18 ตุลาคม 2551 21:10 น.

ผู้ชาย กับความรัก

ลุงแทน

ผู้ชาย กับความรัก


ผู้ชายคิดอะไรเมื่อส่งดอกไม้ให้คนรักเก่าในวันเกิด เขาคิดอะไรในการใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เหมือนยังคงคบหากันอยู่ เราเคยคิดจะโทรศัพท์ไปหาเขา ไปขอบคุณกับความปรารถนาดีที่ยังมีให้ เพียงแค่นั้นเราก็รู้ว่า ทำไมระหว่างเรามันจะไปต่อด้วยกันไม่ได้ แต่เป็นเพราะเราเองที่ไม่ยอมอ่อนข้อให้กับเขา

ภาพของคืนวันกับคนรักเก่าผ่านเข้ามาในความรู้สึกเหมือนดูหนังเรื่องเดิม รับรู้ถึงความอาลัยอาวรณ์ในการจากลาของเราในวันก่อน เรารู้อยู่แก่ใจว่าที่ผ่านมาเขาไม่กล้าเดินเข้ามาหาเราอย่างนี้ เป็นเพราะเขาไม่สามารถแก้ไขปัญหาส่วนตัวของเขาได้ เราค่อนข้างมั่นใจว่าที่เขากลับมาในครั้งนี้เพื่อบอกเราเรื่องนี้ แต่ว่ามันสายไปแล้ว


ถ้าเรารู้ว่าจะมีวันอย่างนี้เราจะเข้มแข็งกว่านี้ เราจะไม่ยอมให้ใครคนไหนเข้ามาเกี่ยวพันจนเราต้องมาลำบากใจอย่างนี้

ในเวลานี้เรารู้แล้วล่ะว่า ไม่ใช่เราหรอกที่นั่งรอความว่างเปล่ามาตลอดเวลา 2 ปีที่เรารู้สึกถึงความทรมานในความยาวนานของมัน เราว่าน่าจะเป็นเขามากกว่าที่พยายามต่อสู้กับครอบครัวของตัวเองเพื่อเรา เขาไม่ได้มีใครเลยตลอดเวลาที่ผ่านมา แต่เราเองกลับเป็นคนอ่อนไหวไปกับคนใหม่

เราบอกตัวเองให้ใช้เหตุผลกับชีวิตของตัวเองให้มากยิ่งกว่ามาก เพราะใช้อารมณ์เหนือเหตุผลทำให้เราตัดสินใจบอกลากับคนรักเก่าในวันก่อน และครั้งนี้ถ้าเราตัดสินใจด้วยอารมณ์อย่างนี้เราคงเสียใจไปตลอดชีวิต เราบอกตัวเองให้ก้าวเดินต่อไปข้างหน้า รู้ตัวดีว่าถ้าเราเลือกเดินย้อนกลับไปยังเส้นทางเดิมได้ เราคงไม่กล้าแม้แต่จะสบตากับตัวเองบนกระจกเงา

ชายหนุ่มคนรักของเราตอนนี้เขาไม่เกี่ยวข้องอะไรกับวังวนในความรักของเราใน เมื่อวาน เขารู้ตลอดว่าเรื่องมันผ่านไปแล้วและมันเป็นเหมือนสายน้ำ คือไม่มีวันย้อนคืน เราบอกกล่าวด้วยกันแล้วว่า เราจะไม่คุยกันถึงเรื่องคนรักเก่าเราจะบอกเล่าแต่เรื่องปัจจุบันนี้ ที่มีเรา และอนาคตของเรา

มันเป็นอดีตไปแล้ว มันผ่านไปแล้ว เราบอกกับตัวเองอย่างมั่นใจ เราไม่รู้สึกเสียดายอะไรเลย มันเป็นความภาคภูมิใจในชีวิตที่เราปล่อยให้หนุ่มแบงค์อนาคตไกลจากไปเพื่อ เลือกเส้นทางยากไร้กับหนุ่มไร้อนาคตคนนี้
......การกลับมาของคนรักเก่า ในครั้งนี้ ทำให้เรารู้สึกไว้ใจผู้ชายมากขึ้น ความรักของผู้ชายที่บอกกับหญิงสาวคนรักมันเป็นพันธะสัญญาที่สำคัญอย่างหนึ่ง ในชีวิตของลูกผู้ชาย เรารู้สึกโชคดีเหลือเกินที่มีผู้ชายมาบอกรักอย่างนี้ถึง 2 คน เราบอกกับตัวเองว่าเราจะรักผู้ชายของเราให้มากยิ่งขึ้น เราจะรักเขาให้เขารู้ว่าผู้หญิงคนนี้เวลารักใครแล้วรักมั่นขนาดไหน

..... เราโทรศัพท์ไปหาชายหนุ่มของเราที่อยู่ไกลออกไปถึง 200 กว่ากิโลเมตร เขาอยู่ในอ้อมกอดของขุนเขาแห่งหนึ่ง และเขาอยู่ในความรู้สึกเขาเราตลอดไป..				
16 ตุลาคม 2551 18:14 น.

