25 กันยายน 2552 10:28 น.
ลุงเอง
* ป๊ะเท่งป๊ะป๊ะเท่ง เท่งป๊ะ
ธัมมะต่างเลยละ บ่สน
โล๊ะทิ้งความดีผละ เมินพักตร์ กันเนาะ
ฟัดกัดลานหญ้าป่น โป๊ะเชะทรามชัวร์
* ป๊ะโทนโทนโทนป๊ะ นะแม่
แยกแยะแบ่งก๊กแท้ วรนุช
ลิ้นยาวสองแฮกแฮ่ หมาเห่า เฝ้ารุม
หมายแท้อบายหลุม ชาติชั่วจัญไร
22 กันยายน 2552 22:09 น.
ลุงเอง
* ในที่สุดก็หยุดลงตรงนี้
หาใครมีที่ดอดรอดไปได้
ทุกคนเห็นเช่นกันทุกวันไป
แต่เหตุใดใยต้องหมองใจครอง
* อคติติดตามให้ใจม่น
ดุจดั่งคนบ้าใบ้ให้เศร้าหมอง
ยึดอัตตาแน่นหนักให้ตรมตรอม
ด้วยว่าครองมิจฉาทิฏฐิตน
* จงตั้งจิตใช้สติคิดหวน
สัมปัชชัญญะล้วนมองอีกหน
อย่าให้ใจถล่ำยั้งใจตน
คิดอีกหนไม่หลงกลอบาย
* ด้วยคิดถึงซึ้งยามเรายิ้มชื่น
นึกถึงคืนและวันสรรความหมาย
ร่วมทุกข์สุขเคียงบ่าสู่บั่นปลาย
อย่าได้คลายด้วยใจที่ขุ่นมัว
16 กันยายน 2552 18:06 น.
ลุงเอง
* สัพเพสังขาราอนิจจา
อันกายเราไม่เที่ยงเปลี่ยนแปรผัน
มีเกิดขึ้นตั้งอยู่รู้ดับพลัน
อย่ายึดมั่นรู้ทันใช่ตัวตน
** สัพเพธัมมาอนัตตาติ
อย่ายึดติดให้จิตคิดสับสน
หากเป็นตัวของเราคำสั่งตน
ต้องมีผลรับคำสั่งบรรชา
*** เต เราทั้งหลายหมายมั่นถูกครอบงำ
ไม่เหลื่อมล้ำชนกรรมแดนเกิดหนา
ด้วยลผกรรมที่สร้างนั้นนำพา
สิงสู่ครรภ์มารดามาก่อการ
**** มีชรามรณะเป็นที่หมาย
ก่อนความตายมาเยือนเยี่ยมภามหา
หากใครยังยึดติดมิตรอัตตา
ต้องโศกาคร่ำครวญด้วยห่วงตน
***** ความโศกเศร้ารำพันใช่ประโยชน์
ความทุกข์โศกคร่ำครวญไม่มีผล
ด้วยความทุกข์เบื้องหน้ามีทุกตน
หนีไม่พ้นพลัดพรากจากสิ่งรัก
****** เต อัปเปวะนามิมัสสะ
เกวะลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ
อันตะกิริยา ปัญญาเยถะ
ทำไฉนให้ละกองทุกข์จริง
******* หมั่นทำกัมมัฏฐานสร้างจิตมั่น
สมาธินั้นให้จิตได้หยุดนิ่ง
ต้องต่อสู้นิวรณ์ไม่ประวิง
ให้หยุดนิ่งทุกสิ่งเป็นหนึ่งเดียว
******** ใช้ปัญญาวิปัสสนารู้ทัน
ไม่ยึดมั่นในขันธ์ใจห่อเหี่ยว
กัมมัฏฐานสี่สิบรู้หนึ่งเดียว
ไร้ข้องเกี่ยวอัตตาหานิพพาน
16 กันยายน 2552 10:07 น.
ลุงเอง
* ครั้งเมื่อพระองค์ทรงดำรงค์อยู่
ทรงเป็นครูแห่งหมู่พระสาวก
ทรงชี้นำจำแนกอย่าวิตก
พุทธพจน์รู้เหตุตามเป็นจริง
** รูปัง อะนิจจัง รูปไม่เที่ยง
อัตตาเกี่ยวแน่นหนักทุกข์ทุกสิ่ง
ในไตรลักษ์ประจักษ์อย่าประวิง
สรรพสิ่งคนสัตย์จักต้องตาย
*** เวทนา อนิจจา อย่าลุ่มหลง
สุขทุกข์ไม่คงทนอย่าโหยหา
เหตุแห่งสุขทุกข์นั้นเป็นกามา
พาตัญหามากล้นค้นความจริง
**** สัญญา อนิจจา มีเที่ยงแท้
มีผันแปรลืมหลงไม่คงนิ่ง
เหตุอดีตผ่านมาหาหยุดจริง
แม้บางสิ่งเพียงวันนั้นยังลืม
***** สังขารา อนิจจา ว่าเรื่องจิต
วิปริตวกวนจนลืมฝืน
เจตสิกพลิกผันทุกวันคืน
ไม่ยั่งยืนแปรเปลี่ยนทุกนาที
****** วิญญาณัง อนิจจัง นั้นจริงแท้
สัมผัสแลเห็นแน่แท้คงที
อายะตะนะทั้งหกหลงกลมี
ให้เรานี้ตริตรองมองด้วยธรรม
******* รูปังอนัตตา อย่ายึดมั่น
อนิจจังเที่ยงแท้มีทีใหน
ใครยึดติดจิตนั้นต้องหมองไหม้
ให้ทุกข์ใจในอบายที่หมายปอง
******** เวทนา อนัตตา หาเที่ยงแท้
ตัวเราแม้หมายยึดจึงลุ่มหลง
สุขหรือทุกข์อนัตตาหาอยู่ยง
ตรองให้ตรงปลงได้ไม่หลงทาง
********* สัญญา อนัตตาหาเที่ยงแท้
มีผันแปรหลงลืมเสียทุกอย่าง
ไม่ใช่ตัวใช่ตนรู้ปล่อยวาง
ลืมมีบ้างบางอย่างให้จำนาน
********** สังขารา อนัตตา หาหยุดนิ่ง
หากเป็นเราใช่จริงไม่ทิ้งขว้าง
คิดอย่างไรเป็นอย่างนั้นทุกอย่าง
รู้เสียบ้างใช่จริงสิ่งหลอกลวง
*********** วิญญานัง อนัตตา พาหลงจคิด
สัมผัสนิดให้จิตคิดจักหวง
อินทรีย์สิสองของกลลวง
ใครติดบ่วงอัตตาพาอบาย ฯ
16 กันยายน 2552 09:01 น.
ลุงเอง
* พระพุทธองค์ผู้ทรงบริสุทธิ์
ทรงวิมุตผู้ไกลปราศกิเลส
ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง
มิยำเกรงมารผจญด้วยพ้นภัย
** ประกาศธรรมแนะนำออกจากทุกข์
สรรพสัตย์พบสุขไร้เงื้อนไข
แสงแห่งธรรมนำทางสว่างใจ
เป็นเครื่องไกลจากกิเลสเสพนิพพาน
*** ใครสดับนำไปเพื่อปฏิบัติ
พร้อมขจัดมารกิเลสอย่างอาจหาญ
รู้กาย เวทนาจิต ธรรมนำทาง
จักประหารชาติภพให้จบลง
**** พิจารณาตามธรรมให้เห็นแจ้ง
แม้การเกิดเป็นทุกข์อย่าไหลหลง
ปฏิบัติตามมรรคอย่างครบองค์
หลุดบว่งพ้นไม่หวนในโลกีย์
***** แม้ชรามาเปลี่ยนไม่เวียนกลับ
ทุกข์โถมทับระยับสิ้นราศรี
ยึดอัตตาพาให้เศร้าโศกี
กายานี้มีแต่จะทรุดโทรม
****** ยิ่งความตายกลายใกล้ให้ทุกข์หนัก
โทมนัสติดบ่วงไห้หวนโหย
อวิชชาพาให้ใจร่วงโรย
เสียงโหยหวนครวญคร่ำไมอยากตาย
******* เฝ้ารำไรรำพันความพลัดพราก
ยังไม่อยากจากไกลในลูกหลาน
อุปาทานขันธ์ห้าเป็นตัวการ
ไม่ประหารพานพบทุกข์นิรันดร์
******** กาย เวทนา จิต ธรรม นำพินิจ
ในสติปัฏฐานการรู้ขันธ์
พิจารณาจำแนกตามหลักธรรม
รู้เท่าทันไม่หลงในโลกีย์ ฯ