21 มีนาคม 2552 11:53 น.
ลุงแทน
ห่วงคนใกล้เคียงบ้าง อ่านแล้ว
กระจายข่าวด้วยนะครับ ( สำคัญ )
ประกาศเพิกถอนยา
ขณะนี้อนุกรรมการควบคุมอันตรายจากการใช้ยา มีมติในรอบแรกว่า ให้เพิกถอนยาที่มีส่วนผสมของ พีพีเอ ซึ่งมีผลทำให้ เลือดออกในสมอง ได้ ต่อไปนี้
1. ทิฟฟี่
2. ดีคอลเจน
3. นูต้า
4. นูต้าโคล
5. ทิพทอพ 6. ฟาโคเจน
7. โคลัยซาล
8. ไดมีเท๊ป
มาม่า ไวไว แบบถ้วย
มีผู้แจ้งข่าวเกี่ยวกับอันตรายของการกิน บะหมี่สำเร็จรูป ที่บรรจุในถ้วย (Cup) ว่าหลานของเพื่อนเขาชอบกินบะหมี่ใส่ถ้วยมาก ต่อมาแพทย์ตรวจพบว่าผนังกระเพาะอาหารของหลานผู้นี้มี ขี้ผึ้ง (wax) เคลือบ อยู่ คาดว่ามาจากบะหมี่สำเร็จรูปที่บรรจุในถ้วย ซึ่งเคลือบด้วยขี้ผึ้งชนิดที่กินได้ แต่แม้จะเป็นขี้ผึ้งชนิดที่กินได้ การรับประทานเข้าไปเป็นประจำก็ทำให้ตับของเรากำจัดออกไปได้ยาก หลานของเพื่อนคนนี้ ได้ เสียชีวิต ไปแล้ว
เมื่อ รับการผ่าตัดเพื่อลอกเอาขี้ผึ้งที่เคลือบผนังกระเพาะออก ฉะนั้น โปรดอย่าได้ลวกบะหมี่ หรืออาหารอื่นใดในถ้วยบรรจุ แต่ให้เทลง ในชามก่อนแล้วจึงใส่น้ำร้อนลง ไป
สคบ .. เตือนประชาชน
ระวังติดเชื้อโรค หากบริโภคเลือดหมูและคอหมูย่างที่ไม่สะอาด
หลังพบคนงานโรงฆ่าสัตว์บางแห่ง ใช้ เท้ากวนเลือดหมู หน้าตาเฉย และ ฉีดวัคซีนป้องกันโรคเข้าคอหมู โดย ไม่เปลี่ยนเข็ม ระบุทุกกรรมวิธีเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคอย่างดีที่ผ่านมาผู้ประกอบการโรงฆ่า สัตว์ยังฆ่าสัตว์ด้วยวิธีโบราณ คือการทุบหัวและแทงคอ นอกจากนี้ ยังพบว่า กระบวนการฆ่าสัตว์ในโรงฆ่าสัตว์ ไม่มีความสะอาด และไม่ได้มาตรฐาน แต่ อย่างใดซึ่งส่วนนี้นายชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ ประธานอนุกรรมการป้องกันปราบปรามการละเมิดสิทธิผู้บริโภค ได้ให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบและทำการถ่ายวิดีโอขั้นตอนการชำแหละเนื้อสัตว์ ซึ่งพบว่ามีความสะอาดไม่เพียงพอการบริโภค โดยเฉพาะในส่วนของเลือดหมูนั้นปรากฏ ว่า คนงานจะใช้เท้าคนเลือดเพื่อไม่ให้แข็งตัวในขณะที่มือก็กำลังหั่นหมูที่แขวน อยู่ด้วย ในส่วนของ จ . นครปฐม พบว่ายังมีปัญหาอยู่ ซึ่งจากการออกตรวจพบว่า ได้มีการฆ่าสัตว์ 400-500 ตัวต่อวัน แต่มีการฆ่าในโรงฆ่าสัตว์เพียงแค่ 21 ตัว เท่านั้น นอกนั้นได้นำมาชำแหละที่ฟุตบาท และอยากเตือนคนที่ชอบกินคอหมูย่างเพราะพบว่า ชาวบ้านที่เลี้ยงหมูได้ฉีดวัคซีนแก้ปากเปื่อยเท้าเปื่อยที่คอหมูทุกตัว โดยไม่มีการเปลี่ยนเข็ม ซึ่งตรงนี้ทำให้หมูติดเชื้อโรคที่มาจากเข็มฉีดยาได้ง่าย หมูบางตัวติดเชื้อจนคอเป็นหนอง ซึ่งหากใครกินเนื้อหมูที่ติดเชื้อเข้าไปก็อาจเป็นอันตราย
บอกต่อทุกๆ คนนะ กระจายข่าวด้วย อาจจะไม่ได้ส่งถึงทุกคน
17 มีนาคม 2552 08:51 น.