“บุญคุณแผ่นดิน”

ลุงแทน

กระทู้นี้ชื่อ “บุญคุณแผ่นดิน”
ด้วยเหตุสืบเนื่องมาแต่กระทู้ “สาเหตุการเสียกรุงครั้งที่สอง” อันกำเนิดแด่แม่หญิงอ้อย เธอปฏิบัติธรรมกรรมฐานเกิดจิตขันธสัญญา รำลึกห้วงเวลา ภายใต้ความทรงจำเข้าสู่ภูมิภพสมัยหนึ่ง อันเป็นต้นทางให้หลากหลายผู้คนได้หวลคำนึงเกี่ยวเนื่องถึงความเป็นชนชาติไทย ตามสภาพแห่งตนนั้นแล

เมื่อมาได้อ่านหนังสือ “คนไททิ้งแผ่นดิน” ฉบับที่ท่านเจ้าคุณพระธรรมสิริชัย เจ้าอาวาสวัดอรุณราชวราราม รองเจ้าคณะ กทม. ผู้มีความรู้ในประวัติศาสตร์ชาติไทยอย่างมาก ท่านได้กล่าวชื่นชมประทับใจว่า เป็นเอกสารที่มีเนื้อหาผสมผสานการจินตนาการที่คงเอกลักษณ์ความเป็นชนชาติไทย ที่สามารถตรวจสอบได้แม้ในปัจจุบันว่า “นี่แหล่ะคือคนไทย” เพราะเอกสารฉบับนี้ได้สะท้อนจุดอ่อนจุดแข็งของความเป็นคนไทย ไว้ได้อย่างแท้จริงชัดเจน 

"ด้วงจะ ต้องเป็นพระเจ้าแผ่นดินแทนฉัน เป็นวิธีเดียวเท่านั้นที่แยบยลที่สุดที่ฉันจะหลบหนี้เจ้าสัวได้ ฉันเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ยากจนที่สุด ไม่มีทรัพย์สินที่ไหนมาก่อนเลย จึงต้องจำใจกู้เงินเจ้าสัวมาจับจ่ายใช้สอย เวลานี้ ฉันก็ยังเป็นหนี้เบี้ยหวัดเงินเดือนเงินปีของข้าราชการอยู่มาก จะให้พวกข้าราชการทั้งหลายทำงานฟรี ๆ ได้อย่างไร พวกเขาต้องกินต้องใช้ต้องเลี้ยงครอบครัวลูกเมียใช่ไหม เวลานี้ การรบทัพจับศึกก็ยังไม่เสร็จการจับจ่ายใช้สอยก็มีอีกมาก ถ้าฉันจะเอาเงินใช้หนี้เจ้าสัวก็มีไม่พอ มีแต่จะกู้หนี้ยืมสินเจ้าสัวใหม่อีกเป็นดินพวกหางหมู ฉันตกที่นั่งลำบากจริงๆ เอาอย่างนี้นะ เวลานี้เขมรแข็งเมืองให้ด้วงยกทัพไปตีเขมร เอาลูกชายสองคนของฉันไปด้วย เมื่อตีได้แล้ว ไม่ต้องเอาลูกชายของฉันมา ให้ลูกชายของฉันครองอยู่ที่เขมร เมื่อด้วงกลับมาด้วงก็เป็นกษัตริย์ตามแผนของฉัน"

