2 เมษายน 2549 23:03 น.
ลำน้ำน่าน
กาลคิมหันต์หงส์ฟ้ามาลับหาย
ผลัดปรายโพธิ์ประดู่ฤดูสมาน
หอมหวนทฤษฎีหล้าฟ้าประทาน
อย่าปลิดปราณดวงชีวาพสกนิกร
อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
ผลิผลิตผลเกษตรสรมสลอน
หวานโลกธาตุหมื่นฟ้าวนาดร
พื้นอัมพรสยามสรรเสริญบูชา
มาประกาศกสิกรรมแก้วประคุณปราชญ์
ชาดหรคุณทฤษฎีที่ปรารถนา
ประหนึ่งพระพิรุณรุกขเทวา
จุติมาเหนือแว่นแคว้นแดนดิน
ทฤษฎีใหม่ฝ่าละอองธุลีพระบาท
อย่าแคล้วคลาดชาติหน้าถวายถวิล
หวังวักน้ำพระทัยทิพย์ดื่มกิน
รดไปสิ้นรณเกษตรล้างวัตถุนิยม
พารุณสมัยไขแสงทองต้องบ่อบึง
กระโดดผึงพล่านปลาธาราประสม
ประสานศัพท์ไก่แก้วโก่งขันระงม
อุดมพันธุ์เหนียวจ้าวข้าวเนื้อทิพย์
พริ้มพรายช่อชะพลูตำลึงเรียง
เลื้อยระเบียงเลื้อยร้านดาษดื่นดิบ
ทยอยยอดทยอยปลิวไปลิ่วลิบ
จะเครียวหยิบช่อปาริชาตมาบูชา
ธัญมณฑลทฤษฎีเก่าดั้งเดิม
เติมแต่งใหม่หวานหอมเสน่หา
หนึ่งนิมิตทิพย์บึงบางชโลมนา
สองขุนข้าวกล้าข้าวขวัญละเลงลาน
สามจัดสรรจตุรทิศทรัพยากร
แบ่งบรรจถรณ์หมอนมุ้งผืนเสื่อสาน
สี่หว่านไถไร่พืชผักตระการ
ฝั่งฝายลำธารพล่านปลาทั้งสกล
พฤษภสัตว์กงเกวียนรอยคลองไถ
เทียมแอกเอกเกรียงไกรกี่โกฏิหน
โอบอุ้มชีพอย่าอาสัญบรรพชน
ไว้บนกระดูกสันหลังขนานพสุธา
ข้าวแตกรวงได้ทอดกายปศุสัตว์
วัฒนาการจำเริญวัยเว้นพรรษา
อยู่คู่บ้านคู่เมืองโบราณมา
ธนาคารโคกระบือที่เทพประทาน
ยุ้งฉางยังข้าวเปลือกฟางฟ่อนหอม
ห้อมล้อมรุกขชาติทิพย์ผลาหาร
เปิบข้าวแดงแกงร้อนไม่ดักดาน
ไหววิญญาณแต่พออยู่พอกิน
ทฤษฎีใหม่ทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท
อย่าแคล้วคลาดชาติหน้าถวายถวิล
กว่าจะชนะวัตถุนิยมกลืนแผ่นดิน
ทนจนสิ้นทุพภิกขันดรกัปนับเทอญฯ
---------------------------------------
ฝนหลงฤดูโปรยปรายมาไสวทิศแล้ว
ยังให้ความร้อนในคิมหันตฤดูจางคลายลงไปบ้าง
ข้าพเจ้าดีใจ เมื่อฝนห่าใหญ่ได้ชุบชีวิตข้าวนาปลัง
และพืชผักทางการเกษตรหลากหลาย
วัวควายในโครงการทฤษฎีใหม่บัดนี้เริงร่า
ด้วยสายพระพิรุณเมตตาหว่านลงในแผ่นดิน
เกษตรทฤษฎีใหม่ ตามแนวพระราชดำริในหลวง
โดยมุ่งให้พสกนิกรมีความเป็นอยู่อย่าง
*พอดีและพอเพียง*
คือไม่รวยมากแต่ก็พอกินไม่อดอยาก
ทั้งนี้ด้วยการบริหารจัดการที่ดินแหล่งน้ำ
เพื่อพัฒนาชีวิตและอาชีพของเกษตรกร
โดยการแบ่งพื้นที่ออกเป็นสัดส่วน
ขุดบ่อเก็บน้ำ เลี้ยงปลา
ทำนา เพาะปลูกพืชผักไม้ผล และที่อยู่อาศัย
ไม่มีพระมหากษัตริย์องค์ใดตั้งแต่อดีต
ที่ทรงไม่รักการเกษตร ที่เป็นหัวใจแผ่นดิน
และเป็นหลักของชาติ
เหตุใดเล่า ผู้ที่อุปโลกตัวเองว่าเป็นเจ้าของประเทศ
จึงได้ทอดทิ้งการเกษตร มุ่งหาร้อนร้ายวัตถุนิยม
ในหลวงท่านคิดที่จะช่วยเหลือชาวนาพสกนิกร
ให้อยู่ได้อย่างมีความสุขตามอัตภาพ
ท่ามกลางสังคมที่เปลี่ยนแปร
พ่อว่า *การที่ลูกตักข้าวมาจนล้นจาน
แล้วก็กินไม่หมดนั้น เป็นการไม่รู้จักคำว่าพอดี
และพอเพียง ข้าวทุกเม็ดมีคุณค่า อย่ากินทิ้งกินขว้าง*
ข้าพเจ้าได้แต่นิ่งอึ้งทุกครั้งที่ได้อ่านบทความ
เกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของพระเจ้าอยู่หัว
เสียใจกับคนไทยสมัยกระแสวัตถุนิยม