ลุงแทน
17 มีนาคม วันนี้ในอดีต
เหตุการณ์สำคัญในวันนี้
17 มีนาคม พ.ศ. 2502 (ค.ศ. 1959) – เทนซิน เกียโซ ดาไลลามะองค์ที่ 14 ทรงลี้ภัยการเมือง จากทิเบตไปอยู่อินเดีย
17 มีนาคม พ.ศ. 2512 (ค.ศ. 1969) – กอลดา ไมเออร์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 4 ของอิสราเอล
17 มีนาคม พ.ศ. 2373เอฟ ไมเนอร์ คอนแชร์โต ของ โชแปง (Frederic Chopin ค.ศ1810 - 1849) นำออกแสดงครั้งแรก ณ โรงละครแห่งชาติที่กรุงวอร์ซอร์ ประเทศโปแลนด์
17 มีนาคม 2464ดร. แมรี่ สตูปส์ ผู้ต่อสู้เพื่อสิทธิของสตรีในการคุมกำเนิด เปิดคลินิกคุมกำเนิดแห่งแรกในประเทศอังกฤษที่กรุงลอนดอน ท่ามกลางกระแสต่อต้านของแพทย์และนักบวชซึ่งกลัวว่าจะเป็นการส่งเสริมให้คน ละเมิดศีลธรรม และทำให้ผู้คนมีอิสระในการมีเพศสัมพันธ์ คลินิกนี้บริการให้คำปรึกษาในเรื่องคุมกำเนิดฟรีและบริการคุมกำเนิดในราคา ถูกเพื่อช่วยเหลือสตรีซึ่งมีฐานะยากจนที่ต้องแบกภาระในการตั้งครรภ์
16 มีนาคม 2552 14:56 น.
ลุงแทน
16 มีนาคม พ.ศ. 2423 : งานพระเมรุสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ อัครมเหสีองค์แรกในรัชกาลที่ 5
16 มีนาคม พ.ศ. 2423 งานพระเมรุสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ หรือ สมเด็จพระนางเรือล่ม อัครมเหสีองค์แรกในรัชกาลที่ 5 ซึ่งสิ้นพระชนม์พร้อมพระราชธิดา สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรรณาภรณ์เพ็ชรรัตน์ จากอุบัติเหตุเรือล่มกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ในงานนี้มีการแจกหนังสือ "สวดมนต์" ซึ่ง ร. 5 ทรงมีพระราชดำริให้พิมพ์แจกเพื่อเป็นพระราชกุศล จำนวน 10,000 เล่ม นับเป็นหนังสืองานศพเล่มแรกของไทย
16 มีนาคม พ.ศ. 2528 ร้านแมคโดนัลด์ เปิดบริการอย่างเป็นทางการในประเทศไทย สาขาแรกที่อาคารอมรินทร์พลาซา บริเวณสี่แยกราชประสงค์ นำเข้ามาเมืองไทยโดยนายเดช บุลสุข เป็นร้านอาหารประเภทบริการจานด่วนจากอเมริกา ถือว่าเป็นการเข้าสู่กระแสบริโภคนิยม และร้านสาขาข้ามชาติในยุคแรกๆ ก่อนที่จะมีร้านในลักษณะแฟรนไชน์เกิดขึ้นในประเทศอีกเป็นจำนวนมาก
วันนี้ในอดีต 16 ธ.ค.