"สำหรับเงินที่ด้วงจะต้องใช้จ่ายให้แก่ข้าราชการเบี้ยหวัดเงินเดือนเงิน ปีต่าง ๆ ที่ฉันคั่งค้างอยู่นั้น ได้เตรียมไว้ให้แล้ว รวมทั้งเงินอีกส่วนหนึ่งสำหรับด้วงจะใช้ภายในประเทศ ยังมีเงินอีกส่วนหนึ่งที่จะใช้เวลาด้วงเป็นกษัตริย์ ฉันก็เตรียมไว้ให้แล้ว รวมเป็นเงินสามส่วนด้วยกัน เมื่อถึงเวลากำหนดนัดที่เจ้าสัวจะมาทวงหนี้จากฉัน ก็เป็นเวลาที่ด้วงขึ้นครองราชสมบัติที่พระเจ้าแผ่นดินแล้ว เจ้าสัวจะทวงเงินจากดวงไม่ได้ เพราะด้วงปฏิวัติรัฐประหารให้ฉันหลุดพ้นจากตำแหน่งพระเจ้าแผ่นดินไปแล้ว ฟังให้ดีนะ ด้วงจะต้องทำงานสำคัญครั้งนี้ในรูปแบบปฏิวัติหรือเป็นขบถยึดอำนาจจากพระเจ้า ตากสิน" 

"แต่การ ยึดอำนาจกันเฉย ๆ คนทั้งหลายจะหาว่าด้วงเป็นคนเห่อเหิมอกตัญญูเนรคุณต่อฉัน ผู้เป็นพระคุณ เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ฉันจะทำทีเหมือนว่า ฉันเป็นนักบวชเสียสติวิปลาส ฟั่นเฟือน สร้างความวุ่นวายขึ้นในพระราช สำนักให้วิปริตอาเพศ ทีนี้ก็ให้ด้วงรีบรุดกลับมาจากเขมรเข้ายึดอำนาจจับฉันประหารชีวิต ฉันพร้อมแล้วที่จะตายหนีหนี้สินเพื่อประเทศชาติ เมื่อด้วงขึ้นครองราชย์แล้ว อย่ารับรู้เรื่องหนี้สินที่ฉันทำไว้กับเจ้าสัว เพราะฉันทำหนี้ไว้เป็นเรื่องส่วนตัว เมื่อด้วงประหารชีวิตฉันแล้ว ก็เป็นการลงโทษให้เจ้าสัว ให้เรื่องจบสิ้นเลิกแล้วต่อกันไปเสีย เรียกว่าประหารชีวิตล้างหนี้เข้าใจไหม ?"

"ถ้าด้วงไม่ทำตามฉันบอกนี้ ด้วงอย่าลืมว่า เจ้าสัวมีกองเรือสำเภาค้าขายทางทะเลระหว่างเมืองจีนกับเมืองไทย มีอิทธิพลประโยชน์อย่างสำคัญกับพระราชสำนักพระเจ้ากรุงจีน ถ้าเจ้าสัวฟ้องร้องเรื่องหนี้สินกับพระเจ้ากรุงจีน ไทยเราจะต้องเดือดร้อนแน่ ๆ เพราะกำลังของจีนทั้งทางบกทางน้ำมีมากกว่าเรา กองเรือจีนต้องบุกเราหาว่าฝ่ายเราโกงเขา" 

จ้า พระยามหากษัตริย์ศึกได้ฟังแล้วก็เข้าใจแจ่มแจ้ง ถึงกับน้ำตาร่วงด้วยความสะเทือนใจในความเด็ดเดี่ยวเสียสละของพระเจ้าตากสิน ที่ต้องการเสียสละชีวิตและราชบัลลังก์เพื่อชาติ จะหาใครผู้ใดมีจิตใจเข้มแข็งกล้าหาญชาญชัยเสียสละอย่างนี้ไม่ได้อีกแล้ว จึงจำใจกราบทูลรับเอาแผนปฏิวัติเพราะไม่มีทางเลือก


ท้าวผกาพรหมเล่าให้หลวงพ่อฟังในสมาธิว่า แผนปฏิวัติของเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกผิดพลาดตรงที่พระยาสรรค์บุรีทำเกิน อำนาจที่สั่งไว้ทำให้เสียหายหลายอย่าง สำหรับเรื่องพระเจ้าตากสินลงโทษพระสงฆ์นั้น เป็นแผนหลอก ๆ ที่ได้แอบตกลงกันไว้ล่วงหน้าแล้ว โดยทำเป็นว่า พระสงฆ์ทำผิดก็เรียกมาสอบสวน และตอนลงโทษก็เอานักโทษในเรือนจำมาโกนหัวห่มผ้าเหลืองให้แล้ว จึงเฆี่ยนตี เพื่อให้คนทั้งหลายเข้าใจว่าพระเจ้าตากสินเสียสติเป็นบ้าที่กล้าเฆี่ยนตีพระ

