถปล่อยทรายออกได้อย่างเดียว

 น้ำแข็งกับนาฬิกาทรายเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เล็ก

ร่วมทุกข์ร่วมสุข จนทั้งคู่เติบใหญ่เข้าสู่วัยหนุ่มสาว

ความงดงามของน้ำแข็ง

ทำให้นาฬิกาทรายแอบชื่นชมหลงใหล

แต่ทุกครั้งที่พยายามแสดงความสนิทสนมใกล้ชิด

 ความเย็นชาจากน้ำแข็งก็ทำให้นาฬิกาทรายต้องผิดหวังทุกทีไป

วันหนึ่งนาฬิกาทรายทะเลาะกับน้ำแข็งอย่างรุนแรงถึงขั้นแตกหัก

 นาฬิกาทรายร้องไห้เสียใจหนีไปอยู่อีกซีกโลกหนึ่ง

 เวลาผ่านไปปีแล้วปีเล่านาฬิกาทรายกับน้ำแข็งก็ยังไม่คืนดีกัน

 ต่างคนต่างอยู่คนละซีกโลก

 จนมาวันหนึ่งเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ทำให้โลกจะต้องแตกออกเป็นสองส่วน

น้ำแข็งรู้ดีว่าถ้าโลกแตกเป็นสองส่วนแล้ว

ก็คงไม่ได้เจอกับนาฬิกาทรายตลอดกาล

 แต่ด้วยทิฐิที่มีอยู่ น้ำแข็งจึงเลือกที่จะอยู่นิ่งๆ

 แทนที่จะออกตามหานาฬิกาทราย ดวงจันทร์โคจรผ่านมา

 น้ำแข็งจึงถามว่าอีกซีกโลกเป็นอย่างไรบ้าง

ดวงจันทร์บอกว่า นาฬิกาทรายกลับมาไม่ทันเพราะโลกกำลังจะแยก

 จึงปล่อยทรายออกมาปกคลุมรอยแตกของโลก

 เพื่อยึดไว้ไม่ให้แยกออกจากกัน

โดยหวังว่าจะได้กลับมาพบน้ำแข็งอีก ทันทีที่รู้ น้ำแข็งก็รีบออกตามหานาฬิกาทราย........

สายเกินไป ทรายกำลังจะหมดจากตัวนาฬิกาแล้ว

 เมื่อน้ำแข็งมาถึง

ก็ได้ยินเพียงคำพูดสุดท้ายจากปากของนาฬิกาทราย

 " ฉันรักเธอ ..."

 ความเย็นชาที่มีในตัวน้ำแข็งหมดลงทันที

น้ำแข็งจึงเริ่มละลายในขณะที่ทรายเม็ดสุดท้ายร่วงลงสู่พื้นดิน ก

ลายเป็นน้ำทะเลที่อ่อนโยน คอยโอบอุ้มผืนทรายที่บริสุทธิ์ อยู่คู่กันมาจนทุกวันนี้ .....


ขอบคุณ
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=link&month=05-2005&date=11&group=3&gblog=8				
1 พฤษภาคม 2552 22:54 น.

เรื่องเศร้า จดหมายรัก ครั้งสุดท้าย

ลุงแทน

เรื่องเศร้า จดหมายรัก ครั้งสุดท้าย 


 ถึงคุณ คนที่ผมรักที่สุด
                         
   คุณ ยังจำได้มั้ย วันแรกที่เราเจอกัน วันนั้นคุณเป็นคนที่สวยมากในสายตาผม ทั้งนิสัย กริยามารยาท ทุกอย่างเป็นสิ่งที่ผมประทับใจในตัวคุณ ดวงตาที่สดใส รอยยิ้มที่ละมุนละไม มันทำให้คนไร้ค่าอย่างผม รู้สึกดีใจที่ยังมีผู้หญิงแบบนี้อยู่บนโลก แต่ผมคิดว่ายังไงมันก็เป็นไปไม่ได้ เพราะคุณกับผมมันต่างกันเหลือเกิน อย่างมากผมก็ทำได้แค่มองคุณอยู่ไกลๆ โดยที่คุณไม่รู้ตัว