16 ธันวาคม เป็นวันที่ 350 ของปี (วันที่ 351 ในปีอธิกสุรทิน) ตามปฏิทินสุริยคติแบบเกรกอเรียน เมื่อถึงวันนี้จะยังเหลือวันอีก 15 วันในปีนั้น
เหตุการณ์
* พ.ศ. 2481 (ค.ศ. 1938) – พันเอกหลวงพิบูลสงคราม ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 3 ของไทย ต่อจากพันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา
* พ.ศ. 2489 (ค.ศ. 1946) – ประเทศไทยเข้าเป็นสมาชิกลำดับที่ 55 ของสหประชาชาติ
สมเด็จ พระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทูลเกล้า ฯ ถวายเหรียญทอง แด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ พระราชทานเหรียญทองแด่ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าอุบลรัตนราชกัญญา ในการแข่งขันเรือใบ ในกีฬาแหลมทองครั้งที่ 4 ณ สนามศุภชลาศัย
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทูลเกล้า ฯ ถวายเหรียญทอง แด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ พระราชทานเหรียญทองแด่ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าอุบลรัตนราชกัญญา ในการแข่งขันเรือใบ ในกีฬาแหลมทองครั้งที่ 4 ณ สนามศุภชลาศัย
* พ.ศ. 2510 (ค.ศ. 1967) – พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับการทูลเกล้าฯ ถวายเหรียญทองจากการแข่งขันเรือใบประเภทโอเค และเป็นเรือใบที่ทรงต่อเอง ในกีฬาแหลมทองครั้งที่ 4 ณ สนามศุภชลาศัย ต่อมาคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบกำหนดให้วันที่ 16 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันกีฬาแห่งชาติ
* พ.ศ. 2523 (ค.ศ. 1980) – โอเปกตัดสินใจเพิ่มราคาปิโตรเลียม 10% ในการประชุมที่เกาะบาหลี
วันเกิด
* พ.ศ. 2318 (ค.ศ. 1775) – เจน ออสเตน นักประพันธ์ชาวอังกฤษ (ถึงแก่กรรม 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2360)
* พ.ศ. 2460 (ค.ศ. 1917) – อาร์เทอร์ ซี. คลาร์ก นักประพันธ์ชาวอังกฤษ (ถึงแก่กรรม 19 มีนาคม พ.ศ. 2551)
* พ.ศ. 2471 (ค.ศ. 1928) – ฟิลิป เค. ดิก นักประพันธ์ชาวอเมริกัน (ถึงแก่กรรม 2 มีนาคม พ.ศ. 2525)
* พ.ศ. 2482 (ค.ศ. 1939) – พลอากาศเอก ธีร์ศิลป์ คัมภีรญาณนนท์ อดีตรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด และวุฒิสมาชิก
* พ.ศ. 2513 (ค.ศ. 1970) – นันทกานต์ ฤทธิวงศ์ (หนุ่ย) นักร้อง
วันถึงแก่กรรม
* พ.ศ. 2523 (ค.ศ. 1980) – ผู้พันแซนเดอร์ส ผู้ก่อตั้งร้านอาหารเคเอฟซี
วันสำคัญและวันหยุดเทศกาล
* ประเทศไทย – วันกีฬาแห่งชาติ
* บาห์เรน – วันชาติ (พ.ศ. 2514)
* คาซัคสถาน – วันประกาศเอกราช (พ.ศ. 2544)
**ข้อมูลจาก วิกิพีเดีย
--------------------
รวมลิ้งดี ๆ ด้านคอม คลิ๊กที่นี่ค้าบ
15 มีนาคม 2552 17:35 น.
ลุงแทน
15 มีนาคมวันนี้ในอดีต
15 มีนาคม พ.ศ. 2458 : มีพระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 6 ให้มีการเลิกเล่นการพนัน
15 มีนาคม พ.ศ. 2458 มีพระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 6 ให้มีการเลิกเล่นการพนัน โดยถือว่าการเล่นการพนันเป็นของต้องห้ามและเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2459 โดยก่อนหน้านั้นมีการลดจำนวนโรงหวยและเบี้ยให้ลดน้อยลง ซึ่งการพนันกลุ่มที่ถูกยกเลิกนี้ รวมถึงอากรหวยจีน หรือ หวย ก ข ด้วย
14 มีนาคม 2552 20:05 น.