การกระทำเกินเหตุของพระยาสรรค์บุรี ได้ถูกเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกจับพระยาสรรค์บุรีประหารชีวิต จากนั้นท่านก็สถาปนาตนเองขึ้นเป็นสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกแล้ว มีคำสั่งให้เอาพระเจ้าตากสินไปประหารชีวิต ด้วยวิธีจับใส่กระสอบทุบด้วยท่อนจันทร์จนตาย แต่คนที่อยู่ในกระสอบไม่ใช่พระเจ้าตากสิน

ครั้งแรกราชองครักษ์ของพระเจ้าตากสินมีความจงรักภักดีขอรับอาสาตายแทน แต่สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกไม่เอา ให้เอานักโทษประหารชะตาขาดมาใส่กระสอบแทนพระเจ้าตากสิน แล้วทุบด้วยท่อนจันทร์ตายแทน ส่วนราชองครักษ์นั้นก็ถูกประหารไปด้วยในฐานะที่รู้มากจำต้องปิดปากเสียตาม ระเบียบ 

สรุป เรื่องนี้พระเจ้าตากสินมหาราชกับพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ยอมเสียชื่อเสียงเพื่อ ให้ประเทศชาติดำรงคงอยู่สืบไป โดยพระเจ้าตากสินยอมเสียชื่อเสียงให้คนทั้งหลายเข้าใจว่าพระองค์เป็นบ้าถูก ประหารด้วยท่อนจันทร์ ฝ่ายพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าต้องยอมเสียชื่อเสียงในฐานะเป็นขบถแย่งราช สมบัติจากพระเจ้าตากสินแล้วประหารพระเจ้าตากสินด้วยท่อนจันทร์

บารมีของคนไทยจริง ๆ ที่มีพระมหากษัตริย์ที่รักชาติ รักคนไทยเช่นนี้ มิได้เห็นแก่ประโยชน์สุขของพระองค์เองเลย				
8 ตุลาคม 2551 19:44 น.

พูดเรื่องจริง

ลุงแทน

.........เรื่องของ "สาวโบว์" ที่ต้องมาเสียชีวิตจากเหตุการเมื่อวานนี้  เป็นอุทาหรณ์ ให้คนที่ได้รับทราบข่าวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่าการเสียชีวิตของเธอนั้น ใครคือผู้ที่ "ฆ่าเธอ".......??????????

    ผู้เป็นพ่อบอกเองว่าเป็นผู้ที่ขับรถมาส่งเธอพร้อมกับภรรยา  และน้องสาสวเธออีกคน ที่หลังทำเนียบ แล้วสามคนแม่ลูกก็เดินมาด้วยกัน  ในวินาที ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อมีสถานการณ์ที่ ทางตำรวจต้องยิงแก๊สน้ำตาเพื่อสบายการชุมนุม  ในขณะที่ผู้เป้นพ่อบอกว่า ทั้งสามคนแม่ลูกอยู่ในแถวหน้า (ผู้เป็นพ่อไม่ได้อยู่ด้วย) เป็นเหตุให้สามแม่ลูกได้รับบาดเจ็บ แม่ใช้ร่างกายของเธอเข้าทับร่างลูกสาวเป็นการปกป้องโดยไม่คำนึงถึงชีวิตตัวเอง น้องสาวน้องอยู่ข้างๆ ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน  ทั้งสามแม่ลูกถูกส่งโรงพยาบาลคนละแห่ง  ในที่สุด "สาวโบว์"ทนพิษบาดแผลไม่ใหวเสียชีวิตในที่สุด

    เหตุการณ์ครั้งนี้ที่ต้องมีการสูญเสีย ใครคือผู้ที่ฆ่าเธอ ........?????   ถ้าผู้เป็นพ่อ-แม่ มีความคิดที่ดีกว่านี้คงมีเหตุผลพอที่จะไม่นำครอบครัวมาในสถานที่ ที่มีการเสี่ยงอันตราย  

    "การสูญเสียครั้งนี้เป็นอุทาหรณ์   ให้ผู้เป็นพ่อ-แม่ตระหนักได้ถ้วนถี่ ก่อนจะไปโทษใคร"

...........หากผิดใจใครบ้างก็ต้องขออภัย.............				
4 ตุลาคม 2551 23:32 น.

ตู....ยังไม่ตายยยย.......!

