7 สิงหาคม 2552 09:33 น.
ลุงเอง
***** วัยรุ่นยุคใหม่คิดอย่างไรกับแม่ *****
แม่คือผู้ให้กำเนิดชีวิตและอบรมเลี้ยงดูลูกจนเติบใหญ่ แม่จึงเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญที่สุดในการสร้างและ
หล่อหลอมเยาวชนผู้เป็นอนาคตของชาติ อย่างไรก็ตาม ความรักความเข้าใจ และความสัมพันธ์อันดีระหว่างแม่ลูก
หลายคู่ต้องประสบปัญหาเมื่อลูกย่างเข้าสู่วัยรุ่นอันเป็นวัยแห่งการเปลี่ยนแปลงทั้งร่างกายและจิตใจ เป็นวัยที่เริ่มผละ
จากอกแม่ไปเรียนรู้โลกกว้างภายนอก และด้วยสภาพสังคมยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยสิ่งยั่วยุรอบด้านย่อมเป็นเหตุปัจจัยให้วัย
รุ่นมีโอกาสขัดแย้งกับแม่มากขึ้น ประกอบกับความจำเป็นในการออกไปประกอบอาชีพนอกบ้านเพื่อหารายได้มาจุนเจือ
ครอบครัวของแม่ในปัจจุบันเป็นผลให้แม่ส่วนใหญ่สั่งสมความเครียดมาจากนอกบ้านเป็นทุนอยู่แล้ว สถานการณ์เช่นนี้ย่อม
เปราะบางและล่อแหลมต่อความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูก ซึ่งหากไม่ได้มีการทำความเข้าใจซึ่งกันและกันอย่างถูกต้องก็อาจ
นำไปสู่ปัญหาอื่นๆ ตามมาอีกมากมาย
ในโอกาสวันแม่จะเวียนมาถึงในวันที่ 12 สิงหาคม นี้ ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์จึงได้ดำเนินการสำรวจ
ทัศนคติของวัยรุ่นที่มีต่อแม่ เพื่อเป็นภาพสะท้อนถึงความรู้สึกของลูกๆ วัยรุ่นให้ผู้เป็นแม่ทั้งหลายได้รับทราบ อันจะเป็น
แนวทางในการอบรมเลี้ยงดู และปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างกันให้ดียิ่งขึ้นต่อไป
วัตถุประสงค์ของการสำรวจ
เพื่อทราบข้อมูลและความคิดเห็นของวัยรุ่นที่มีต่อแม่ ในประเด็นต่อไปนี้
1. ความสำคัญของแม่
2. ความลับที่วัยรุ่นไม่กล้าบอกแม่
3. สิ่งที่อยากให้แม่ปรับปรุงแก้ไข
4. สิ่งที่ตัวเองควรปรับปรุงแก้ไขเพื่อแม่
5. วิธีการแสดงความรักต่อแม่
ระเบียบวิธีการสำรวจ
การสุ่มตัวอย่าง
การสำรวจใช้วิธีสุ่มตัวอย่างวัยรุ่นอายุ 13-22 ปีที่อาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
โดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-Stage Sampling) โดยสุ่มเขตการปกครอง/
อำเภอ จากนั้นสุ่มถนน
และประชากรเป้าหมายที่จะสัมภาษณ์ ได้ตัวอย่างทั้งสิ้นจำนวน 1,111 คน
ความคลาดเคลื่อน (Margin of Error)
ในการประมาณการขนาดตัวอย่างใช้ความคลาดเคลื่อน ฑ 3% ที่ระดับความเชื่อมั่น 95%
วิธีเก็บรวบรวมข้อมูล
การเก็บข้อมูลใช้แบบสอบถาม และสัมภาษณ์ความคิดเห็นของประชากรเป้าหมายที่สุ่มได้
ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล : 8-9 สิงหาคม 2548
วันที่เผยแพร่ผลการสำรวจ : 11 สิงหาคม 2548
โดย ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ โทร. 0-2350-3500 ต่อ 1776
http://research.bu.ac.th/poll/poll_list.php
สรุปผลการสำรวจ
1. กลุ่มตัวอย่างที่สุ่มได้มีจำนวน 1,111 คน เป็นชายร้อยละ 44.5 หญิงร้อยละ 55.5 มีอายุ
ระหว่าง 13-17 ปี ร้อยละ 46.3 และอายุ 18-22 ปี ร้อยละ 53.7 กำลังศึกษาอยู่ในชั้นมัธยมศึกษาและ
ปวช.ร้อยละ 50.0 ปวส./อนุปริญญาและปริญญาตรี ร้อยละ 47.3 และไม่ได้ศึกษาแล้ว ร้อยละ 2.7
กลุ่มตัวอย่างอาศัยอยู่กับแม่ ร้อยละ 74.1 และไม่ได้อยู่กับแม่ ร้อยละ 25.9
2. วัยรุ่นร้อยละ 96.8 ระบุว่าแม่คือบุคคลสำคัญที่สุดในชีวิต ขณะที่ร้อยละ 1.8 ระบุว่าบุคคลที่สำคัญ