ลุงแทน
อย่าลืมอ่านนะ ดีมาก ๆ เลย มีภาษาไทยด้วยสำหรับคนไม่อยากเป็นมะเร็ง หรือดูแลคนที่เป็นแล้ว
AFTER YEARS OF TELLING PEOPLE CHEMOTHERAPY IS THE ONLY WAY TO TRY AND ELIMINATE CANCER, JOHNS HOPKINS IS FINALLY STARTING TO TELL YOU THERE IS AN ALTERNATIVE WAY .
หลังจากหลายปีที่พูดกันว่าการทำคีโมเป็นทางเลือกเดียวที่จะ ลอง และใช้ในการกำจัดโรคมะเร็ง ในที่สุดโรงพยาบาลจอห์น ฮอพกินส์ก็เริ่มแนะนำถึงทางเลือกอื่นๆอีก
Cancer Update from Johns Hopkins
ข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับโรคมะเร็งจาก รพ.จอห์น ฮอพกินส์
1. Every person has cancer cells in the body. These cancer cells do not show up in the standard tests until they have multiplied to a few billion. When doctors tell cancer patients that there are no more cancer cells in their bodies after treatment, it just means the tests are unable to detect the cancer cells because they have not reached the detectable size. < BR>
ทุกๆ คนมีเซลมะเร็งอยู่ในร่างกาย เซลมะเร็งเหล่านี้จะไม่ปรากฎด้วยวิธีการตรวจสอบตามมาตรฐาน จนกระทั่งมันขยายตัวเพิ่มขึ้นในระดับพันล้านเซล เมื่อแพทย์บอกว่าไม่มีเซลมะเร็งในร่างกายผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ได้รับการรักษา แล้ว มันหมายถึงว่าระบบไม่สามารถตรวจสอบเซลมะเร็งได้เพราะว่าจำนวนของมันยังไม่ มากพอ จนถึงระดับที่สามารถตรวจจับได้เท่านั้น
2. Cancer cells occur between 6 to more than 10 times in a person's lifetime.
เซลมะเร็งเกิดขึ้นระหว่าง 6 ถึงมากกว่า 10 ครั้งในช่วงอายุของคนๆหนึ่ง
3. When the person's immune system is strong the cancer cells will be destroyed and prevented from multiplying and forming tumours.
เมื่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแข็งแรงเพียงพอ เซลมะเร้งจะถูกทำลายและป้องกันไม่ให้เกิดการขยายตัวและกลายเป็นเนื้องอก
4. When a person has cancer it indicates the person has multiple nutritional deficiencies. These could be due to genetic, environmental, food and lifestyle factors.
เมื่อ ใครก็ตามเป็นมะเร็ง มันกำลังบอกว่าคนๆนั้นมีความบกพร่องหลายประการเกี่ยวกับโภชนาการ ซึ่งอาจเกิดจากยีน สิ่งแวดล้อม อาหารและปัจจัยอื่นๆในการดำรงชีวิต
5. To overcome the multiple nutritional deficiencies, changing diet and including supplements will strengthen the immune system.
เพื่อ เอาชนะภาวะบกพร่องหลายประการเกี่ยวกับโภชนาการ การเปลี่ยนแปลงประเภทของอาหารรวมทั้งสารอาหารบางอย่างจะช่วยให้ภูมิคุ้มกัน แข็งแรงขึ้น
6. Chemotherapy involves poisoning the rapidly-growing cancer cells and also destroys rapidly-growing healthy cells in the bone marrow, gastro-intestinal tract etc, and can cause organ damage, like liver, kidneys, heart, lungs etc.
