13 มีนาคม 2552 14:44 น.
ลุงแทน
เป็นปรัชญา คำคม คารมปราชญ์
เป็นทั้งศาสตร์ และศิลป์ ยิ่งความหมาย
เป็นอมตะ แก่ตน จนชีพวาย
เป็นหนทาง ชี้นำ ทำความดี
จงทำดี ที่สุด ในวันนี้
ดุจเรามี ชีวิต ที่ริบหรี่
จงศึกษา เรียนรู้ ให้เต็มที่
ดุจเรามี ชีวิต นิรันดร์กาล
13 มีนาคม 2552 09:15 น.
ลุงแทน
จากเหตุการณ์ วันวาน พลาเพลียพล่อย
ตาละห้อย หมดแรง ให้แข็งขืน
เข้าห้องน้ำ หลายครั้ง เมื่อค่ำคืน
พาลให้ตื่น สายหน่อย โอ๋ยอ่อนเพลีย
ต้องลางาน กินน้ำ ข้าวต้มอ่อน
เมื่อวันก่อน น้ำพริก ซิท้องเสีย
ให้ระโหย โรยแรง แสนระเหี่ย
มานั่งเขียน ตาปรือ อืมหมดแรง
12 มีนาคม 2552 23:10 น.
ลุงแทน
วันนี้ไป ได้เรื่อง เมื่อมื้อเที่ยง
อาหารเทียบ จัดวง ตั้งตรงหน้า
ทั้งต้มยำ น้ำพริก น่ารับทาน
มะเขือยาว ยำกุ้งสด ครบน่ากิน
ทั้งเปรี้ยวเผ็ด เค็มหวาน ผสานครบ
พร้อมทุกรส ตัมยำปลา ด้ยความหิว
ผักกูดต้ม น้ำพริก ซิน่ากิน
อร่อยลิ้น ชิมกัน อย่างตั้งใจ
เวลาผ่าน ไม่นาน ฉันจึงพบ
ยิ่งใกล้พลบ ค่ำลง คงคิดได้
โอ้มื้อเที่ยง เป็นเหตุ กินมากไป
ตอนนี้ได้ เห็นผล คนชอบกิน
มานั่งเขียน เวียนเข้า สามสีหน
ต้องเวียนวน ทนนั่ง หมดท้องสิ้น
โอ้แม่ครัว ตอนกิน อร่อยลิ้น
ตอนนี้สิ้น ท่าแล้ว แม่ครัวเอย
12 มีนาคม 2552 15:34 น.
ลุงแทน
ไม่ต้องมา บอกค่ำ ว่ารักพ่อ
เพียงแค่ขอ ภูมิใจ นั้นใหญ่ยิ่ง
พ่อกับเจ้า จากกัน ใช่ทอดทิ้ง
ด้วยความจริง เป็นสิ่ง ที่ข่มใจ
เพราะพิษรัก ครั้งนั้น พลันพลัดพราก
พ่อแม่ลูก ต้องจาก ช้ำยิ่งใหญ่
ยี่สิบห้า ปีที่ พรากกันไป
ดุจดวงใจ สลาย คล้ายกับตาย
พ่อทุกข์ตรม ขมใจ ไม่เคยสุข
คิดถึงลูก สุดช้ำ ใจสลาย
ด้วยจากกัน นานเนิน เหมือนการตาย
แต่สุดท้าย พานพบ ประสพเจอ
พ่อยังครอง นิยาม ความเป็นหม้าย
หญิงมากมาย สนิท ชิดเสนอ
แต่แผลรัก สลัก จากใจเธอ
พ่อไม่เผลอ ให้ใคร มาซ้ำรอย
ตราบวันนี้ ไม่มี ใครเคียงข้าง
ยี่สิบห้า ปีร้าง ไม่มีสอง
ส่วนเธอนั้น ไม่เคย ร้างคู่ครอง
เปรียบเราสอง ต่างกัน ดั่งฟ้าดิน
ไม่ต้องรัก พ่อหรอก บอกลูกรัก
เพียงพบพักตร์ ประสพ สมถวิล
ให้ภูมิใจ ในรัก พ่อมีจริง
มิใช่หยิ่ง รักเดียว ก็เพียงพอ
พ่อไปนี้ ขอทำ หน้าที่พ่อ
ที่ต้องรอ มานาน ไม่ท้อถอย
ชดเชยใน เวลา กาลรอคอย
อีกหลานน้อย ของปู่ จะเกิดมา
ขอเลี้ยงหลาน ชดเชย เคยพลักพราก
ไม่ยอมจาก พรากกัน เหมือนก่อนหนา
เป็นตาแก แม้ไร้ เปลี่ยวเอกา
รอเวลา วันตาย ได้หลับตา
............
9 มีนาคม 2552 22:40 น.
ลุงแทน
ณ คืนเพ็ญ งามเด่น เห็นกระจ่าง
ฟ้านั้นงาม ยามนี้ ที่ได้เห็น
ไร้เมฆา มาบัง เดือนงามเด่น
ดาราเป็น พยาน งามเคียงเดือน
ในคืนเพ็ญ ๑๔ค่ำ กลางเดือนสี่
ฟ้ายามนี้ จันทร์งาม หาใดเหมือน
นภามี จันทรา ดาวเป็นเพื่อน
ไม่ร้างเลือน เหมือนเช่น เป็นอย่างลุง
คว้าเสื้อผืน หมอนใบ ใปลานกว้าง
นอนเคียงข้าง พงไพร ไม้ใหญ่สูง
เห็นวิหก นกเค้า ไม้ยางยูง
บินอยู่สูง ยอดไทร ในราตรี
แสงจันทร์สอ่ง มองเห็น ท้องฟ้ากว้าง
ศศิธร กระจ่าง งามสดศรี
ขอพักผ่อน นอนลง ณ ตรงนี้
ห่มราตรี ที่แสน ภิรมณ์ใจ