ที่สุดในชีวิตคือพ่อร้อยละ 0.9 ระบุว่าเป็นญาติผู้ใหญ่ และบุคคลอื่น อาทิ ครู เพื่อน ร้อยละ 0.5
3. วัยรุ่นร้อยละ 53.2 ระบุว่าไม่มีความลับใดที่ไม่กล้าบอกแม่ ในขณะที่วัยรุ่นอีกร้อยละ 46.8 ยอม
รับว่ามี โดยเป็นความลับเรื่องความรักและการคบเพื่อนต่างเพศมากที่สุด ร้อยละ 45.8 รองลงมาคือเรื่องการ
เรียน ร้อยละ 23.5 การดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ร้อยละ 15.0 การพนัน ร้อยละ 6.0 ปัญหาหนี้สิน ร้อย
ละ 5.6 ยาเสพติด ร้อยละ 2.5 และอื่น ๆ ร้อยละ 1.6
4. วัยรุ่นร้อยละ 23.8 บอกว่าไม่เคยทะเลาะหรือโต้เถียงกับแม่ ในขณะที่ร้อยละ 76.2 เคย
ทะเลาะและโต้เถียงกับแม่ โดยเรื่องที่เป็นเหตุให้ทะเลาะโต้เถียงกับแม่มากที่สุดคือเรื่องการใช้เงิน ร้อยละ
23.8 รองลงมาคือเรื่องเที่ยวเตร่ ร้อยละ 19.8
เรื่องภายในครอบครัว ร้อยละ 17.4 เรื่องการเรียน ร้อยละ 14.8 เรื่องการคบเพื่อน
ร้อยละ 10.5 เรื่อง การแต่งกาย ร้อยละ 7.2
เรื่องการเล่นเกมและใช้โทรศัพท์ ร้อยละ 3.9 เรื่องการพนันและยาเสพติด ร้อยละ 2.6
5. สำหรับสิ่งที่วัยรุ่นอยากให้แม่ปรับปรุงแก้ไขมากที่สุด คืออยากให้แม่บ่น ให้น้อยลง ร้อยละ 25.9
รองลงมาคือให้เชื่อใจลูก ร้อยละ 18.4 เข้าใจลูกให้มากขึ้น ร้อยละ 16.7 มีเวลาให้ลูกมากขึ้น ร้อยละ
5.7 รักลูกให้เท่ากัน ร้อยละ 3.8 เลิกอบายมุข ร้อยละ 0.9 อื่น ๆ เช่น อย่าคิดมาก ร้อยละ 1.0
โดยที่ลูกอีกร้อยละ 27.6 ระบุว่า แม่ของตนดีอยู่แล้วไม่ต้องปรับปรุง
6. ส่วนสิ่งที่วัยรุ่นคิดว่าตัวเองควรปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้แม่มีความสุขนั้น อันดับแรกคือ ควรตั้งใจเรียนให้
มากขึ้น ร้อยละ 37.3 รองลงมาคือ เลิกเถียงแม่ ร้อยละ 26.7 ช่วยแม่ทำงาน ร้อยละ 10.4 เลิกใช้
เงินฟุ่มเฟือย ร้อยละ 9.3 เลิกเที่ยวเตร่และเสพอบายมุข ร้อยละ 8.8 เลิกคบเพื่อนที่ไม่ดี ร้อยละ
1.3 และอื่นๆ อีกร้อยละ 0.7 ในขณะที่ร้อยละ 5.5 ระบุว่าตัวเองดีอยู่แล้วไม่ต้องปรับปรุง
7. เมื่อถามถึงวิธีการแสดงความรักต่อแม่ พบว่า การปฏิบัติตามคำสั่งสอนของแม่เป็นวิธีการแสดงความ
รักต่อแม่ที่วัยรุ่นนิยมใช้มากที่สุด (ร้อยละ 46.6) รองลงมาได้แก่ กอดแม่/หอมแม่ (ร้อยละ 32.3) ช่วยแม่
ทำงาน (ร้อยละ 31.5) อยู่บ้านกับแม่ (ร้อยละ 24.6) ให้พวงมาลัย/ดอกมะลิในวันแม่ (ร้อยละ
23.9) ซื้อของให้แม่ (ร้อยละ 22.1) บอกรักแม่ด้วยคำพูด (ร้อยละ 22.0) พาแม่ไปเที่ยว (ร้อยละ
11.3) ประดิษฐ์ของให้แม่ (ร้อยละ 5.7) และอื่น ๆ (ร้อยละ 3.1)
ตารางแสดงการประมวลผลข้อมูล
ตารางที่ 1: ข้อมูลประชากรศาสตร์
จำนวน ร้อยละ
เพศ :
ชาย 494 44.5
หญิง 617 55.5
อายุ :
13 — 17 ปี 514 46.3
18 — 22 ปี 597 53.7
การศึกษา
มัธยมศึกษา/ปวช. 555 50.0
ปวส./อนุปริญญา/ปริญญาตรี 525 47.3
ไม่ได้ศึกษาแล้ว 31 2.7
การอยู่อาศัย :
อาศัยอยู่กับแม่ 823 74.1
ไม่ได้อาศัยอยู่กับแม่ 288 25.9
ตารางที่ 2: บุคคลที่วัยรุ่นเห็นว่ามีความสำคัญที่สุดในชีวิต
จำนวน ร้อยละ
แม่ 1076 96.8
พ่อ 20 1.8
ญาติผู้ใหญ่ 10 0.9
อื่นๆ 5 0.5
รวม 1,111 100
ตารางที่ 3: ความลับที่วัยรุ่นไม่กล้าบอกแม่
จำนวน ร้อยละ
ไม่มีความลับที่ไม่กล้าบอกแม่ 591 53.2
มีความลับที่ไม่กล้าบอกแม่ 520 46.8
รวม 1,111 100
ความลับที่ไม่กล้าบอกแม่ (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
จำนวน ร้อยละ
ความรักและการคบเพื่อนต่างเพศ 312 45.8
การเรียน 160 23.5
การดื่มเหล้า สูบบุหรี่ 102 15.0
การพนัน 39 6.0
ปัญหาหนี้สิน 36 5.6
ยาเสพติด 16 2.5
อื่น ๆ 11 1.6
ตารางที่ 4: เรื่องที่เคยทะเลาะโต้เถียงกับแม่
จำนวน ร้อยละ
เคยทะเลาะโต้เถียงกับแม่ 847 76.2
ไม่เคยทะเลาะโต้เถียงกับแม่ 264 23.8
รวม 1,111 100
เรื่องที่เคยทะเลาะและโต้เถียงกับแม่ (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
จำนวน ร้อยละ
การใช้เงิน 310 23.8
การเที่ยวเตร่ 258 19.8
เรื่องในครอบครัว 226 17.4
การเรียน 192 14.8
การคบเพื่อน 137 10.5
การแต่งกาย 94 7.2
การเล่นเกมและใช้โทรศัพท์ 51 3.9
การพนันและยาเสพติด 33 2.6
ตารางที่ 5: สิ่งที่อยากให้แม่ปรับปรุงแก้ไข
จำนวน ร้อยละ
บ่นให้น้อยลง 288 25.9
ให้เชื่อใจลูก 204 18.4
เข้าใจลูกให้มากขึ้น 185 16.7
มีเวลาให้ลูกมากขึ้น 63 5.7
รักลูกให้เท่ากัน 42 3.8
เลิกอบายมุข 10 0.9
อื่น ๆ เช่น อย่าคิดมาก 11 1.0
ดีอยู่แล้วไม่ต้องปรับปรุง 308 27.6
รวม 1,111 100
ตารางที่ 6: สิ่งที่คิดว่าตัวเองควรปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้แม่มีความสุข
จำนวน ร้อยละ
ตั้งใจเรียนให้มากขึ้น 414 37.3
เลิกเถียงแม่ 297 26.7
ช่วยแม่ทำงาน 115 10.4
เลิกใช้เงินฟุ่มเฟือย 103 9.3
เลิกเที่ยวเตร่และเสพอบายมุข 98 8.8
เลิกคบเพื่อนที่ไม่ดี 14 1.3
อื่นๆ 8 0.7
ดีอยู่แล้วไม่ต้องปรับปรุง 62 5.5
รวม 1,111 100
ตารางที่ 7: วิธีการแสดงความรักต่อแม่ (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
จำนวน ร้อยละ
ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของแม่ 518 46.6
กอดแม่/หอมแม่ 359 32.3
ช่วยแม่ทำงาน 350 31.5
อยู่บ้านกับแม่ 273 24.6
ให้พวงมาลัย/ดอกมะลิในวันแม่ 265 23.9
ซื้อของให้แม่ 245 22.1
บอกรักด้วยคำพูด 244 22.0
พาแม่ไปเที่ยว 126 11.3
ประดิษฐ์ของให้แม่ 63 5.7
อื่น ๆ 34 3.1
--ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์--
-พห-
7 สิงหาคม 2552 09:24 น.
ลุงเอง
มือของแม่
ภาพหญิงชรา ที่เดินหาบขนมขายอยู่ริมถนน ทำให้ผมหยุดชะงักอยู่ชั่วขณะ
แม้ว่า แกจะเดินจากไปแล้ว แต่ภาพหญิงแก่ ที่ยกมือขึ้นปาดเหงื่อ เดินฝ่าเปลวแดดออกไปนั้นยังคงติดตรึงอยู่ในสายตาของผม จนยากที่จะสลัดออก
มือหยาบกร้านที่มีแต่เส้นเอ็นปูดโปนของหญิงแก่ ทำให้ ผมนึกถึง มือของผู้หญิงคนหนึ่ง....ผู้หญิงซึ่งทำทุกอย่างเพื่อลูกน้อยของตนได้โดยไม่หวังอะไร นอกจากรอยยิ้มของลูก
ผู้หญิงคนนั้น.... คือ แม่ของผมเอง
แม่เป็นแม่ค้า ที่หาบขนมขายอยู่ข้างถนน วันไหน ขายดี ก็มีเงิน พอจับจ่ายตามอัตภาพหากวันไหน ขายไม่ได้ ก็ต้องใช้เงินอย่างกระเบียดกระเสียร
แต่แม่ก็ไม่เคยยอมให้ผมรู้จักกับความหิวโหยอะไรที่อยากกิน แม่มักหามาให้ผมเสมอ ไม่ว่า ของสิ่งนั้น มันจะทำให้แม่ต้องอดสักกี่มื้อก็ตาม
เวลาที่ผมนั่งกินขนมอย่างเอร็ดอร่อย แม่มักจะมองดูเงียบ ๆ
ริมฝีปากของแม่ปรากฏรอยยิ้มน้อย ๆอย่างมีความสุข
ตอนนั้น ผม ไม่เคยสนใจเลย ว่า ขนมชิ้นเล็ก ราคาแพงที่แม่หามาให้นั้น
ต้องแลกมาด้วย หยาดเหงื่อของแม่กี่หยด ไม่เคยนึกสงสัยด้วยซ้ำ ว่า
หลังจากที่ผมกินขนมจนอิ่ม จะมีอะไรเหลือตกถึงท้องแม่ไหม ?
ผมรู้เพียงอย่างเดียวคือ แม่เป็น หญิงแก่ที่หาบขนมขาย
ยามใดที่มโนธรรม มาย้ำเตือนให้ผมคิดถึงความเหน็ดเหนื่อยของแม่
สัญชาตญาณแห่งการเอาตัวรอด ก็มักจะหลบเลี่ยงความรู้สึกผิดในใจด้วยการบอกว่าในเมื่อแม่เกิดผมมา มันก็เป็น หน้าที่ ของแม่ที่ต้องหาบขนมขาย เพื่อหาเลี้ยงผมถ้าไม่มีอะไรกิน ขนมที่เหลือจากการขายมันก็ช่วยให้แม่อิ่มได้นี่นา
สองมือของแม่ แตก ระแหง หยาบกร้าน เพราะกรำงานหนัก
มือที่หยิบจับ งานสารพัด ทั้งงานบ้าน งานครัว และงานเร่ขายของ
มือที่เหลาไม้กลัด เจียนใบตอง ห่อขนม แล้วจัดเรียงใส่ลังนึ่ง
มือที่จับพร้าผ่าฟืน ก่อไฟนึ่งขนม แต่เช้าตรู่มือที่จับไม้คาน หาบกระจาดหนักอึ้งไปเร่ขายขนมจากเพลาสายจนบ่ายคล้อยแล้วมือนั้นอีกนั่นแหล่ะ ที่คอยป้อนข้าวป้อนน้ำ คอยเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้เมื่อลูกชายนอนซมเพราะพิษไข้
ยามเด็ก เมื่อผมมองมือของแม่ บางครั้งผมต้องแอบเมินหน้าหนีด้วยนึกรังเกียจ
มือแม่ มีแต่เส้นเอ็นปูดโปน หยาบ หนา เต็มไปด้วยริ้วรอยไม่น่ามอง
ผมไม่ชอบความรู้สึกยามที่มือสาก ๆ มาจับต้องผิวอ่อนบางของผมเลย
ความมีสติ ทำให้ผมไม่กล้าเอ่ยความรู้สึกนี้ออกมาให้แม่ได้ยิน แต่มันก็ปิดบังแม่ไม่ได้หรอก
ยามใดที่มือนั้นยื่นมาจับต้องดึงผมไปกอดไว้แนบอก
ยามนั้น ผมก็มักจะเบี่ยงตัวหนีด้วยความรู้สึกขยะแขยง
แม้ไม่เอื้อนเอ่ยออกมาเป็นวาจา แต่แววตาที่ผมแสดงออก มันก็บอกถึงความรู้สึกภายในอย่างโจ่งแจ้งแววตาที่ทำให้แม่ชะงัก แม่มองหน้าผมอย่างเข้าใจ แล้วก็มีท่าทีงก ๆ เงิ่น ๆ อย่างคนรู้สึกผิด
แม่ไม่พูดอะไรสักคำ มือหยาบกร้านนั้นกำแน่นค่อย ๆ ตกอยู่ข้างลำตัว ไหล่ของแม่ลู่ลง...
หลังจากวันนั้น มือของแม่ไม่กล้าที่จะเอื้อมมากอดผมอีกเลย
ตอนนั้น ผมรู้สึกสบายใจนะ ที่ไม่ต้องสัมผัสกับมือที่หยาบกระด้างที่น่ารังเกียจนั่น
แต่เมื่อ เวลาผ่านไป ผมกลับเกิดความรู้สึกที่ต่างจากเดิม...
จริง ๆ แล้วสิ่งที่น่ารังเกียจ ไม่ใช้มือหยาบกร้าน ของแม่หรอก
มือที่เนียนสวยราวกับลูกผู้ดี ของผมต่างหาก ที่น่าขยะแขยง
ขณะที่ มือแม่กร้านเพราะ กรำงานหนักเพื่อเลี้ยงผม
แต่มือที่อ่อนนุ่มของผม ไม่เคยทำประโยชน์เพื่อใครเลย นอกจากตัวเอง
น่าขันนะ เมื่อผมเติบใหญ่ และประสบความสำเร็จในชีวิต
หลายครั้งหลายครา ที่มีโอกาสจับต้องมือของผู้หญิงมากหน้า
มือที่ นิ่ม หอมกรุ่นกับเล็บเคลือบสีสด
และเรียวปากนุ่มสวยช่างฉอเลาะนั้นไม่ได้ทำให้ผมโหยหาเลยสักนิด
สิ่งที่ผมร่ำร้อง กลับเป้น มือที่หยาบกระด้างของผู้หญิงเพียงคนเดียว...
ผู้หญิงที่หาบคอนกระจาด เดินเร่ขายขนมอยู่ข้างถนนเพื่อเลี้ยงลูกชาย
ผู้หญิงไม่ค่อยพูด ที่มักใช้สายตาเฝ้ามองผมอยู่เงียบ ๆ
สายตาที่สื่อความรู้สึกของแม่คนนึงซึ่งมีต่อลูก สายตาอ่อนโยนคู่นั้น เหมือนกับจะบอกผมเสมอว่า
ผมคือ ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของแม่...
อาจจะเป็นเพราะพ่อจากไปอยู่กับผู้หญิงคนอื่นตั้งแต่ผมยังเล็ก ก็ได้
ทำให้แม่พยามทำทุกอย่างเพื่อชดเชยความเป็นลูกไม่มีพ่อให้ผมเท่าที่แม่ค้าหาบขนมขายอย่างแม่
จะทำได้ แม่คงกลัวว่าผมจะกลายเป็นเด้กมีปัญหา เพราะขาดพ่อล่ะมั้ง
แต่แม่ไม่เคยรู้หรอกว่า ในสายตาของผม ผู้ชายที่ทำให้ผมเกิดมา
ไม่ได้มีความสำคัญกับผมเลยสักนิด ผมเกลียดผู้ชายคนนั้น .....
ตาแก่ที่กินเหล้าจนเมา เอะอะ โวยวาย ทำร้ายแม่ผม
หลายครั้งที่ ผมเห็นพ่อใช้คำพูดถากถาง ระราน อาละวาดใส่แม่
แม่ผู้น่าสมเพชของผม ก็ไม่เคยลุกขึ้นมาต่อต้านเลยสักนิด
แม่มักยอมพ่อเสมอ ยอมถูกซ้อมเป็นกระสอบทราย แล้วก็แอบไปนั่งร้องไห้คนเดียวเงียบ ๆ
ยอมทำงานหนักเดินขายของวันละหลาย ๆ กิโล เพื่อเอาเงินมาเลี้ยงครอบครัว
ส่วนเงินเดือนของพ่อน่ะหรือ ? มันจมลงในขวดเหล้าหมดแล้ว
สภาพของแม่ที่ผมเห็น ทำให้ผมได้แต่นึกในใจว่า
ถ้าผมแต่งงาน ผมจะหา เมีย อย่างแม่
แต่ถ้าผมเป็น ผู้หญิง ผมจะไม่ยอมมีชีวิตที่น่าเวทนาแบบแม่ เด็ดขาด !
ผู้หญิงที่ยอมเป็นกระโถนรองรับอารมณ์ของผู้ชาย
ผู้หญิงที่ยอมให้สามีโขกสับอย่างกับทาสในเรือนเบี้ย
ยอมทำงานบ้านจนดึกจนดื่น
ยอมตื่นแต่เช้ามาทำขนมขายเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว
ยอมแม้กระทั่งให้ผู้หญิงอื่นมาแย่งผัวตัวเองไปต่อหน้าต่อตา
แม่ยอมรับชะตากรรมที่เกิดขึ้นโดยไม่เคยคิดจะต่อสู้เรียกร้องสิทธิอะไรเลย
แม่มีปากเสียงกับพ่อเพียงครั้งเดียว ตอนที่พ่อจะเอาผมไปอยู่ด้วย
ตอนนั้นผมเห็นแม่สู้ยิบตาราวกับ หมาจนตรอก เลยทีเดียว
พ่อยอมให้ผมอยู่กับแม่อย่างไม่คิดจะเยื้อแย่ง
" น้ำหน้าอย่างเธอ จะเลี้ยงลูกได้สักแค่ไหนกันเชียว
อีกหน่อยลูกมันคงต้องหาบขนมขายทั้งชาติ เหมือนเธอ นั่นแหล่ะ "
นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายที่แม่และผมได้ยินจากปากของพ่อ มันเป็นคำพูดที่ทำให้แม่ฮึดสู้
แม่ทำงานหนักตัวเป็นเกลียวเพื่อหาเงินส่งผมเรียนสูง ๆ
ซึ่งผมก็ไม่ได้ทำให้แม่ผิดหวังเลย
การเรียนของผมอยู่ในขั้นดีเยี่ยมจนได้รางวัลจากทางโรงเรียนเสมอ
เปล่าหรอกนะ ผมไม่ได้ตั้งใจเรียนเพื่อแม่หรอก
ตลอดเวลาผมไม่ได้คิดที่จะทำอะไรเพื่อแม่เลยสักครั้ง
แต่ที่ผมตั้งใจเรียน ก็เพราะรู้ว่า การศึกษาเป็นหนทางเดียว
ที่จะทำให้ผมหลุดพ้นจากบ้านในสลัมโทรม ๆ แห่งนี้ต่างหาก
ความทะเยอทะยานในอดีตเป็นแรงผลักดัน ที่ทำให้ผมประสบความสำเร็จในชีวิต
โดยมี โอกาสดี ๆ ที่โชคชะตาหยิบยื่นให้ เป็นตัวช่วยสนับสนุน
สิ่งเหล่านี้ ทำให้ผมหลงระเริงอยู่นานทีเดียว มันทำให้ผมหยิ่งผยอง
คิดว่า ตัวเองนั้นเก่งกล้า สามารถก้าวจากจุดศูนย์ขึ้นมายืนผงาดอยู่ได้ด้วยขาตัวเอง
ทั้ง ๆ ที่ ความจริงแล้วความสำเร็จของปริญญาระดับด๊อกเตอร์ที่แปะข้างฝาบ้านของผมนั้น
มีแม่ อยู่เบื้องหลังเสมอ แม่ผู้จบ ป. 4 แต่ไม่มีเงินซื้อใบสุทธิ
ขาของผมยืนผงาดออยู่ได้ ด้วยการเหยีบบ่าของแม่ โดยแท้
และผมก็ไม่เคยสนใจเลยสักนิดว่า บ่าที่เหยียบเป็นฐานนั้นจะชอกช้ำเพียงใด
เพราะเจ้าของบ่า ไม่เคยปริปากบอกผมเลย ไม่ว่า เวลาจะผ่านไปเท่าไร แม่ก็ยังคงเป็นคนพูดน้อยทำมากเสมอ
แม่เป็นผู้ฟังที่ดีมาตั้งแต่ผมยังเด็กแล้ว
ทุกครั้งที่ผมมีความกังวล แม่จะคอยรับฟังเสมอ เวลาที่ผมระบายสิ่งที่อัดอั้นตันใจ
หลายครั้งที่แม่ฟัง จำนวนเงิน ที่ลูกชายเอ่ยขอ ยามต้องการจะซื้อ ของต่าง ๆ เพื่อให้มีเหมือนลูกคนอื่น
แม่ไม่เคยแย้งแต่จะ นิ่ง...ฟัง...
หลังจากวันนั้น แม่ขายของจนค่ำมืดกว่าปกติ อยู่หลายวัน
และ วันหนึ่งแม่ก็ยื่นเงินให้ผม เพื่อไปซื้อของที่อยากได้
ยามที่ผมรับเงินจากมือของแม่ ผมรู้สึกว่า มือของแม่หยาบกร้านกว่าเคย....
แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรนักหรอก
เพราะถึงมือ มือนี้จะต้องหยาบกร้านเพิ่มขึ้นสักแค่ไหน
มันก็ยังคงหยิบยื่นมความสะดวกสบายให้ผมได้เหมือนเดิม
และมันก็เป็นเช่นนี้เสมอมา ไม่ว่ายามที่ผม สุข หรือ ทุกข์
มือของแม่จะอยู่เคียงข้าง คอยช่วยประคับประคองผมเสมอ
ตราบชั่วชีวิตของแม่
จนกระทั่ง วันนี้...
หลายสิ่งในชีวิตของผมเปลี่ยนไป.....
ผมมีชื่อเสียง มี เกียรติยศ มีคนนับหน้าถือตา
มีบ้านหลังใหญ่ มีรถคันงาม มีเงินทอง
มีมือนุ่มนิ่มของผู้หญิงสวย ๆ คอยคลอเคลีย
ทุกสิ่งที่ผมเคยต้องการล้วนมากองอยู่แทบเท้าของผม
แต่สิ่งที่ผมอยากได้มากที่สุดกลับขาดหายไป
ณ วันนี้ ข้างกายของผม ไม่มีมือของแม่.....
--------------------------------------------
สุขสันต์วันแม่นะทุกๆคน
7 สิงหาคม 2552 09:13 น.
ลุงเอง
แม่คือผู้ให้ตลอดกาล แม่ให้ทุกสิ่งทุกอย่างกับเรา แม่ให้ทั้งความสุข ความอบอุ่น ความห่วงใย ทุกสิ่งที่แม่ให้เรามาคือความรักจากใจแม่
เวลาเราไม่สบาย แม่จะคอยห่วงใย ดูแลเอาใจใส่เรา เวลาที่เราร้องไห้ แม่ก็จะคอยปลอบใจและเช็ดน้ำตาให้เรา บางเวลาที่เราไม่สบายใจหรือท้อแท้ แม่จะคอยให้คำปรึกษาและเป็นกำลังใจให้เราเสมอ ไม่ว่าเราจะทำอะไรแม่จะอยู่เคียงข้างเราเสมอ ในบางครั้งเราซนหรือดื้อ แม่ก็จะดุว่าเรา แต่เราจะไม่ชอบที่แม่ดุว่า และเราจะโกรธแม่ แต่ที่แม่ดุว่าเรานั้น คือความรักของแม่ แม่อยากให้เราเป็นคนดี บางเวลาที่เราทำให้แม่เสียใจ ไม่ว่าอย่างไร แม่ก็ให้อภัยเราเสมอ คำพูดของแม่ ทำให้เรามีกำลังใจเสมอ ทำให้เราสามารถชนะอุปสรรคต่างๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเรา
คำว่าแม่สำหรับลูกๆแล้วมันก็เหมือนกับคำพูดธรรมดาที่ลูกๆ ทุกคนมีและเรียกหาได้ แต่จะมีสักกี่คนที่จะเข้าใจความหมายของคำว่าแม่อย่างแท้จริง เพราะฉะนั้นตอนนี้เวลานี้เมื่อเรายังมีแม่อยู่ข้างๆกายเรา เราก็ควรดูแลและเอาใจใส่ท่านให้มากๆ เพราะต่อให้เราตายแล้วเกิดใหม่ก็ไม่มีวันทดแทนพระคุณของท่านได้หมดเลย วันนี้เรากอดแม่หรือบอกรักแม่หรือยังถ้ายังก็รีบทำซะเนาะ
.......คัดลอกมาเห็นว่ามีความหมายดี...... มอบแด่ลูกทุกคน.....
5 สิงหาคม 2552 10:08 น.
ลุงเอง
แผ่นดินผืนสุดท้าย
เราจะถอยไปไหนไม่ได้แล้ว เหลือเพียงแนวสุดท้ายปลายที่มั่น
ขวานเล่มนิดฤทธิ์ฉกาจเคยฟาดฟัน ระบือลั่นว่าไทยรักสามัคคี
เขมรยับ เวียดนามเยินเกินจะยั่ง ลาวก็พังไปแล้วใช่มั้ยนี่
หากคนไทยประมาทชาติไพรี พบกันที่กลางสมุทรสุดแผ่นดิน…………
ประเทศไทยจะดำรงคงอยู่ได้ เพราะในอดีตชาติไทยมีคนเก่ง หากคนไทยสิ้นเหี้ยมเหลี่ยมนักเลง จะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง
สิบนิ้วน้อมคำนับลงกราบกราน ท่านพี่น้องน้องชาวไทยที่รักสมัครหมาย ทั่วทุกถิ่นขวานทองพี่น้องไทย จงร่วมใจสมานสมัครสามัคคี ถึงเวลาแล้วเราชาวพุทธศาสน์ เป็นทายาทสืบสายในกรุงศรี เราคนไทยใจกล้าทั่วธานี มาสามัคคีหันหน้าเข้าหากัน
องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงลงหลักปักรั้วทั่วถิ่นฐาน พระองค์ทรงเกรียงไกรกล้าปรีชาชาญ ตั้งปฏิฐานปกป้องเทอดผองไทย
พระบารมีปกเกล้าเราทั้งชาติ ประวัติศาสตร์ต้องจารึกผนึกไว้ สามัคคีอันล้ำเลิศเกิดจากใคร แม้มิใช้ทรงพระคุณกรุณา
อันขวานทองเล่มสุดท้ายที่ไทยหวัง สิบสี่ครั้งรอดมาได้เพราะไทยรักษา เอาชีวิตแลกไว้จึงได้มา เป็นผืนสุธาของท่านลูกหลานไทย
เสียครั้งแรก เกาะหมากจากแผนผัง เขาเปลี่ยนชื่อมาเป็นปีนังจำได้มั้ย นั้นแหละบิ่น จากขวานทองเล่มของไทย สามร้อยกว่าตารางไมล์หลักฐานมี
ครั้งที่สอง เสียซ้ำยังจำได้ เสียมะริดแหละทวายตะนาวศรี สองพันสามร้อยสามสิบหกโชดไม่ดี เสียเนื้อที่สามหมื่นกว่าตารางไมล์
ครั้งที่สาม บันพรายมาศถูกตัดเหี้ยม เขาเปลี่ยนชื่อมาเป็นฮาเตี้ยนตั้งชื่อใหม่ สองพันสามร้อยห้าสิบสามแสนซ้ำใจ เสียเนื้อที่เท่าไหร่ไม่ปรากฏในบทความ
ครั้งที่สี่เจ็บ แค้นเสียแสนหวี กินเนื้อที่ถึงเชียงตุงกรุงสยาม ตั้งเก้าหมื่นตารางกิโลโอ้มันทำ คนสร้างกรรมบัดเดี๋ยวนี้ก็ดีกัน
ครั้งที่ห้า เสียรัฐเปรัด ถูกเขาผลักหกล้มเฉือนคนขวาน สองพันสามร้อยหกสิบเก้าแสนร้าวราน ต่างหยิบขวานขึ้นมาถือดูชื่อไทย
ครั้งที่หก อกตรมเดินก้มหน้า เสียสิบสองพันนาน้ำตาไหล ตั้งหกหมื่นตารางกิโล โอ้โอ๋ไทย แถบขาดใจต่อสู้ศัตรูมา
ครั้งที่เจ็ด เสียแคว้นดินแดนเขมร เกิดพิเรนเพราะฝรั่งกำลังบ้า เที่ยวออกล่าเมืองขึ้นชื่นอุรา เสียอีกหนึ่งแสนกว่าตารางกิโล
ครั้งที่แปด เสียแคว้นดินแดนใหม่ ชื่อสิบสองจุไทยก็ใหญ่โข แปดหมื่นกว่าที่กว้างตารางกิโล แทบร้องโฮใจระเหี้ยเพราะเสียดาย
ครั้งที่เก้า เศร้าแสนแคว้นไม่สิ้น เสียลุ่มแม่น้ำสาละวินด้านฝั่งซ้าย สิบสามหัวเมืองต้องเหมาให้เขาไป ใครที่ทำซ้ำใจไทยต้องจำ
ครั้งที่สิบ เลี่ยนล้ำแม่น้ำโขง ถูกเขาโกงฝั่งซ้ายไทยถลำ
ครั้งสิบเอ็ด เสียฝั่งขวานั่งหน้าดำ มันเจ็บจำฝังจำอยู่กลางใจ
ครั้งสิบสอง ใจรัดทดแทบหมดท่า เสียมณฑลบูรพาอีกจนได้ เขาพรากไปจากแหลมทองถิ่นของไทย สามหมื่นกว่าตารางไมล์โดยประมาณ
ครั้งสิบสาม ตรังกานูไทรบุรี ในแผนที่มองเห็นเป็นหลักฐาน ไปถึงปริดติดรัฐกะลันตัน อีกห้าหมื่นโดยประมาณตารางไมล์
ครั้งสิบสี่ เสียเขาพระวิหาร ปัจจุบันให้เขมรท่านเห็นไหม จำไว้เถิดเลือดเนื้อเชื้อชาติไทย จงหันใจเข้ารวบรวมพลัง
เหมือนลงเรือลำเดียวน้ำเชียวจัด มาช่วยกันคัดช่วยกันพรายให้ถึงฝั่ง จะหันหลังหันหน้าพว้าพวัง คนนั่งกลางอย่าเท้าลาลงวาริน เป็นขวานทองเล่มสุดท้ายที่ไทยหวัง ทะเลล้อมรอบข้างหมดทางหนี ครั้งสิบห้า ต่อไปต้องไม่มี ใครกดขี่ข่มขู่ขอ…….สู้ตาย
..............แล้วคุณละคิดอย่างไร ??????...........
4 สิงหาคม 2552 10:15 น.
ลุงเอง
ลำนำชีวิต ชีวิต คือ?
1...ชีวิต..คือ..การเติบโต
ลองย้อนกลับไปเป็นเด็กๆน้อยที่ยังไม่รู้เรื่องราวว่าโลกเรามันก้างขนาดไหนดูสิ?
ลองตอบคำถามสิว่า...เราโตมาได้อย่างไรแล้วเอาอะไรติดตัวติดหัวใจมาด้วย
"บางคนโตมากับความรักของคนรอบข้างแต่กลับไม่รักคนรอบข้างเลย"
"บางคนโตมากับความร่ำรวยรวยแต่ไม่เคยที่คิดที่จะแบ่งปัน"
"หรือบางคนโตมากับความรุ่งเรื่องทางวัตถุจนเลยเถิดไปกับค่านิยมที่ฟุ้งเฟ้อแล้วกลายเป็นดูถูกดูแคลนความเชื่อโบราณของคนเฒ่าคนแก่"
ดังนั้นคิดกับตัวเองดูสิครับว่า.........ทุกวันที่คุณดำเนินชีวิตคุณเก็บเกี่ยวอะไรได้บ้างแล้วแบ่งปันอะไรให้กับคนรอบข้างบ้าง?..
2..ชีวิตคือ..สิ่งทีผันผ่าน ผ่านคืนวัน
....เมื่อวานคุณสามารถจำอะไรได้บ้าง...
....สิ่งที่ทำตั้งแต่เมื่อวานมันมีผลอะไรกับเราบ้างในวันนี้...
พูดง่ายๆว่าเมื่อวานคุณมีคุณค่า...วันนี้คุณย่อมมีคุณค่ามากกว่าเมื่อวาน
ถ้าเมื่อวานคุณแย่....มันก็ไม่แน่ว่าวันนี้คุณจะต้องแย่เหมือนเมื่อวาน..
คิดดูอีกที.......เค้าถึงว่ากันว่า....จงทำวันนี้ให้ดีที่สุดไม่ว่าเมื่อวานมันจะดีจะ
ร้ายอย่างไร..
...........ขอขอบคุณเจ้าของบทความนี้ ไว้ ณ โอกาสนี้
วันนี้จะต้องดีที่สุดเพราะวันนี้เราคือเป็บซี่...(เพราะว่าเรา..ดีที่สุด)
3...ชีวิตคือ...การเรียนรู้
.......ย้อนไปเมื่อตอนสมัยที่คุณเป็นนักเรียนชั้นประถม(ไม่ว่าจะที่บ้านนอกหรือบ้านใน)
คุณทราบหรือไม่ว่า.พ่อแม่ดูแลพร่ำสอนคุณอย่างไร ..คุณครูสอนอะไรไปทำไม...วันนี้คุณได้ใช้วิชาเหล่านั้นหรือยัง
ใครเป็นผู้มีพระคุณกับคุณ....ถามตัวเองดูสิว่า....ใช่คุณครูหรือไม่
ดังนั้นสิ่งที่ผมอยากจะบอกนั่นก็คือ.....
....การเรียนรู้นั้นสามารถหาได้ทุกที่ หาความรู้ไปเถิด
วันนี้เพราะความรู้ของคุณทำให้คุณได้ดี คุณอาจได้เป็นวิศวกร หมอ หรือแม้แต่เป็นนายกที่เก่งกาจกล้าหาญ
แต่อย่าลืมสิว่า..........คนเบื้องหลังที่ทำให้คุณมีวันนี้ได้ก็เพราะ.....ผู้มีพระคุณที่เคยสอนสั่งคุณนั่นเอง
...แค่อยากบอกว่า...........บุญคุณนั้นต้องทดแทน.....
4...ชีวิต...ต้องการที่พึ่งทางใจ
.....วันใดที่คุณปวดเมื่อยตัว เหนื่อยล้าจากการทำงานหนัก คุณสามารถล้มตัวลงนอนที่ไหนก็ได้ถ้าไม่แคร์สายตาประชาชน
..... แต่ถ้าวันใดที่ใจคุณอ่อนแอ...คิดร้าย...คิดเชิงลบเมื่อไรแล้วล่ะก็...คุณจะ ไม่มีที่ที่ให้พักผ่อนนอกจากคุณจะปล่อยใจแล้วให้ใจคุณพักเอง
5...ชีวิต คือ การดิ้นรน...เพื่อปากท้อง
.....หากวันนี้ท้องคุณหิวคุณจะทำยังไง?
.....ถ้าคุณไม่มีเงินแล้วหิวคุณจะทำยังไง?
คุณต่อสู้มาหนักขนาดไหนสามารถเทียบได้กับใครหรือเปล่า
วันที่คุณดิ้นรนจนสายเอ็นแทบขาด...เหนื่อยแทบตาย..แล้วยังมีใครไหมที่ดิ้นรนมากกว่าคุณ เหนื่อยจนตายไปก่อนคุณ
"จงคิดไว้เสมอว่าโลกนี้ไม่มีอะไรฟรีๆ สิ่งที่ได้มานั้น...ได้มาจากการพึ่งพาตัวเองเท่านั้น"
..6..ชีวิต...เมื่อโรยรา
......ในฐานะที่ท่านๆเป็นผู้ถ่ายภาพท่านหนึ่งเหมือนๆกัน
สังเกตไหมว่ารอยตีนกามันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ..นั่นไงที่ประสบการณ์เราสั่งสมมามาก รู้เท่าทันโลกมากยิ่งขึ้น
มองดูคนแก่เฒ่า...คิดไปว่าเมื่อก่อนคนแก่เหล่านี้เป็นยังไงบ้างหนอ..วิ่งเร็วเท่าเราไหม..เก่งกว่าเราไหม
ใช่...ถ้าเราอยู่ในยุคนั้นเราอาจจะด้วยกว่าหรือแย่กว่าท่านเหล่านั้นที่เคยผ่านชีวิตมาก่อน
วันนี้...คนเหล่านี้ล่ะที่เคยอุ้มชูเรา..สร้างนวัตกรรมเทคโนโลยีเพื่อให้เราได้สะดวกสบายจนถึงทุกวันนี้
***แล้วเราล่ะ..สามารถสร้างอะไรให้ท่านเหล่านั้นได้บ้าง...ถ้าคิดได้แล้วก็...ไปทำซะ***
7...พอมาถึงตอนนี้แล้ว...เราเริ่มชักแก่...วันที่เหลืออยู่มีอีกเท่าไร
สามารถคิดได้ไหมว่า...เวลาที่เหลืออ่ยู่เราจะสามารถสร้างสรรค์อะไรให้กับโลกบ้าง.....?
เป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ...ต้องการเพียงว่าทำได้หรือไม่ได้ทำเท่านั้น!
8...และแล้ววันนั้นก็มาถึง.......
ความไม่แน่นอนของชีวิตอะไรก็เกิดขึ้นได้
วันนี้คุณกำลังเติบโต มีหน้าที่การงานดี มีลูกเล็กที่กำลังน่ารัก มีพ่อแม่ที่คุณยังต้องตอบแทนบุญคุณ
ถามว่า....คุณอยากมีช่วงเวลาชีวิตที่มีความสุขไปนานๆหรือไม่?
ถ้าตอบว่าใช่......คุณต้องทำยังไง
......คุณต้องไม่ประมาทในเรื่องต่างๆที่อาจจะทำลายชีวิตคุณรวมถึงคนที่อยู่เบื้องหลังคุณ.....
.............และภาพนี้..เป็นต้นเหตุที่ทำให้ผมคิดว่า.................ชีวิตคืออะไร?
(ขอให้ดวงวิญญานบุคคลบนเตียงนอนในภาพนี้ไปสู่สุขคติด้วยเถิด)
9...และสุดท้าย....
อย่าลืมว่า........มีคนหนึ่งซึ่งมีชีวิตและคุณค่าเหมือนกับเราอยู่ด้วยกันบนโลกใบนี้
แต่ผู้คนที่พิการเหล่านั้นนั้นไม่สามารถเลือกเกิดมาโชคดีอย่างคุณได้....จงแลดูเขา
อย่าทอดทิ้งเขา......เพราะเขาเหล่านั้นมีเลือดสีแดงข้นเหมือนกับคุณ