   แต่แล้ว วันหนึ่งฟ้าก็ทำให้ผมได้พบกับคุณอีกครั้ง คืนนั้นเป็นวันฝนตกพรำ ขณะที่ผมกำลังข้ามถนนอยู่ ผมก็พบร่างของคุณนอนอยู่กลางถนน ผมตกใจมาก  รีบพาคุณไปส่งที่โรงพยาบาล ช่วงนั้นผมทำอะไรไม่ถูกจริงๆ ผมไม่รู้จะโทรบอกใคร จนกระทั่งหมอบอกกับผมว่าคุณพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่สมองของคุณได้รับความกระทบกระเทือน..... คุณจำอะไรไม่ได้ ไม่ได้เลยซักเรื่อง 

  ตอนนั้นผมรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก คุณคงคิดว่ามันเป็นเรื่องที่เห็นแก่ตัวนะ ผมก็คิดอย่างคุณ แต่ผมรู้สึกมีความสุขมาก ที่ได้โกหกคุณว่า "ผมเป็นคนที่คุณรัก" ผมรู้ว่าตอนนั้นคุณก็คงรู้สึกงงๆ และอาจจะรู้สึกแย่ที่อยู่ๆจะต้องมารักคนที่ไม่มีค่าอย่างผม

 หลังจากที่คุณออกจากโรงพยาบาล ผมพาคุณไปที่บ้านผม เจ้าลัคกี้ สุนัขของผมมันดีใจมากที่ได้มีเจ้านายใหม่เพิ่มอีกคน แต่ผมดีใจกว่ามันหลายเท่า อาจฟังดูตลกนะ แต่ผมพูดจริง ผมลางานเพื่อมาอยู่ดูแลคุณเพราะคุณยังไม่แข็งแรงพอ ถึงแม้ว่าคุณจะมีบาดแผลบนหน้า แต่มันก็ไม่สามารถกลบเกลื่อนแววตาคู่นั้นที่ผมเห็นตอนแรกได้เลย  มันยังดูแวววาวและสดใสเหมือนเดิม ... รู้มั้ย แม้คุณจะไม่ใช่คนแรกที่ผมรัก แต่ผมขอให้คุณ เป็นคนสุดท้ายที่ผมรัก.........

  หลายๆวันผ่านไป อาการของคุณดีขึ้น บางครั้งคุณก็ลงมาเล่นกับเจ้าลัคกี้ บางครั้งคุณก็เดินลงมาดูสวนดอกไม้ที่ สวนหลังบ้าน ผีเสื้อที่บินว่อน อากาศที่บริสุทธิ์ มันทำให้รอยยิ้มของคุณที่จางหายมานาน กลับมาอีกครั้ง ตอนนี้ผมว่าคุณคงมีความสุขมากขึ้น แต่ผมขอสัญญา ผมจะทำให้คุณมีความสุขมากกว่านี้

 พออาการของคุณหายดีแล้ว ผมก็ไปทำงาน แต่ผมยังเป็นห่วงคุณอยู่เสมอ คุณอยู่บ้านเพียงคนเดียว ผมกลัวคุณเหงา ทุกๆวันผมจึงโทรหาคุณวันละ 3 ครั้ง เสียงของคุณยังดูสดใส ผมดีใจที่ทำให้คุณหัวเราะได้ ทุกครั้ง เราคุยกันจนความสนิทสนมเริ่มเกิดขึ้น สำหรับผมมันน่าจะเรียกว่า ความรัก แต่สำหรับคุณ ผมยังไม่รู้ มันอาจเป็นแค่มิตรภาพดีๆ ที่เพื่อนมนุษย์ควรมีให้กัน .....ฟังดูดีนะ แต่ผม อยากให้มันเป็นมากกว่านั้น 

