28 พฤศจิกายน 2551 19:35 น.
ลิลิต
แค่จะเอ่ย วาจา บอกว่า " รัก "
ก็ช่างหนัก แน่นอก เหมือนยกหิน
แค่เอ่ยย้ำ คำตอบ ชอบยุพิน
ให้ได้ยิน ก็ยังยาก เสียมากมาย
แค่ได้พบ สบตา ยังขาสั่น
นัยน์ตานั้น มันลึกซึ้ง ซึ่งความหมาย
มัวอ้ำอึง อู้อี้ ทำขี้อาย
ปากตัวร้าย ใยไม่กล้า บ้าเสียจริง
ตัดสินใจ แน่แน่ว แล้ววันนี้
บอกรักแท้ แก่คนดี นี้ทุกสิ่ง
พอบอกรัก ออกไป จากใจจริง
แม่ยอดหญิง ก็ยิ้มรับ ประทับใจ
รู้อย่างนี้ บอกรักนั้น ไปนานแล้ว
เกือบทำแก้ว หลุดมือ หรือไฉน
ทำกลัวกลัว กล้ากล้า บ้าหรือไร
หมาเกือบคาบ เอาหัวใจ ไปรับประทาน
แต่ผมกลัว เธอจะหน่าย ชายคนซื่อ
คำพูดทื่อ ที่แห้งผาก ใช่ปากหวาน
ใครก็ได้ ช่วยผมด้วย...ถ้วยน้ำตาล
เพิ่มความหวาน ให้ผมหน่อย...จะคอยรอ..
25 พฤศจิกายน 2551 21:26 น.
ลิลิต
บินหลาดง หลงฝูง บินสูงลิ่ว
กางปีกฉิว ลอยละล่อง จากช่องเขา
ตะวันวาย ก็หายวับ ไปกับเงา
ใจร้อนเร่า รุนแรง ดังแสงเรือง
พวกเจ้าทิ้ง รังสิ้น ร้างถิ่นที่
เพื่อปกป้อง ให้น้องพี่ นกสีเหลือง
เขาข่มขู่ คอยเข่นฆ่า พาแค้นเคือง
มันหาเรื่อง ดื้อรั้น.. อันตราย
เลือดบินหลา มาไหลหลั่ง เมื่อครั้งหนึ่ง
นกสีเหลือง เคยซาบซึ้ง ถึงความหมาย
ร่วมต่อสู้ อย่างรู้ตัว ไม่กลัวตาย
เพราะมั่นหมาย ไล่สถุล ทุนสามานย์
ถึงร้อยฝน พันแดด ที่แผดร้อน
บินหลาร่อน ระวังหน้า ผู้กล้าหาญ
เพื่อให้นก สีเหลือง เฟื่องสำราญ
ได้ขับขาน ประสานเสียง อย่างเกรียงไกร
ถึงร้อยวัน พันคืน แม้ตื่นหลับ
จะคอยนับ วันกำหนด อันสดใส
ไม่ชนะ จะไม่ร้าง หนีห่างไกล
อย่าหวั่นไหว หวาดกลัว ช่างหัวมัน
โอ้.. เจ้านก สีเหลือง กลางเมืองใหญ่
จงมีใจ ที่กล้าแกร่ง อย่างแข็งขัน
นกบินหลา จะมาสู้ เคียงคู่กัน
จากร้อยพัน เป็นหมื่นแสน....เพื่อแผ่นดิน
24 พฤศจิกายน 2551 15:37 น.
ลิลิต
พอนับวัน แม่จันทร์เจ้า เข้าใจผิด
คอยแต่คิด หึงหวง เฝ้าห่วงหา
เรียนก็หนัก รักก็เหนื่อย กันเรื่อยมา
ต่างหมดแรง อ่อนล้า ตั้งตารอ
เงินที่ส่ง จากพ่อ...นั้นร่อแร่
เงินที่แม่ ให้ใช้สอย กลับร่อยหรอ
ค่าหน่วยกิต แต่ละครั้ง ยังไม่พอ
ไหนค่าหอ ก็คงค้าง ตั้งหลายเดือน
เมื่อแรกเริ่ม รักนั้น ช่างหวานชื่น
จะมีไหม สิ่งไหนอื่น สดชื่นเหมือน
แต่ถ้าหลง หลับไหล ไม่ย้ำเตือน
ต้องลอยเลื่อน เรียนไม่จบ ให้ซบเซา
พ่อแบกฟืน เผาป่า แลกค่าจ้าง
แม่เยื้องย่าง เหยียบเดิน บนเนินเขา
คอยเก็บยอด ผักหวาน ย่านสะเดา
แล้วก็เอา ไปขาย พอได้กิน
พ่อกับแม่ ของจันทร์เจ้า ก็เท่านี้
ทำนาไร่ มาหลายปี พอกหนี้สิน
ส่งลูกสาว เรียนร่ำ ยอมย่ำดิน
หวังถวิล ปริญญา พาหายจน
แต่บทเรียน บทสุดท้าย ของไข่นุ้ย
ได้เสื้อครุย คือสาวจันทร์ พ่อมันฉงน
รับปริญญา มาหนึ่งตัว " ไอ้วัวชน "
เถอะสองคน ไปลับมีด...หัดกรีดยาง
24 พฤศจิกายน 2551 14:05 น.
ลิลิต
ชื่อไข่นุ้ย คุยไม่เก่ง...ร้องเพลงเพราะ
วัยขบเผาะ ผิวเข้มข้นเป็นคนใต้
หนุ่มมาดเซอร์ ดูเซ่อซ่า พาขี้อาย
พ่อรับจ้าง กรีดยางขาย...ส่งควายเรียน
นั่งรถไฟชั้นสามเมื่อยามค่ำ
เพื่อตอกย้ำ ย่ำเข้ากรุงมุ่งอ่านเขียน
แม่คอยสอนพ่อเฝ้าสั่งตั้งใจเรียน
อย่าไปเพี้ยนตามเพื่อนเขา เข้ารกพง
แม่รู้จัก ท่าน สส. พ่อเส้นใหญ่
จึงฝากได้ให้เรียนรามตามประสงค์ .( อิอิ เส้นใหญ่จริง ฝากเข้ารามก็ได้)
หวังบัณฑิต นิติศาสตร์มาดซื่อตรง
จบแล้วคง ไปอวดพ่อ เป็นหมอความ
พอเรียนอยู่ ปีสอง ต้องงานเข้า
ได้พบสาว เป็นรุ่นพี่ อยู่ปีสาม
คนอะไร ก็ไม่รู้ดูงดงาม
หวิววาบหวาม หวานแหวว ช่างแพรวพราว
แต่นั้นมาวิชารักชักพาเปลี่ยน
มันเริ่มเพี้ยน เปลี่ยนใข่นุ้ย ทำคุยฉาว
วิชาเรียนก็เรืองรุ่ง ฟุ้งเรื่องราว
วิชารักก็ร้อนเร่าต่างเข้าใจ
โลกทั้งโลก ใบนี้ ช่างมีสุข
มันหายทุกข์ เศร้าสลด ต่างสดใส
จูงมือเจ้า แม่สาวจันทร์ อย่างมั่นใจ
หวังยิ่งใหญ่ ได้ถวิล....เพื่อปริญญา
21 พฤศจิกายน 2551 19:42 น.
ลิลิต
ขอเรียงถ้อย ร้อยกลอน อักษรศิลป์
ใช่ติฉิน มานินทา ว่าผู้หญิง
เอาวิชา ภูมิศาสตร์ มาพาดพิง
เปรียบทุกสิ่ง วัยหญิงนั้น..เล่ากันฟัง
วัยสิบห้า ถึงยี่สิบ..ทวีปใหญ่
แอฟริกา พาสดใส ด้วยใจหวัง
ธรรมชาติ ยังบริสุทธิ์ ประดุจดัง
มีมนต์ขลัง ช่างสำรวจ ได้ตรวจลอง
วัยยี่สิบ ถึงสามสิบ ใช่ริบหรี่
มีสิทธิ และเสรีไม่มีสอง
เหมือนอเมริกา พาสวยหรู ดูน่ามอง
ช่างแคล่วคล่อง คลอเคล้า อย่างเร้าใจ
สามสิบถึง สี่สิบห้า พาคุกรุ่น
เหมือนญี่ปุ่น และอินดีย เคลียคลอใส
ดูลุ่มลึก และงดงาม อยากตามไป
เพื่อโลมไล้ ลดเลี้ยว ได้เที่ยวชม
สี่สิบห้า ถึงหกสิบ กระซิบทราบ
เหมือนทุ่งราบ ของโซเวียต ดูเครียดขม
ดินแดนกว้าง ทางสงบ แต่ซบซม
ไร้คู่สม ไปชมเที่ยว เปล่าเปลี่ยวทรวง
หกสิบถึง เจ็ดสิบห้า พาเคืองขลาด
มหาอำนาจ กว่าชาติไหน อันใหญ่หลวง
เหมือนอังกฤษ แดนผู้ดี ไม่มีกลวง
ต้องอนุรักษ์ จักแหนหวง คอยห่วงใย
ขอเล่าจบ ..วิชาแก เพียงแค่นี้
และโทษที ถ้างุนงงยังสงสัย
สรุปบท สุดท้าย ก่อนย้ายไป
ว่าต่างวัย ..ใจ-กาย เลื่อน....ไม่เหมือนเดิม