31 ตุลาคม 2551 14:26 น.
ลิลิต
ไม่เขียนกลอน การเมือง เรื่องน้ำเน่า
มันเสียเปล่า ปวดหัว มั่วเห็นเห็น
วันนี้ขอ ทีเถิด เปิดประเด็น
หยิบเรื่องเด่น เป็นอาหาร น่าทานจริง
จากเมืองจีน ที่ไกลโพ้น คนรู้จัก
อาหารหลัก ยามเช้า ข้างเตาผิง
คนคิดค้น คือขงเบ้ง ช่างเก่งจริง
มีหลายไส้ หลากสิ่งอ้างอิงมา
" ซาลาเปา " นั่นไง ใครก็รู้
ขนมฟู มีคนขาย หลายสาขา
ทำก็ง่าย ขายก็คล่อง ให้ลองมา
ยีสต์ผสม ลูกกลมหนา แป้งสาลี
เอาลังถึง มานึ่งใส่ มีไส้อยู่
ทั้งไส้หมู และใส้ครีม กินอิ่มหมี
ไส้หมูแดง..ไส้ถั่วแดง...ก็แดงดี
กระดาษรอง ก็ต้องมี ทีละอัน
ซาลาเปา ขาวอวบอิ่ม นั้นเอี่ยมอ่อง
กระดาษรอง เป็นของคู่ ดูขบขัน
เป็นกระดาษ รองล่าง ช่างสำคัญ
กินเสร็จพลัน เขาก็ขว้าง แล้วล้างมือ
กระดาษเอ๋ย กระดาษรอง เป็นของข้า ฯ
อย่าทำเก่งอวดกล้ามาทำหือ
ซาลาเปา ไส้ " หมูแดง " แกร่งระบือ
แล้วกระดาษ รองนั่นหรือ...เขาคือใคร ( ช่วยตอบที )
30 ตุลาคม 2551 20:33 น.
ลิลิต
ช้ำใจ..เสียบ้าง คนอย่างฉัน
เขาเตือนกันดันทุรังมิฟังเสียง
แอบรักเขา อยากเคล้าคู่มาอยู่เคียง
จึงต้องเสี่ยงเพราะต่ำต้อยด้อยเพียงดิน
ริจะเด็ดดอกฟ้าเจ้าหมาวัด
เขาเคืองขัดถูกตำหนิคิดติฉิน
ต้องปวดร้าวร้องร่าน้ำตาริน
ธุลีดิน คิดปีนป่ายตะกายดาว
เขาร่วมเรียง เคียงประคองเข้าห้องหับ
ความซึมซับ กลับคืนสู่คู่บ่าวสาว
พอเขาดับไฟนอนลั่นกลอนกราว
ฉันก็หนาวเหน็บใจให้ตรอมตรม
เป็นคนจนหรือทนสู้ผู้รวยร่ำ
ถูกเหยียบย่ำและหยิบยื่นความขื่นขม
คำว่า"รัก"สิ้นสลายกับสายลม
เลยต้องข่มใจปวดจนซวดเซ
มองเห็นภาพบาดตาจนขาสั่น
หัวใจฉันมันกระอักเสียหักเห
เธอเข้าสู่ ประตูสวรรค์ ฉันรวนเร
ใจเร่าร้อน จึงร่อนเร่...อเวจี
28 ตุลาคม 2551 20:20 น.
ลิลิต
สภาวะโลกร้อนในตอนนี้
คือสิ่งที่มีสาเหตุทั่วเขตขัณฑ์
ธรรมชาติขาดสมดุลย์เกื้อหนุนกัน
ฤดูกาลผ่านผันนั้นเปลี่ยนไป
ป่าไม้..ถูกตัดโค่นและก่นสร้าง
ที่รกร้างถูกถางถากลากแปรไถ
คนเผาป่าล่าสัตว์สะบัดไกว
เขียวขจีที่สดใสไร้ร่องรอย
แม่น้ำ ลำคลอง หนองบึงเก่า
ก็เหม็นเน่า หมดค่า ปู ปลา หอย
โรงงาน..ควันพิษฟ่อง เห็นล่องลอย
รถยนต์ปล่อยไอเสีย เสียทุกเมือง
สภาวะโลกร้อนตายผ่อนส่ง
ผู้คนหลงเพราะโลกร้างต้องคางเหลือง
แก้ไขได้ให้มนุษย์หยุดสิ้นเปลือง
มาทำเรื่องร้ายร้ายกลายเป็นดี
ร่วมกันปลูกต้นไม้คนละต้น
จะส่งผลให้พ้นทุกข์พาสุขขี
ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมพร้อมกันที
และโลกนี้ จะสดชื่นกลับคืนมา
แต่ภาวะ.. หัวใจให้ร้อนเร่า
มีใครเล่าจะฟูมฟักช่วยรักษา
มาแลเห็นใจเป็นพิษติดตรึงตรา
คอยเพรียกหา ใครซักคน..ปลูกต้นรัก....
28 ตุลาคม 2551 14:48 น.
ลิลิต
ทั้ง ๆ ที่ ทุกคำถามเธอหยามเหยียด
ทั้งที่รู้เธอรังเกียจและเดียดฉันท์
ทั้งที่เห็นและเป็นไปใช่คู่กัน
แต่ทำไมหัวใจนั้น..จึงสั่นเทา
ทั้งที่รัก เป็นไป ไม่ได้ดอก
เธอลวงหลอกลดเลี้ยวให้เหี่ยวเฉา
ทั้งที่ถูกตราหน้าว่าหูเบา
แต่ใจเราช่างดื้อรั้นมันร้อนรน
สมองคิด เพียงแค่ ยอมแพ้พ่าย
แต่หัวใจให้สมเพชไร้เหตุผล
ช่างดื้อด้านสันดานดับ สัปดน
ถูกผลักไสให้สับสนและซมซาน
เปรียบสงครามย่ามใจยังไม่จบ
อย่าเพิ่งนับ ดับลบ ศพทหาร
หรือจะรอ ต่อไป ให้แหลกราญ
เพลิงจะผลาญ เผาไหม้ใจจะพัง
ทั้งที่รู้ว่าจะแพ้แก่เกมส์รัก
ยังจมปลักทวงถามถึงความหวัง
ใครจะห้ามอย่างไรก็ไม่ฟัง
ยากจะหยุด สุดจะยั้ง......ใจสั่งมา
28 ตุลาคม 2551 10:14 น.
ลิลิต
หนังตะลุง เป็นศิลปะควรอนุรักษ์
คนเชิดชัก เล่าเรื่องอยู่เบื้องหลัง
คนดูร้องฮาฮือปรบมือดัง
มีนายหนัง เชิดแสดงด้วยแสงเรือง
หยิบอ้ายเท่ง อ้ายทอง มาร้องบอก
หลังจากออกฤาษีจีวรเหลือง
คือหนังควาย เสียบไม้ง่าม อร่ามเรือง
เขาชักปาก ลากเรื่องให้เคืองคัน
เสียงปี่กลองร้องกลอนเร่าร้อนนัก
รูปหนังปัก เสียบต้นกล้วย ช่วยสร้างสรรค์
ให้"อ้ายทอง" ร้องตลกโกหกพลัน
สามเกลอขัน ขับขานรำคาญใจ
วางรูปหนังแลเห็นเรียงเป็นตับ
แล้วแต่นาย หนังขยับจับวางไหน
คนชักปากลากมือเขาคือใคร
คอยร่ำร่ายร้องร่าให้น่าฟัง
เชิด " อ้ายเท่ง " น้องเขยให้เอ่ยบท
คนกำหนด นั้นหรือ คือนายหนัง
เคยเขียนบท เรื่อง"โคตรโกง " จนโรงพัง
เอานายหนังที่อังกฤษ......มาติดคุก