ลุงแทน

.......เรื่องมีอยู่ว่า........ในคืนเดือนมืด มืดตึดตื้อของคืนหนึ่ง  ณ ริมทุ่งใกล้วัดร้าง ที่มีแต่ กุฎีโทรมๆ กับเจดีย์ เก่าหลายเจดีย์  ข้าพเจ้ากับพวกเดินกับจากธุระที่จำเป็นต้องผ่านเส้นทางนี้  ทั้งๆ ที่ไม่อยากจะผ่าน ด้วยกิตติศัพย์ที่เล่าลือเรื่อง "ผีดุ"  แต่เมื่อไม่มีทางเลือกอื่นจึงจำเป็นต้องผ่าน  ขณะนั้นเวลาประมาณเกือบตีหนึ่ง  เป็นบรรยากาศที่ไม่สามารถอธิบายได้ว่ารู้สึกอย่างไร  ยิ่งสายลมโชยมาแผ่วๆ ทำให้เย็นยะเยือกเข้าไปในหัวใจ  เส้นขนทุกเส้นตั้งชันอย่างบอกไม่ถูก  เสียงสุเห่าเห่าหอนแว่วมา จะว่าไกลก็ไม่ไกล จะว่าใกล้ก็ไม่ใกล้  ยิ่งเพิ่มบรรยากาศให้วังเวงยิ่งขึ้น

.......ในขะะที่กำลังจะเดินผ่านเจดีย์ที่เขาบรรจุอัฐิ  ที่ไม่มีญาติพี่น้องมาดูแล้วนับเป็นสิบปี ทันใดนั้น.....ทั้งเพื่อนและข้าพเจ้าต้องสดุ้งขึ้นพร้อมกัน......เมื่อเห้นดวงไฟสองดวงอยู่ห่างกันไม่เกินสองศอก  เป็นดวงไฟที่อยุ่ระดับฐานเขดีย์.....และต้องตกใจยืนนิ่งตัวแข็งทื่อ ท้าวแข็งไม่สามารถก้าวเท้า หรือแม้ขยับให้เดินต่อไปได้.....เมื่อได้ยินเสียงมาจาดดวงไฟที่หนึ่งว่า
...."เองตายยังไงหรือ..........."  เป็นเสียงของผู้ชายที่ฟังแล้วชวนสยองยิ่งนัก

...." ข้าถูกยิงตาย......มันยิงข้าที่หน้าอก ยังไม่หนำใจ  ตามมาซ้ำที่ตัวข้าอีก  ทำให้ตาของข้าต้องห้อยอยู่อย่างนี่  ทั้งปวดทั้งรำคราญ.........."  อีกเสียงตอบากดวงไฟดวงที่สอง ......." แล้วเอ็งล่ะเป้นอะไรตาย........" เสียงจากไฟดวงที่สองถามกลับมาบ้าง

......." ข้าถูกดักฟันข้างหลัง  มันฟันข้าที่หัว  ดูซิแยกเป็นเสี่ยงเลย........."
เสียงไฟดวงแรกตอบ

    แล้วเสียงนั้นก็เงียบไปสักพักหนึ่ง  นานเท่าไรไม่รู้ที่เสียงนั้นเงียบหายไป แต่ในความรู้สึกของข้าพเจ้าในเวลานั้น ช่างนานเสียเหลือเกิน

......."แล้วเอ็งล่ะ  เป็นอะไรตาย........" เสียงที่ถามนั้นมาจากดวงไฟดวงแรก.....แสดงว่า..............ในระหว่างดวงไปสองดวงนั้น  ต้องมีอะไรสักอย่างที่อยุ่ตรงกลาง.....จริงอย่างนั้น เพราะในระหว่างดวงไฟสองนั้น มีอีกร่างหนึ่งที่นั่งยองๆอยู่ตรงกลาง............ทันใดนั้น..................

"....ฮือ ฮือ ฮือ......" เสียงตรงกลางนั้นครางสั่น จนได้เสียงเหมือนที่กระทบกัน 
"ฮืออออ......กู....ยัง....ไม่....ตาย.....กู.....มา....นั่งขี้......โว้ย............."

เรื่องก็เป็นอย่างนี่เอง..........แล ฯ				
1 ตุลาคม 2551 20:05 น.

คนพิเศษ

ลุงแทน

เคยมีชีวิตคนเรามีอะไรมากมายที่ผ่านเข้ามาให้ซึมซับรับรู้ ในชีวิตคนเรามีผู้คนมากมายที่ผ่านเข้ามาให้รู้จักมักคุ้น แต่ในผู้คนมากมายเหล่านั้น อย่างน้อยคงต้องมีใครบางคนที่ทำให้เรารู้สึก “ไม่ธรรมดา” ที่จะนึกถึงเรียกว่าเป็น “ความพิเศษ” ที่เราจะยกเว้นเอาไว้จากความปกติทั่วไปของจิตใจ ก็ในเมื่อคำว่า “พิเศษ” หมายถึงความจำเพาะ ความแปลกแยก ความดีงาม ความอบอุ่นในหัวใจ

กระนั้นทำไมเราไม่ปฏิบัติต่อเขาให้ตรงกับที่ใจคิด

ให้ “ความรู้สึกดีดี” จากจิตใจที่ดีดี

ให้ “ความอาทรถึง” จากจิตใจที่นึกถึง

ให้ “ความห่วง” จากจิตใจที่เป็นห่วง

ให้ไปเถอะ ให้ไปอย่างดีดี แต่มี “สติ”

ให้ไปเถอะ ให้ไปอย่างอบอุ่น แต่ไม่ “คุกรุ่น”

ให้ไปเลย ให้ไปเท่าไหร่ก็ได้

แต่เมื่อให้ไปแล้วต้อง “ไม่ร้อนรุ่มกลัดกลุ้ม” และหากเมื่อใดจิตใจอาจระส่ำระสาย สะดุดกับอะไรขึ้นมาบ้าง ก็จงหยุดพักตรึกตรอง อย่าปล่อยให้พายุอารมณ์โถมพัด “สิ่งดีดี” จนกระจัดกระจาย เพราะ “การให้ความหมาย” ไม่ใช่ “การตั้งความหวัง”

คนสองคนให้ความหมายซึ่งกันและกัน แต่คนสองคน “จะไม่ตั้งความหวังในกันและกัน”

เพราะการตั้งความหวังมักนำมาซึ่ง “การเรียกร้อง” “ความอยากเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ” โดยที่ไม่รู้ตัว มันร้อนนัก หนาวนัก และไม่เป็นสุข

เราต้องไม่ลืมปรับอุณหภูมิจิตใจเอาไว้ที่องศาอุ่นๆ หากเริ่มรู้สึกตัวว่า ความร้อนเริ่มทวีขึ้น เราต้องค่อยๆเดินออกมาสูดอากาศเย็น หากตรงกันข้ามเราก็ต้องหลบเร้นจากความหนาวมาอาบไอแดดเช่นกัน และอย่าลืมว่า “ความพิเศษ” ไม่ได้จำกัดว่าจะต้องเป็นพิเศษมากหรือพิเศษสุด หรือพิเศษอย่างยิ่งในคนคนเดียว ทั้งเราและเขาอาจจะมีคนพิเศษในวิถีชีวิตได้หลายลักษณะ พิเศษในเรื่องนั้น พิเศษในเรื่องนี้ ในเมื่อหัวใจเป็นของเรา เราก็ย่อมเลือกให้ความพิเศษกับใครก็ได้ที่ เราจะไม่ต้องแลกกับความทุกข์อย่างพิเศษกลับมา

จงให้ “ความพิเศษ” เป็นชีวิตชีวา เป็นแววตาที่แจ่มใส เป็นความห่วงใยที่เมื่อนึกถึงทีไรก็ยิ้มได้ ไม่วิ่งหนี แต่ไม่วิ่งตาม ไม่หักห้าม แต่ไม่กระโจนใส่ ไม่เป็นน้ำตาลที่หวานอ่อนไหว แต่เป็นความอบอุ่นในหัวใจและเอื้ออาทร จงเป็นความแจ่มใสในอารมณ์ของตัวเอง เป็นความชุ่มชื่น สดใส เช่นสายน้ำ เป็นสีสันงดงามเช่นมวลผกา เป็นสีเขียวของใบไม้ ที่เย็นที่ตาและที่ใจ และที่ตรงนี้ จะอีกนานเท่าใด ไม่ว่า “คนพิเศษ” คนนั้นจะอยู่ใกล้ หรือต้องจากกันไกล “ความพิเศษ” นั้นก็จะคงอยู่อย่างมีคุณค่า ณ ที่เดิม ที่ซึ่งใจข้างซ้ายตรงกัน 



.....คัดลอกจากเมล.....				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลุงแทน
Lovings  ลุงแทน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลุงแทน
Lovings  ลุงแทน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลุงแทน
Lovings  ลุงแทน เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงลุงแทน