27 สิงหาคม 2552 18:31 น.
ลุงเอง
* ใครจะรู้ว่าเราตายวันใหน
ใครจะรู้ที่ใดเราดับดิ้น
ใครจะรู้ชีวิตอาจปลิดปลิว
ใครจะรู้ชีพสิ้นด้วยเหตุใด
* คนที่เจ็บมานานเราเคยเยี่ยม
คนที่เจ็บยังเปี่ยมไม่ตักษัย
คนที่เจ็บมานานแม้ล่วงวัย
คนที่เจ็บยิ้มได้ไม่จากลา
* คนแข็งแรงมาดับลับสังขาร
คนแข็งแรงยังพลาดไม่บอกลา
คนแข็งแรงประมาทในชีวา
คนแข็งแรงมากหน้ามาจากจร
* ใครจะรู้วันตายหามีไม่
ใครจะรู้ภพใหม่วันชีพถอน
ใครจะรู้บุญบาปให้สังวรณ์
ใครจะรู้ก่อนนอนไม่อาจคืน
27 สิงหาคม 2552 10:40 น.
ลุงเอง
...พิธีศพของคนไทยความหมายมาก มีหลายหลากปริศนาธรรมพึงจำไว้ แต่เริ่มต้นมัดตราสังยังร่างกาย จวบสุดท้ายเผาเป็นขี้เถ้าเล่าบอกธรรม 1. มัดตราสังเป็นสามเปร...
พิธีศพของคนไทยความหมายมาก มีหลายหลากปริศนาธรรมพึงจำไว้
แต่เริ่มต้นมัดตราสังยังร่างกาย จวบสุดท้ายเผาเป็นขี้เถ้าเล่าบอกธรรม
1. มัดตราสังเป็นสามเปราะเคาะความหมาย
เมื่อวางวายมัดคอไว้ความหมายล้ำ
การผูกมัดหมายถึงบ่วงห่วงให้จำ
ที่คอนั้นบ่วงรักลูกผูกมัดใจ
มัดที่มือคือบ่วงรักภักดิ์ผัว-เมีย
เมื่อตายเสียยังห่วงหาอาทรไห้
ส่วนสมบัติและทรัพย์สินนั้นกินใจ
มัดติดไว้ที่ข้อเท้าให้เศร้าตรม
สามบ่วงนี้ผูกติดจิตติดนิสัย
เมื่อบรรรลัยนิพพานไปไม่ได้สม
ต้องเวียนว่ายในวัฏฏะสังคคม
เป็นอารมย์ที่ยึดติดจิตอุปไมย
2. ยามพระสงฆ์นั่งสวดพร้อมน้อมรับศีล
ศพไม่ได้ยินบุตรหลานก็เคาะโลงให้
แท้จริงใบ้แขกรับศีลผินประไพ
เป็นความหมายบอกผู้คนยลพระธรรม
อย่าทำตัวให้ประมาทขาดสติ
ไม่ทิฏฐิละทิ้งไปในคำสอน
หมดโอกาสได้กระทำยามม้วยมรณ์
จะอ้อนวอนเคาะโลงไงไม่ได้ฟัง
3. ยามพระสงฆ์สวดภาษาว่าบาลี
หมู่คนดีฟังไม่รู้อยู่หน้าหลัง
เข้าใจว่าพระสวดให้คนตายฟัง
อโธ่ถัง! พระสวดสอนคนตอนเป็น
หวังให้คนเอาไปใช้ปฏิบัติ
ใช้ยืนหยัดดำรงตนพ้นทุกข์เข็ญ
หากฟังแล้วไม่เข้าใจไม่จำเป็น
ขอให้เน้นสำรวมจิตคิดสิ่งดี
4. บวชหน้าไฟมักเข้าใจกันให้ผิด
ต่างก็คิด"จูงคนตาย"ไปวิถี
พ้นนรกสู่สวรรค์ชั้นที่ดี
จึงบางทีแย่งกันบวชผนวชกัน
แท้ที่จริงเป็นการลงปลงสังเวช
ถึงสาเหตุเกิดเจ็บตายไม่เหหัน
เกิดมาแล้วไม่แคล้ววายตายด้วยกัน
เพียงเท่านั้นมนุษย์นี้มีอะไร
เมื่อปลงได้ก็อยากได้หนีไปบวช
ไปผนวชหนีแสงสีโลกีย์วิสัย
ประพฤติธรรมเพื่อหลุดล้นให้พ้นไป
เพื่อจะได้สู่มรรคผลหนนิพพาน
5. การนิมนต์พระจูงศพพบแห่งเหตุ
เป็นจิตเจตให้คนคิดจิตสันนิษฐาน
ใช้พระธรรมองค์สัมมาฯมีมานาน
ดำรงการดำรงตนเป็นคนดี
ยามมีชีพดำรงตามพระธรรมสอน
ตามขั้นตอนองค์สัมมาหาวิถี
เอาคนตายให้พระนำตามวิธี
สังวรนี้ไว้สอนคนสนใจทำ
6. การเวียนศพซ้าย 3 รอบชอบความหมาย
การเวียนว่ายเกิดตายในภพสาม
มีกามภพ,รูปภพ,อรูปภพ ประสบตาม
ทุกเมื่อยามอยู่วนเวียนกรรมเกวียนกง
เมาตัณหาอุปทานการกิเลส
น่าสังเวชเป็นทุกข์ใจให้ลุ่มหลง
ไม่จบสิ้นมัวเวียนว่ายตายอยู่ยง
ต้องละหลงทวนกระแสแห่ศพเวียน
7. น้ำมะพร้าวล้างหน้าศพลบกิเลส
เป็นจิตเจตน์ความสะอาดไม่พลาดเปลี่ยน
ดั่งน้ำทิพย์อันบริสุทธิ์ดุจกระเษียร
ชำระเปลี่ยนให้จิตใจใส่ดวงธรรม
8. เผาศพแล้วเหลือขี้เถ้าเคล้าเศษอัฐิ
เขาเขี่ยคัดเถ้าไปมาน่าสอบถาม
จัดเป็นรูปร่างคนจนสวยงาม
คือหมายความกลับชาติใหม่ใช้กรรมเวร
ปริศนาธรรมคนเก่าก่อนสอนให้คิด แฝงนิมิตบอกความนัยให้คนเห็น
เป็นข้อคิดก่อเกิดธรรมความจำเป็น และฝากเน้นถึงกรรมดีที่พึงทำ.....
27 สิงหาคม 2552 10:39 น.
ลุงเอง
* ปริศนาดอกไม้หน้าหีบศพ
ที่ได้พบได้เห็นเป็นเครื่องหมาย
แสดงความอาลัยในผู้ตาย
ด้วยดอกไม้มากมายนานาพันธ์
* แสดงความกตัญญูรู้คุณท่าน
ความดีนั้นบริสุทธิ์ที่เฉิดฉันท์
ด้วยอาลัยในรักในผูกพัน
แม้กี่วันคล้อยเคื่อนมิเลือนจาง
* ชีวิตคนดุจดอกไม้หน้าหีบศพ
ที่ได้พบได้เห็นเน้นความหมาย
ชีวิตเราสวยสดพรรณราย
ดุจดอกไม้แรกแย้มตระการตา
* ต่อไม่นานก้านกลีบก็แปรเปลี่ยน
ไม่น่าชมน่าพิศให้หรรษา
เริ่มเหี่ยวเฉาล่วงหล่นตกโรยรา
อนิจจาสังขารไม่คงทน
* อุทาหรณ์สอนใจให้ได้คิด
มีกี่คนที่คิดไม้ร่วงหล่น
ไปงานศพเห็นธรรมกลับผ่านพ้น
ในตัวตนเปรียบได้ดอกไม้ทราม
20 สิงหาคม 2552 20:56 น.
ลุงเอง
ด้วยอดีตไม่คิดว่าจะบวช เป็นนักดวดตัวยงอย่าสงสัย
ทุกทุกเย็นต้องร่ำแต่เมรัย จนชื่อเสียขจรไกลจอมขี้เมา
เมาจนมีสาวสาวมาสงสาร ต่างกล่าวขานว่าลุงชั่งโง่เขลา
เหตุที่เมาด้วยรักหักอกเอา จึงพึ่งเหล้ามาเผาความตรอมใจ
ตัดสินใจพยาบาลมาสานรัก คิดปักหลักสร้างฐานชีวิตใหม่
ด้วยสัญญาว่าต่อจากนี้ไป เลิกเมรัยคิดหวังสร้างตรอบครัว
เลิกขี้เมาทำงานสร้างฐานะ ต่อนี้จะหันหลังไม่คิดหวน
ลืมอดีตกรีกใจเพื่อหน้านวล ปีครบถ้วนแต่งานสัญญาใจ
ปีสองเก้านับแต่เริ่มรักใหม่ คิดครวญใคร่เลิกงานไม่ไปใหน
เพื่อนจะว่ากล่าวขานช่างประไร แม่นั้นให้ดีใจในลูกชาย
เราสองต่างตกลปลงใจรัก กำหนดงานแน่ชัดเป็นที่หมาย
ปีสามศูนย์เดือนหกรักประกาย กำหนดหมายงานแต่งไม่ผันแปร
จวบจนปีสามศูนย์อาดูรนัก จำได้ชัดยี่สิบเอ็ดมีนาให้
ใจของลูกแทบแตกแหลกลงไป พ่อจากไกลไม่กลับดับดวงแด
ยี่สิบหกมีนาบวชให้พ่อ บอกเจ้ารอพี่สึกนะดวงแข
เพียงเจ็ดวันรักเราไม่ผันแปร อีกทั้งแม่รอวันพี่บวชเรียน
เสร็จงานศพเผาพ่อรอวันสึก สองเมษาใจนึกสุดร้อนรุ่ม
บิณฑบาตรสามวันยังว้าวุ่น งานก็รุมค้างไว้มามายเชียว
มาที่บ้านบอกโยมเพื่อลาสึก ใจระทึกเห็นแม่นั่งห่อเหนี่ยว
น้ำตาเอ่อใบหน้าดูซีดเซียว บอกว่าเพียงเสียดายบวชน้อยจัง
ดุจมีใครเอามีดมากรีกจิต ครั้งอดีตเมื่อคราวรับปากท่าน
ต้องบวชให้จนครบพรรษาผ่าน ที่แม่แศร้าเรานี้บาปประดัง
ฝืนยิ้มตอบปลอบโยมยังไม่สึก ด้วยสำนึกกตัญญูดุจขุนเขา
บวชต่อให้หนึ่งเดือนเพื่อแม่เรา ท่านยังเย้าแฟนท่านนั้นเขารอ
บอกสีกาหลวงพี่ขอเลื่อนสึก ในส่วนลึกสงสารเจ้าหวั่นไหว
ตอบเสียงเครือหลวงพี่ไม่เป็นไร ทั้งที่ใจรับรู้เจ็บปวดพอ
วัดที่อยู่อาจารย์ครั้งเด็กวัด ไม่มีใครมาจัดกุฎีหอ
บอกให้เราเป็นธุระอาจารย์รอ อยู่เพี่อขอวันสึกนึกในจินต์
บุญหรือกรรมได้ทำแต่ปางก่อน จึงได้ย้อนหาเราให้สงสัย
อาจารย์มามรณะด่วนจากไป โรคหัวใจมาพรากดวงชีวิน
เป็นพระใหม่จัดการแม่งานศพ ทั้งทายกทำตามงามถวิล
พระในวัดทุกรูปช่วยทั้งสิ้น ไร้ติฉินยกเราด้วยพร้อมใจ
ตกลงเก็บศพอาจารย์หนึ่งปี มตินี้ตกลงเอกฉันท์
ให้หลวงตารักษาการส่วนนั้น เตรียมงานเผานี่นั้นเรารับไป
ดุจดั่งน้ำท่วมปากยากจักเอ่ย สีกาเอ๋ยเจ้าจะเข้าใจใหม
รอด้วยนะหน้านวลเจ้าทรายวัย โปรดเห็นใจหลวงพี่นี้จำยอม
หนึ่งพรรษาผ่านไปใกล้งานศพ โยมแม่มาเพื่อพบพร้อมขานไข
สีกาท่านมาร้องไห้เสียใจ บอกว่าให้ท่านสึกด้วยตรมตรอม
แต่โยมแม่เห็นว่าท่านควรอยู่ ท่านก็รู้ว่างานรับผิดชอบ
ต่อเสร็จงานศพผ่านท่านจึงพร้อม เรื่องนี้ท่านต้องตัดสินใจเอง
เวลาผ่านนานเนิ่นทรมาน ด้วยสงสารเนื้อเย็นเป็นที่สุด
เราเป็นพระต้องละกิเลสหลุด บริสุทธิ์กาเมนิวรณ์เกรง
บอกสีกาขอเวลาให้งานผ่าน อย่าร้าวรานด้วยจิตคิดข่มเหง
แม้เราเป็นเนื้อคู่อย่าหวั่นเกรง บรรเลงเพลงรักรออย่าหวั่นทรวง
ณ วันหนึ่งถึงจุดที่หันเห อุปเท่เปรียบดังทางสายใหม่
เธอขึ้นมาบนกุกีเสียงดังไกล ด้วยใช้ผรุวาจาไม่หวาดกลัว
เชิญบวชไปอย่าสึกเป็นหลวงพ่อ บวชให้พออยู่ได้แม้ขาดผัว
ต่อจากนี้จะไม่มาพันพัว อย่าได้กลัวสัญญาว่าอยู่เดียว
ในใจนั้นสงสารนงคราญยิ่ง ด้วยทุกสิ่งเราเองเป็นต้นเหตุ
หรือชีวิตถึงจุดหลุดคดเคี้ยว ทางสายเดี่ยวให้เราได้เดินเที่ยว
ให้เราลดละเลิกและข้องเกี่ยว ใช่ทางเปลี่ยวแม้ว่าเดินคนเดียว
มีธรรมะชำระจุดเปลวเทียน ไม่ข้องเกี่ยวโลกียะทางโลกีย์
ผ่านพ้นเลยพรรษาสามมาได้ ทางสายใหญ่ธุดงค์ปลงทุกสิ่ง
แนวพนาป่าเขาวิเวกจริง มุ่งตรงดิ่งกัมมัฏฐานฌาณวิถี
ปฎิบัติข้อวัตรอย่างพร้อมพลี แนววิธีพุทธบุตรหลุดราคี
สิ่งได้รับอิ่มเอมชื่นฤดี สุขเปรมปรีย์ผ้ากาสาวพัสครอง
ออกจากป่ามาบ้านเยี่ยมโยมแม่ ดูท่านแก่ชราแต่ไม่ผอม
วงใบหน้าเป็นสุขไร้ทุกข์ตรอม วรรณะผ่องดุจจันทร์วันเพ็ญผ่อง
สนทนาธรรมะตามครรลอง โยมแม่น้อมเบญจศีลมิบกพร่อง
บุญสนองทางใจไร้มัวหมอง โยมแม่น้อมอนุโมทนาบุญ
จวบวันยี่สิบสองธันวามาส พระลูกชายใจแทบขาดสลาย
ปีสามเจ็ดโยมแม่ท่านละกาย สู่ที่หมายแดนพรหมสมกับคุณ
ขอกุศลที่ทำนำอุดหนุน โยมแม่มุ่งแดนสรวงรองค้ำจุน
ดาวดึงส์เป็นแดนผู้มีบุญ ด้วยพระคุณมารดาพระลูกชาย
จากวันนั้นถึงวันนี้ยี่สิบกว่า ที่เดินมาในทางธรรม์วิสัย
ปฏิบัติตามกฎพระวินัย ไม่เฉไฉให้ได้รับอับอาย
จิดตั้งมั่นปลายทางแห่งชีวิต มุ่งอุทิศสืบทอดศาสนา
แม้จะเป็นวินาที่สุดท้าย คงจะตายตาหลับไม่กลับคืน
อ่านเองลุงแทนยังขัดตาเลยเนาะ
19 สิงหาคม 2552 15:52 น.
ลุงเอง
%1% ด้วยภารหน้าที่ต้องกอบกิจ
ส่งใจคิดถึงลูกทุกคืนค่ำ
คำสัญญากับครอบครัวมิลืมคำ
ภาพความหลังยังจำมิลืมเลือน
%1% มะละกอเคยนำมาตำส้ม
เมล็ดจากผลลงหว่านภาพยังเหมือน
เมื่อวันวานติดตาไม่แชเชือน
รอกลับเรื่อนได้พบกับครอบครัว
%1% ต้นกถิ่นริมรั่วต้นงามแล้ว
กับน้ำพริกกับแกล้มชวนยิ้มหัว
กระดั่งงาเป็นซุ้มบังแดดทั่ว
นั่งยิ้มหัวสนทนาพาสุขใจ
%1% พ่อส่งใจไปให้ด้วยรักลูก
ใจพันผูกครอบครัวที่สดใส
แต่วันนี้พ่อยังไม่ได้ไป
แม้หทัยหวนคิดจิตคนึง
%21% หวังเก็นเงินเพื่ออนาคต
ลูกทั้งหมดได้ศึกษาความรู้ถึง
ไม่ลำบากเหมือนด้วยรู้ซึ้ง
การศึกษาเป้นหนึ่งพัฒนา
%1% หลับตานอนคราใดน้ำตาใหล
ด้วยว่าใจพันผูกลูกหวงหา
อีกไม่นานรอวันพ่อกลับมา
ได้พบหน้าพร้อมพรั้งสุขสมจินต์
%1% เขียนจดหมายตอบลูกน้ำตาหยด
ให้รันทดรัญจวนสุดถวิล
อีกไม่นานพ่อกลับคืนสู่ถิ่น
พร้อมยอมยิ้มรับขวัญวันครอบครัว