การทำ คีโมคือการให้สารเคมีที่มีความเป็นพิษกับเซลมะเร็งที่กำลังเติบโตอย่างรวด เร็ว แต่ขณะเดียวกัน มันก็จะทำลายเซลที่ดีที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในไขกระดูก ทำลายระบบทางเดินอาหาร ฯลฯ และเป็นสาเหตุทำให้อวัยวะบางส่วนถูกทำลาย เช่น ตับ ไต หัวใจ ปอด ฯลฯ
7. Radiation while destroying cancer cells also burns, scars and ! damages healthy cells, tissues and organs.
การฉายรังสีแม้ว่าจะเป็นการทำลายเซลมะเร็ง แต่ก็ทำให้เกิดอาการไหม้ เป็นแผลเป็น และทำลายเซลที่ดี เนื้อเยื่อ และอวัยวะ
8.. Initial treatment with chemotherapy and radiation will often reduce tumor size. However prolonged use of chemotherapy and radiation do not result in more tumor destruction.
การ บำบัดโดยคีโม และการฉายรังสีมักจะช่วยลดขนาดของเนื้องอกได้ในช่วงแรกๆ อย่างไรก็ตามถ้าทำไปนานๆพบว่ามักไม่ส่งผลต่อการทำลายเซลเนื้องอก
9. When the body has too much toxic burden from chemotherapy and radiation the immune system is either compromised or destroyed, hence the person can succumb to various kinds of infections and complications.
เมื่อ ร่างกายได้รับสารพิษจากการทำคีโมหรือการฉายรังสีมากเกินไป ระบบภูมิคุ้มกันอาจปรับตัวเข้ากันได้หรือไม่ก็อาจถูกทำลายลง ดังนั้นคนๆนั้นจึงอาจตกอยู่ในอันตรายจากการติดเชื้อหลายชนิดและทำให้โรคมี ความซับซ้อนยิ่งขึ้น
10. Chemotherapy and radiation can cause cancer cells to mutate and become resistant and difficult to destroy. Surgery can also cause cancer cells to spread to other sites.
การทำ คีโมและการฉายรังสีอาจเป็นสาเหตุทำให้เซลมะเร็งกลายพันธุ์ ดื้อยา และยากต่อการทำลาย การผ่าตัดก็อาจเป็นสาเหตุทำให้เซลมะเร็งกระจายไปทั่วร่างกาย
11. An effective way to battle cancer is to starve the cancer cells by not feeding it with the foods it needs to multiply.
วิธีที่ดีที่สุดในการทำสงครามกับมะเร็ง คือการไม่ให้เซลมะเร็งได้รับอาหารเพื่อนำไปใช้ในการขยายตัว
WHAT CANCER CELLS FEED ON:
อะไรคืออาหารที่ป้อนให้กับเซลมะเร็ง
a. Sugar is a cancer-feeder. By cutting off sugar it cuts off one important food supply to the cancer cells . Sugar substitutes like NutraSweet, Equal,Spoonful, etc are made with Aspartame and it is harmful. A better natural substitute would be Manuka honey or molasses but only in very small amounts. Table salt has a chemical added to make it white in colour. Better alternative is Bragg's aminos or sea salt.
น้ำตาลคืออาหารของมะเร็ง การตัดน้ำตาลคือการตัดแหล่งอาหารสำคัญที่จ่ายให้กับเซลมะเร็ง สารทดแทนน้ำตาลอย่างเช่น ' นิวตร้าสวีต ' ' อีควล ' ' สปูนฟูล ' ฯลฯ ล้วนทำมาจากสารให้ความหวาน ซึ่งเป็นอันตราย สารทดแทนซึ่งเป็นกลางที่ดีกว่าคือน้ำผึ้งมานูคา (จากนิวซีแลนด์) หรือน้ำอ้อย แต่ในปริมาณน้อยๆเท่านั้น เกลือสำเร็จรูปก็ใช้สารเคมีในการฟอกขาว ควรหันไปเลือกใช้ ' แบรก อมิโน ' หรือเกลือทะเลแทน
b. Milk causes the body to produce mucus, especially in the gastro-intestinal tract. Cancer feeds on mucus. By cutting off milk and substituting with unsweetened soy milk, cancer cells are being starved .
นม เป็นสาเหตุทำให้ร่างกายผลิตเมือก โดยเฉพาะในระบบทางเดินอาหาร เซลมะเร็งจะไ้ด้รับอาหารได้ดีในสภาวะที่มีเมือก การใช้นมถั่วเหลืองชนิดไม่หวานแทนนม จะทำให้เซลมะเร็งไม่ได้รับอาหาร
c. Cancer cells thrive in an acid environment. A meat-based diet is acidic and it is best to eat fish, and a little chicken rather than beef or pork. Meat also contains livestock antibiotics, growth hormones and parasites, which are all harmful, especially to people with cancer.
เซล มะเร็งเติบโตได้ดี ในภาวะแงดล้อมที่เป็นกรด อาหารจำพวกเนื้อจะสร้างสภาวะกรดขึ้น ดังนั้นจึงควรหันไปรับประทานปลาจะดีที่สุด รองลงไปคือรับประทานไก่แทนเนื้อและหมู ในเนื้ออาจมียาฆ่าเชื้อ ฮอร์โมนที่สร้างการเจริญเติบโตในสัตว์ และเชื้อปรสิตบางประเภทตกค้างอยู่ ซึ่งล้วนเป็นอันตราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่เป็นมะเร็ง
d. A diet made of 80% fresh vegetables and juice, whole grains, seeds, nuts and a little fruits help put the body into an alkaline environment. About 20% can be from cooked food including beans. Fresh vegetable juices provide live enzymes that are easily absorbed and reach down to cellular levels within 15 minutes to nourish and enhance growth of healthy cells. To obtain live enzymes for building healthy cells try and drink fresh vegetable juice (most vegetables including bean sprouts) and eat some raw vegetables 2 or 3 times a day. Enzymes are destroyed at
temperatures of 104 degrees F (40 degrees C).
อาหารที่ประกอบด้วยผักสด 80% และน้ำผลไม้ พืชจำพวกหัว เมล็ด ถั่วเปลือกแข็ง และผลไม้จำนวนเล็กน้อย จะช่วยทำให้ร่างกายมีสภาวะเป็นด่าง อาหารอีก 20% อาจได้มาจากการทำอาหารร่วมกับพืชจำพวกถั่ว น้ำผักสดจะให้เอ็นไซม์ซึ่งสามารถดูดซึมได้ง่ายและซึมทราบสู่ระดับเซลภายใน 15 นาที เพื่อบำรุงร่างกายและส่งเสริมการเจริญเติบโตของเซลที่ดี เพื่อให้ได้เอ็นไซม์ในการสร้างเซลที่ดี ให้พยายามดื่มน้ำผักสด ( ผักส่วนใหญ่รวมทั้งถั่วที่มีหน่อหรือต้นอ่อน) และรับประทานผักสดดิบ 2-3 ครั้งต่อวัน เอ็นไซม์จะถูกทำลายได้ง่ายที่อุณหภูมิ 140 องศา F ( ประมาณ 40 องศา C)
e. Avoid coffee, tea, and chocolate, which have high caffeine. Green tea is a better alternative and has cancer-fighting properties. Water-best to drink purified water, or filtered, to avoid known toxins and heavy metals in tap water. Distilled wate! r is acidic, avoid it.
ให้ หลีกเลี่ยงกาแฟ น้ำชา และช๊อกโกแลต ซึ่งมีคาเฟอีนสูง ชาเขียวถือเป็นทางเลือกที่ดีและมีคุณสมบัติในการต้านมะเร็ง น้ำดื่มให้เลือกดื่มน้ำบริสุทธิ์ หรือที่ผ่านการกรอง เพื่อหลีกเลี่ยงท๊อกซินและโลหะหนักในน้ำประปา น้ำกลั่นมักมีสภาพเป็นกรด ให้หลีกเลี่ยง
12. Meat protein is difficult to digest and requires a lot of digestive enzymes. Undigested meat remaining in the intestines become putrified and leads to more toxic buildup.
โปรตีน จากเนื้อจะย่อยยาก และต้องการเอ็นไซม์หลายชนิดมาช่วยในการย่อย เนื้อสัตว์ที่ไม่สามารถย่อยได้ในระบบทางเดินอาหารจะเกิดการบูดเน่าและมีความ เป็นพิษมากขึ้น
13. Cancer cell walls have a tough protein covering. By refraining from or eating less meat it frees more enzymes to attack the protein walls of cancer cells and allows the body's killer cells to destroy the cancer cells.
ผนัง ของเซลมะเร็งจะมีโปรตีนห่อหุ้มไว้ การงดหรือการรับประทานเนื้อสัตว์น้อยลง จะทำให้มีเอ็นไซม์เหลือมากพอมาใช้โจมตีกำแพงโปรตีนที่ห่อหุ้มเซลมะเร็ง และช่วยให้เซลของร่างกายสามารถกำจัดเซลมะเร็งได้ดีขึ้น
14. Some supplements build up the immune system (IP6, Flor-essence, Essiac, anti-oxidants, vitamins, minerals, EFAs etc.) to enable the body's own killer cells to destroy cancer cells. Other supplements like vitamin E are known to cause apoptosis, or programmed cell death, the body's normal method of disposing of damaged, unwanted, or unneeded cells.
สารอาหารบางอย่างอาจช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน ( สาร IP6 [inositol hexaphosphate หรือ phytic acid], สาร Flor-essence, สาร Essiac, สารแอนตี้-อ๊อกซิแดนส์ , วิตามิน , เกลือแร่ , EFAs ฯลฯ) เพื่อช่วยให้เซลของร่างกายสามารถกำจัดเซลมะเร็งได้ดีขึ้น สารอาหารอื่นๆเช่น วิตามินอี เป็นที่ทราบกันดีว่าทำให้เกิดการตายลงของเซล หรือกำหนดระยะเวลาการตายของเซล ซึ่งเป็นกลไกธรรมชาติของร่างกายในการกำจัดเซลที่ถูกทำลาย ซึ่งไม่เป็นที่ต้องการ หรือไม่มีประโยชน์ออกไป
15. Cancer is a disease of the mind, body, and spirit. A proactive and positive spirit will help the cancer warrior be a survivor.. Anger, unforgiveness and bitterness put the body into a stressful and acidic environment. Learn to have a loving and forgiving spirit. Learn to relax and enjoy life.
มะเร็ง เป็นโรคที่สัมพันธ์กับจิตใจ ร่างกาย และจิตวิญญาณ การป้องกันเชิงรุกและการคิดในเชิงบวกจะช่วยให้เราสามารถอยู่รอดจากการทำ สงครามกับมะเร็ง... ความโกรธ การไม่รู้จักให้อภัย และความขมขื่นใจ จะทำให้ร่างกายเกิดความตึงเครียดและมีสภาวะเป็นกรดเพิ่มขึ้น ให้เรียนรู้ที่จะมีความรักและจิตวิญญาณแห่งการให้อภัย เรียนรู้ที่จะผ่อนคลายและมีความสุขกับชีวิต
16. Cancer cells cannot thrive in an oxygenated environment. Exercising daily , and deep breathing help to get more oxygen down to the cellular level. Oxygen therapy is another means employed to destroy cancer cells.
เซล มะเร็งไม่สามารถเจริญเติบโตได้ในสภาวะที่มีอ๊อกซิเจนเป็นจำนวนมาก การออกกำลังกายทุกวัน และการหายใจลึกๆจะช่วยให้่ร่างกายได้รับอ๊อกซิเจนเพิ่มขึ้นลงไปจนระดับเซล การบำบัดด้วยอ๊อกซิเจนถือเป็นวิธีการอีกอย่างที่ใช้ในการทำลายเซลมะเร็ง
(PLEASE FORWARD IT TO PEOPLE YOU CARE ABOUT)
( กรุณาช่วย Forward ไปยังบุคคลที่คุณรักและห่วงใย)
This is an article that should be sent to anyone important in your life.
นี่คือเรื่องที่คุณควรส่งออกไปให้คนที่มีความสำคัญกับชีวิตคุณได้รับรู้รับทราบ