 มี วันนึง คุณจำได้มั้ย ผมกลับบ้านไปแล้วไม่เจอคุณ ผมตกใจสุดขีด ประตูบ้านที่ถูกเปิดทิ้งไว้มันทำให้ผมคิดไปไกล ผมตามหาคุณซะจนทั่ว ยังไงก็หาไม่เจอ  มาเจอคุณอีกทีก็ตอนกลับมาเอาโทรศัพท์มือถือที่บ้าน จึงได้รู้ว่าตอนนั้นคุณอยู่ในห้องน้ำ ส่วนประตูที่เปิดไว้เจ้าลัคกี้ต่างหากที่ตะกุยตะกายจนประตูเปิด 555 ...... (T_T)ผมเป็นห่วงคุณ จริงๆนะ 
     
  นปีใหม่ ที่เราจัดงานเลี้ยงกันที่บ้าน เป็นปาร์ตี้เล็กๆที่มี ผม คุณ และเจ้าลัคกี้ เป็นแขกรับเชิญ วันนั้นเราช่วยกันทำอาหาร  ผมเพิ่งรู้ว่าคุณทำอาหารเก่งมากๆ จะว่าไปแล้วก็คล้ายๆที่แม่ผมทำ คืนนั้น เรานั่งมองดาวกันที่ระเบียงข้างนอกบ้าน ดาวในวันนั้นช่างสวยเหลือเกิน มันเปล่งประกายระยิบระยับแข่งกัน แต่ถึงจะสวยเพียงใด มันคงสู้คุณไม่ได้ ที่รัก ผมรักคุณจริงๆ ... วันนั้น คุณเปิดใจถามผมว่า ผมรักคุณจริงหรือเปล่า ........ แล้วก่อนหน้านี้ คุณรักผมจริงๆหรือไม่  ผมไม่ตอบอะไร เพราะคำตอบแรกคุณคงรู้อยู่แล้ว แต่คำตอบที่สอง ผมอยากให้คุณรู้เอง
  
รุ่งเช้า เป็นวันหยุด ผมจึงชวนเธอไปในที่ๆหนึ่ง มันคือที่ๆผมอยากไปกับคนที่ผมรักที่สุด คุณมีท่าทีที่ตื่นเต้น ด้วยความที่ไม่เคยได้ออกไปไหนเลย ระหว่างทางที่ขับรถไป หน้าคุณเริ่มซีด มือคุณเย็นจัด คุณบอกว่าคุณปวดหัวมาก ผมพาคุณไปที่โรงพยาบาล  คุณเข้าไปในห้องฉุกเฉิน คุณอยู่ในห้องนั้นนานมาก ผมเริ่มกังวล ใจหนึ่งกลัวว่าคุณจะเป็นอะไร อีกใจก็กลัวว่าคุณจะจำอะไรเก่าๆได้ และแล้วหมอก็ออกมา และบอกข่าวร้ายกับผม มันเป็นข่าวร้ายที่สุดในชีวิตผมจริงๆ......

  หมอบอกว่า คุณเป็นโรคมะเร็งในสมอง มันเป็นโรคที่ร้ายแรงมาก มันไม่มีทางรักษา ไม่มียาอะไรรักษาได้ ...


   3-4 ช.ม.ต่อมา คุณฟื้นขึ้นมา ผมภาวนาให้ความจำคุณไม่ย้อนคืนมา จริงๆด้วย คุณยังจำผม จำเจ้าลัคกี้ได้ คุณถามผมว่าคุณเป็นอะไร ผมไม่ตอบได้แต่ยิ้ม คุณบอกว่าคุณไม่อยากอยู่ที่โรงพยาบาล มันอึดอัด ผมตามใจคุณ ตอนนี้ไม่ว่าคุณอยากจะทำอะไร ไปที่ไหน ผมจะยอมทำตาม    เพราะเวลาของเรานั้นใกล้จะหมดแล้ว...

   คุณบอกกับผมว่า คุณอยากไปในที่ๆผมอยากพาคุณไป ผมพาคุณไปได้เสมอ ถ้าคุณยังรอได้ ระหว่างที่เราขับรถไป ผมกุมมือคุณแน่น คุณยังดูสลึมสลือ ตัวคุณยังซีด มือคุณยังเย็น ผมรีบขับรถไปให้เร็วที่สุดเท่าที่ผมทำได้ อีกไม่ไกลแล้ว ข้างหน้าเป็นท้องทะเลสีครามสวย ภูเขาที่บิดบังความงดงามของพระอาทิตย์ก็เหมือนกับความลับที่ผมปิดบังซ่อนไว้ แต่รุ่งขึ้น พระอาทิตย์ก็ต้องขึ้น ภูเขาไม่มีทางที่จะบังพระอาทิตย์ไว้ได้....เหมือนความลับของผม 

   ผมรีบจอดรถ มองมาที่คุณ ตอนนี้คุณหมดสติไปแล้ว ชีพจรของคุณเริ่มเต้นเบาขึ้นๆ ๆ ผมอุ้มขึ้นไปที่หาดทรายขาวสะอาด มันสวยงามมากจริงๆ ผมเชื่อว่าถ้าตอนนั้นคุณมีสติอยู่ คุณจะต้องชอบมากแน่ๆ ผมตะโกนขึ้นมาแข่งกับเสียงคลื่นที่พัดเข้าหาชายหาด ว่า ผมรักคุณ แม้ว่าคุณจะไม่เคยรักผมก็ตาม ได้ยินมั้ย ผมรักคุณ..

   เสียง คลื่นยังพัดเข้าหาชายหาด เสียงลมยังกู่ก้อง เสียงหายใจของผมยังมี แต่ตอนนี้ มันขาดแค่เสียงลมหายใจของคุณ......................

   ผมอาจเรียกได้ว่าจดหมายนี้เป็นจดหมายสารภาพบาป คุณคงได้รู้ว่าคุณไม่เคยรักผม แต่คุณก็ได้รู้ว่าผมรักคุณเสมอมา จดหมายนี้มันคงเป็นจดหมายแรก และจดหมายสุดท้ายที่ผมมอบให้คุณ  ........ 
                                                            เจ้าลัคกี้ยังรอคุณอยู่ที่บ้านนะ
                                                            เจ้าผีเสื้อและดอกไม้สวยๆเหล่านั้นยังรอคุณอยู่ที่สวน
                                                            รถเก่าๆของเรามันยังรอให้คุณมานั่งข้างๆผม
                                                            ทะเลสวยๆมันยังรอให้คุณไปสัมผัส 
                                                            ทุกๆอย่าง มันรอคุณ แม้ว่าจะรู้ว่าคุณไม่กลับมาแล้ว

                                   ส่วนผม ผมคงไม่รอคุณ แต่ผมอยากให้คุณ รอผม อีกไม่นานหรอก ผมจะตามไปดูแลคุณ และในเมื่อผมเป็นคนสุดท้ายของคุณ คุณก็จะเป็นคนสุดท้ายของผมเช่นกัน...................

                                                                                                                                                                ผมรักคุณเสมอ
                                                                                                                                                           คนที่รักคุณตลอดมา


  "พรหมลิขิตนำเรามาเจอกัน ปาฏิหารย์ทำให้เราได้รักกัน แต่เส้นบางๆทำให้เราแยกจากกัน"

    จดหมายฉบับเล็กๆ ถูกเผาไปพร้อมกับร่างของหญิงสาวที่นอนอยู่บนไฟที่ลุกลาม ชายคนนึงที่อยู่ในงานนั้นน้ำตาซึม เค้าพยายามกลั้นไว้ไม่ให้ใครเห็น เค้าเชื่อว่าเธอก็คงไม่อยากให้เค้า ร้องไห้ ................................


   วันรุ่งขึ้น ข่าวหนังสือพิมพ์หลายๆฉบับลงพาดหัวข่าวใหญ่ "ชายประสบอุบัติเหตุ ขับรถตกทะเล ตายคาที่" 

                                                            และแล้ว เธอกับเค้า ก็ได้อยู่ร่วมกัน จะไม่มีอะไรพรากเธอกับเค้าได้อีกเลยย


......อืม......อ่านมา.....ลุงแทนก็เลยก๊อบเขามาให้อ่านกันเนาะ				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลุงแทน
Lovings  ลุงแทน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลุงแทน
Lovings  ลุงแทน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลุงแทน
Lovings  ลุงแทน เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงลุงแทน