4 สิงหาคม 2552 10:00 น.

ลำนำชีวิตของทุกคน

ลุงเอง

บทความ  -    อายุวัฒนะ
วันจันทร์ที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ เวลา ๑๐:๕๑ น.
            กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ยังมีต้นหว้าใหญ่ต้นหนึ่ง มีกิ่งก้านแผ่กว้างใหญ่ ร่มรื่น ถึงฤดูกาลมีลูกดกใหญ่หวานหอม เด็กน้อยคนหนึ่งชอบมาเล่นที่ต้นหว้านี้  ปีนเล่นตามกิ่ง เวลาหิวก็เก็บลูกหว้ากิน เวลาง่วงก็นอนเล่นใต้ร่มหว้านั้น เด็กน้อยรักต้นหว้ามาก ต้นหว้าก็รักเด็กน้อยมาก

            ต่อ มาเด็กน้อยไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนจึงห่างเหินต้นหว้า ต้นหว้าซึมเศร้าเพราะคิดถึงเด็กน้อยมาก วันหนึ่งเด็กน้อยมาที่ต้นหว้าๆ ดีใจมาก
            “เจ้าหนูมาวิ่งเล่น ปีนเล่น  นอนเล่น  เหมือนก่อนนะ” 

           เด็กน้อยตอบด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยว่า “ฉันไม่มีอารมณ์จะเล่นหรอก  ฉันโตแล้ว  ฉันอยากได้ตุ๊กตา แต่ไม่มีเงินซื้อ  ช่วยฉันได้ไหม” 

           “ฉันไม่มีเงินหรอกเจ้าหนู แต่ฉันจะช่วยเธอ จงเก็บลูกหว้าจากต้นฉันทั้งหมดเอาไปขายแล้วเอาเงินไปซื้อตุ๊กตา” 
           เด็กน้อยดีใจมาก รีบเก็บลูกหว้าอย่างมีความสุข ต้นหว้าเห็นเด็กน้อยมีความสุขก็มีความสุขมาก
            เด็กน้อยหายไปอีกหลายปี  ต้นหว้ารอคอยด้วยความเงียบเหงา เศร้าซึม อยู่มาต้นหว้าก็ตื่นเต้นดีใจมากที่เด็กน้อยมาหา  แต่คราวนี้เขาโตเป็นหนุ่มแล้ว
           “มาวิ่งเล่น  ปีนเล่น  นั่งเล่น ซีเจ้าหนู” ต้นหว้าระล่ำระลักด้วยความดีใจ
            “ฉันเป็นผู้ใหญ่แล้ว  ไม่มีใจคิดจะเล่นอีกแล้ว  ฉันมีครอบครัวแล้วและกำลังปลูกบ้าน  แต่มีไม้ไม่พอ  ช่วยฉันหน่อยได้ไหม” เด็กน้อยกล่าว
            “ฉันไม่มีเงินหรอก แต่เอาเถิดฉันจะช่วยเธอ จงตัดเอากิ่งก้านทั้งหมดของฉันไปใช้” เด็กน้อยได้ฟังก็ดีใจ รีบตัดกิ่งก้านทั้งหมดเอาไปทำบ้าน ยางต้นหว้าสีแดงตามลำต้นที่ถูกตัดกิ่งก้านออกค่อย ๆ ไหลซึมด้วยความดีใจที่เห็นเด็กน้อยมีความสุข

            ต้นหว้ารอคอยเด็กน้อยด้วยความเศร้าซึมอีกหลายปีต่อมา และแล้ววันหนึ่ง  ต้นหว้าก็ดีใจตื่นเต้นอีกครั้งหนึ่งที่เด็กน้อยกลับมาเยี่ยม “มาเล่นกับฉันซี หลายปีมานี้ฉันเหงาและคิดถึงเธอเหลือเกิน” ต้นหว้ากล่าวขึ้น

            “ฉัน เล่นไม่ได้หรอก ฉันเป็นผู้ใหญ่จนผมสีขาวเริ่มแซมประปรายแล้ว ลูกของฉันก็เติบโตแล้ว ฉันไม่ต้องการอะไรอีกเพราะต้องการพักผ่อน ฉันอยากได้เรือสักลำหนึ่งสำหรับท่องเที่ยวไปในที่ต่าง ๆ แต่ฉันไม่มีเงินพอที่จะซื้อเรือ  พอจะช่วยได้ไหม” เด็กน้อยซึ่งวันนี้ผ่านวัยกลางคนไปแล้วกล่าวขึ้น

            “ฉัน ไม่มีดอกผล ไม่มีกิ่งใบที่จะให้เธอไปขายเปลี่ยนเป็นเงินอีกแล้ว เอาอย่างนี้เธอจงตัดลำต้นของฉันเอาไปทำเป็นเรือตามที่เธอต้องการเถิด” ต้นหว้าตอบเด็กน้อยดีใจมากที่ได้เรือตามต้องการ  ต้นหว้าก็มีความสุขใจที่เห็นเด็กน้อยมีความสุข ในขณะที่ยางหว้าสีแดงและขาวขุ่นๆ ไหลซึมที่ตอ

            หลาย ปีต่อมาเด็กน้อยซึ่งวันนี้แก่หง่อมได้มาที่ตอต้นหว้าอีกครั้งหนึ่ง ตอต้นหว้าดีใจมาก แต่กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยและอ่อนล้าว่า “ฉันไม่มีผลให้เธอกิน ไม่มีกิ่งให้เธอปีนป่าย ไม่มีร่มเงาให้เธอบังแดด ไม่มีประโยชน์สำหรับเธออีกแล้ว  ฉันเสียใจจริงๆ”

            เด็กน้อยตอบว่า “ฉันเองก็แก่แล้ว ไม่มีฟันที่กินลูกหว้า ไม่มีแรงที่จะปีนป่ายหรือท่องเที่ยวไปที่ไหนอีก ฉันไม่ต้องการอะไรอีกแล้วนอกจาการนอนพักผ่อน”

            “ถ้าอย่างนั้นรากที่เหลือจากการเปื่อยผุของฉันพอมีอยู่และใช้แทนหมอนให้เธอหนุนนอนพักผ่อนได้” ต้นหว้าตอบด้วยเสียงที่อ่อนล้า

            ท่าน ผู้อ่านที่เคารพ พฤติกรรมของเด็กน้อยคนนี้คือพฤติกรรมของพวกเราทุกคนที่ปฏิบัติต่อพ่อแม่ของ เรา ถึงเวลาแล้วหรือยังที่พวกเราควรทบทวนการปฏิบัติต่อพ่อแม่แล้วมอบความอบอุ่น ความใกล้ชิดและปรนนิบัติท่านด้วยความกตัญญู

           ท่าน ผู้อ่านที่เคารพ เรื่องสั้นเรื่องนี้ไม่รู้ใครเป็นคนเขียน แต่มีอยู่ใน website เป็นภาษาอังกฤษ ลูกสาวผมไปพบเข้าจึงพิมพ์มาให้ดู อ่านให้ฟังแล้วจูบแก้มผมด้วยความรักครั้งหนึ่ง ผมก็พลอยตื้นตันไปด้วย เอามาอ่านดูเห็นเป็นสำนวนของฝรั่งจึงถอดความเสียใหม่ให้สอดคล้องกับความ รู้สึกแบบไทย ๆ ดังที่ได้นำมาลงให้ได้อ่านกันนี่แหละครับ

           ผมทราบว่ามีผู้เอาเรื่องสั้นนี้มาแปลเป็นภาษาไทยก่อนแล้ว และใช้เป็นแบบประกอบการเรียน แต่ไปสรุปเป็นเรื่องของความเห็นแก่ตัวซึ่งผมเห็นว่าเป็นแง่คิดอีกด้านหนึ่ง แต่ถ้าในด้านของความกตัญญูรู้บุญคุณของพ่อแม่แล้วน่าจะตรงกับเรื่องมากกว่า

           ใครอ่านแล้วลองส่งให้ลูกหลานอ่านดูบ้าง ก็อาจจะได้สัมผัสถึงความรู้สึกใหม่ ๆ.				
3 สิงหาคม 2552 11:57 น.

รักนี้ที่....ต้องตาย

ลุงเอง

พ่อกะทิ ชายหนุ่มโผงผางผู้กำพร้าพ่อแม่ อยู่ตัวคนเดียว พูดจริงทำจริง ขยันขันแข็งเอางานเอาการ เสร็จจากงานนา ก็มารับจ้างขี่ควายส่งคนเข้าซอย ทุกคนในหมู่บ้านล้วนรักและเอ็นดู กะทิ ยกเว้นผู้ใหญ่ปลั่ง เพราะผู้ใหญ่ปลั่งมีลูกสาวสวย ที่ดันมาหลงรัก กะทิด้วยเช่นกัน แม่แป้ง ลูกสาวคนเดียวของ ผู้ใหญ่ปลั่งสาวสวยประจำหมู่บ้าน นางเจอกับ กะทิในวันลอย กระทง ทั้งคู่ขี่ควายสัญญากัน ต่อหน้าพระจันทร์ ไม่ว่าข้างหน้า จะมีอุปสรรคขวางกั้นเพียงใด ทั้งคู่ก็จะขอเอาความรักแท้ที่จริงใจฝ่าฟันข้ามไป แล้ว กะทิก็รวบรวมเงินทองเท่าที่ เก็บสะสมมาได้ ไปบ้านผู้ใหญ่ปลั่งเพื่อสู่ขอแม่แป้ง ซึ่งผู้ใหญ่ก็ต้อนรับมันอย่างดี ด้วยชายฉกรรจ์ 6 นาย พร้อมอาวุธครบมือ กะ ทิไม่ว่ากระไร ได้แต่พาร่าง อันสะบักสะบอมกลับไปบ้าน นอนหยอดน้ำข้าวต้มหลายวัน ด้วยใจยังตั้งมั่นว่า วันหน้าจะมาขอใหม่ ขอไปจนกว่าผู้ใหญ่จะใจอ่อน ในที่สุดผู้ใหญ่ปลั่งก็ปิดหนทาง ความรักของกะทิ ด้วยการคลุมถุง จัดงานแต่งงานให้ลูกสาว กับปลัดหนุ่มจากบางกอก กะทิรู้ข่าวจึงรีบวิ่งทุรนทุราย หมายจะมาทำลายพิธี ซึ่งผู้ใหญ่ปลั่งก็รู้ดีว่า กะทิ ต้องกระทำแบบนี้ จึงขุดหลุมพรางดักรอเอาไว้ แม่แป้งแอบได้ยินแผนร้าย ก็แอบหนี หมายจะมาห้ามคนรัก ไม่ให้หลงกล เหตุการณ์ต่อไปนี้ ไม่มีบันทึกเป็นลายลักษณ์ ได้แต่ปะติดปะต่อ มาจากคำบอกเล่า ของชาวบ้านแบบปากต่อ ปากว่า  คืนนั้นเป็นคืนเดือนแรม แม่แป้งแอบวิ่งฝ่าความมืดออกมาดัก หน้ากะทิ กะทิเห็นแม่แป้งวิ่งมาก็ดีใจ รีบ วิ่งไปหา แม่แป้งเห็น กะทิรีบวิ่งมา ก็รีบ วิ่งเข้าไปหาให้เร็วยิ่งขึ้นไปอีก ฉับพลัน ร่างแม่แป้ง ก็ร่วงหล่นลงไปในหลุมพราง ของผู้ใหญ่ปลั่ง ต่อหน้าต่อตา กะทิ ทันทีอารามตกใจ กะทิรีบกระโดดตามลง ไปเพื่อช่วยเหลือ อารามดีใจ สมุนชายฉกรรจ์ 6 นายของ ผู้ใหญ่ปลั่ง รีบเข้ามาโกยดินฝังกลบ เพราะคิดว่าก้นหลุมมีเพียง กะทิผู้ เดียวที่อยู่ในนั้นรุ่ง เช้า ผู้ใหญ่ปลั่งเดินยิ้ม มาขุดหลุมเพื่อดูผล ภาพเบื้องล่างพบ กะทิตระกองกอดทับ ร่างแม่แป้งลูกสาวของตน นอนตายคู่กันอย่างมีความสุข เมื่อยิ้มถูกเปลี่ยนไปเป็นน้ำตา ผู้ใหญ่ปลั่งสั่งลูกสมุน สร้างเจดีย์คลุมครอบปิดหลุม นั้นไว้ เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจคนทั่วไปว่า อย่าคิดทำร้าย หรือทำลายความรักของใครอีกเลย				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลุงเอง
Lovings  ลุงเอง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลุงเอง
Lovings  ลุงเอง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลุงเอง
Lovings  ลุงเอง เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงลุงเอง