3 เมษายน 2548 22:39 น.

ลำนำราชพฤกษ์ลาลาน (Crying of E-san's Flower)

ลำน้ำน่าน

ปรารถนาบุปผารัตนโกสินทร์
ยามหอมรินมนต์กวีศรีอีสาน
เหลืองละมุนอุ่นรวีดอกคลี่บาน
แต่งแต้มลานลาแล้งระแหงดิน

เกสรร่วงกาลล่วงห้วงสำนึก
ราชพฤกษ์ดอกไม้สร้อยทองศิลป์
เคยคล้องคอหน่อข้าวเหนียวเสี่ยวชาวดิน
บอกพื้นเพ...วศินถิ่นบ้านนา

ลมเดือนห้าแล้งลาที่ราบสูง
ดอกยางยูงร่วงลิ่วทิวไผ่หนา
เมื่อวันพรุ่งจะโบกไหวใบหล่นลา
แหล่ะกลีบคูนตะแบกป่าจะล้าโรย

ฤาเสียงแคนแผ่นดินสิ้นมนต์ขลัง
เมื่อนกป่านิราศรังทั้งหิวโหย
จากเสี่ยวกินเสี่ยวตายอ้ายโอดโอย
เมื่อลมร้อนอีสานโบยโชยอัตคัด

ลานสวรรค์ลานนาดูว้าเหว่
เรือนซังเซทุกข์ร้อนหนี้ผ่อนผัด
ดอกคูนหนุ่มไปรุ่งเรืองเมืองวิวัฒน์
ควายกำดัดมัดขวิดลมอยู่ซมเซา

บักเสี่ยวเอ๋ยเอ็งก็รู้ว่าปู่ย่า
แก่ชราป่วยไข้ใจหงอยเหงา
อีกหยูกยารักษาไปไม่บรรเทา
โรครุมเร้าเศร้าซึมคิดถึงเอ็ง

ทั้งโหวดหวิวพิณเดี่ยวเสี่ยวเคยเล่น
ต้องลำเค็ญอ้างว้างร้างเสียงเปล่ง
เคียวเหน็บเสาสนิทหนาวร้าวเส็งเคร็ง
ยิ่งเร้าเร็งความหมายที่ตายแล้ว

แล้งปีนี้หนักหนาฟ้าขมุกขมัว
ด้วยฝุ่นดินเปื้อนทั่วทุกทิวแถว
ลอยไปเปื้อนขอบฟ้าท้องนาแนว
วัวควายเอ็งไม่แคล้วต้องล้มตาย

ปิดตำนานลูกข้าวเหนียวบักเสี่ยวเอ๋ย
วันเวลาล่วงเลยไร้ความหมาย
เอ็งอยากมีเงินทองกองมากมาย
จุดสุดท้ายสูญเสียจิตวิญญาณ

คูนบ้านนาบานสะพรั่งพร่ำมนตรา
เถิดคืนมากล่อมบรรเลงเพลงอีสาน
รับมาลัยคล้องร้อยสร้อยดอกจาน
แหล่ขับเพลงพื้นบ้านของแผ่นดิน

เหลืองรวีฝนสีทองผองบักเสี่ยว
เจือดอกเสี้ยวบุปผารัตนโกสินทร์
คือมนต์ขลังทุ่งนาแห่งวารินฯ
สาดสายศิลป์ทิพย์เกสรสู่ม่อนเมือง

ลำนำเศร้าราชพฤกษ์ยามดึกนี้
ธารน้ำตายังไหลปรี่ตราบฟ้าเหลือง
บักเสี่ยวเอ๋ยหากอยู่ไหนไม่รุ่งเรือง
หยุดฝันเฟื่องกลับมา ณ บ้านเรา

ฝันสีทองคูนเหลืองแม้เรืองหล้า
แม้แต่ฟ้าขลิบทองก็หมองเหงา
สิ้นบักเสี่ยวเปลี่ยวใจไม่เห็นเงา
ปลาร้าเน่าปลาแดกหอมตรอมสิ้นแล้ว!

----------------------------------
เมื่อลมแล้งมาเยือน...ดอกไม้แห่งอีสานบ้านนาก็บานไสว
ดอกไม้หน้าแล้งมีความหมายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น
ทำให้ข้าพเจ้าประหวัดไปถึงดอกคูน หรือ *ราชพฤกษ์*
ดอกไม้ประจำชาติสยาม สีเหลืองทอง ผลิดอกคลุมต้นในฤดูคิมหันต์
ราวสายฝนสีทองในหน้าแล้ง ดูอัศจรรย์ที่ฝนสีทองไม่ทำให้น้ำเจิ่งนอง

เขียนบทกวีแทนใจมิ่งมิตรอีสาน ในนามบักเสี่ยวแห่งทุ่งนาและลอมฟาง
บอกเล่าเรื่องราวแห่งความประทับใจและความเศร้าในยามนี้
ลำนำราชพฤกษ์ลาลานจึงมุ่งให้มิ่งมิตรชาวอีสานผู้ทิ้งถิ่น
ได้กลับไปเยือนผืนแผ่นดินมาตุภูมิในยามสงกรานต์เทศกาล
กลับไปรับฟังปัญหาและความทุกข์ยากของผองมิตรบนที่ราบสูง
ที่บางคราวอาจจะถูกทิ้งและหลงลืมไปกับกาลเวลา
กลับไปซับน้ำตาบรรพบุรุษ และสืบทอดประเพณีอันดีงาม
เป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนความหมายแห่งวัฒนธรรมแผ่นดิน
ไม่เป็นคนหลงลืมรากเหง้าปู่ย่าตายาย อยู่สุดหรูอยู่ในเมืองวิวัฒน์
บทกวียังมุ่งให้เห็นคุณค่าของบักเสี่ยวและญาติสนิทมิตรสหาย

ตราบใดที่ดอกคูนสีทองยังบานแต่งท้องทุ่งอยู่ทุกคิมหันตฤดู
ตราบนั้นจงเชื่อมั่นว่ายังไม่อับจนหนทาง....

แด่ *บักเสี่ยว บักสิเด๋อ* แห่งสำโรงบ้านนา อุบลราชธานี
หากมีโอกาสจักกลับไปชื่นชมดอกคูนโปงลางและเสียงแคนอีกครั้ง 
*หมายมั่นสัญญา*



				
2 เมษายน 2548 00:55 น.

นาฏกรรมรวงข้าวและสาวทุ่ง (Color of Rice Field)

ลำน้ำน่าน

เมื่อน้ำหนาวรินร่ำธัญเขต
สู่มณฑลประเทศเกษตรศานต์
หยาดลงเติมห้วยหนองครรลองธาร
ณ หมู่บ้านสาลีวารีนิรันดร์

เราหลับใหลในอ้อมแขนแห่งทุ่งข้าว
ในค่ำยาวภวังค์แห่งวังฝัน
อยู่ท่ามกลางไออุ่นละมุนพรรณ
ของเลื่อมพรายรวงธัญขวัญชีวา

สุวรรณภูมิยามนี้มีความรัก
ด้วยรวงหนักดอกดวงปวงบุปผา
โอยเกสรอ่อนไหวลงไร่นา
ธาตุธาดาขวัญข้าวชาวกวิน

ตื่นมาเถิดฟ้าใกล้สางระวางทุ่ง
ดอกไม้ป่าเริ่มจรุงกรุ่นถวิล
ออกไปมุงานไถไพร่แผ่นดิน
ธรณินสูงค่าภราดาเรา

ข้าวพอเหลือเกลืออิ่มเราปริ่มแรง
ได้เจือแบ่งน้ำใจยามใครเหงา
นอกทุ่งนั่นม่านพรายเริ่มฉายเงา
ของยามเช้าอโณทัยไพรสาลี

นกละเมอเพ้อเบาเบาเฝ้าครวญคำ
กลัวเมฆฝนครืนคร่ำมาพรำหนี
จะลารวงลาฟ้าปลานที
ไปเป็นฝนไพรีคนเมืองกรุง

อุษาโยคหอมกลิ่นซิ่นผ้าฝ้าย
หอมข้าวใหม่เม็ดพรายในหวดหุง
จิบน้ำใจน้องพี่อุ่นกรุ่นน้ำปรุง
ตราบขอบฟ้าทอรุ่งทุ่งยามนี้

นาฏกรรมรวงข้าวและสาวป่า
อ้อนแสงทองอุษาผ้าทอสี
เมื่อช่อข้าวคลี่รวงรับจับรุจี
ดุจเรียวนิ้วนารีคลี่รวงรำ

เพราะอ่อนน้อมถ่อมตนสกนธ์สงวน
กลีบลำดวนนวลสาวพราวขนำ
เมื่อไก่แก้วแจ้วเสียงเรียงลำนำ
ทอดเสียงร่ำขานค่าพรหมจารี

นั่นรวงข้าวประณตน้อมค้อมจูบดิน
ใยผู้คนธานินทร์หมิ่นศักดิ์ศรี
บรรพบุรุษเราเคารพธรณี
ธริษตรีจึงเอื้อเหง้าคงเผ่าพันธุ์

แม่ศรีเรือนรวงลออข้าวรอยุ้ง
เพราะหมายมุ่งนึ่งเหนียวมาเกี่ยวขวัญ
ให้หอมงามเจิมเช้าข้าวไพรวัลย์
ถวายสงฆ์อภินันท์ปางวันพระ

นาฏกรรมรวงข้าวสาวแรกรุ่น
ดั่งบัวบุญกรุ่นแก้มแย้มกลางสระ
รมณีงามภายในใจธรรมะ
สืบตำนานอมตะกุลสตรี

น้ำหนาวร่วงรวงข้าวยิ่งหนาวสั่น
รอคืนวันเคียวเกี่ยวเรียวรวงศรี
เมื่อข้าวสุกเหลืองทองคล้องไมตรี
นาฏกรรมวันรวีจึ่งมีมนตร์

-----------------------------------
ในยามที่ต้นข้าวออกรวงเขียวเลื่อมพรรณรายห่มทุ่ง
เม็ดข้าวเต่งตึงพาให้ปลายรวงโน้มหน่วงลงสู่ดิน
สื่อนัยแห่งความอ่อนน้อมถ่อนตน คารวะพระแม่ธรณี
เป็นฉากภาพที่อบอุ่น 
และงดงามในยามต้องแสงเงินแสงทอง
ในยามที่อรุณเช้าทอแสงลงสู่ไร่เกษตรสาลี 
พลิ้วไสวอยู่ในตำบลท้องทุ่ง 
เรียบง่าย สามัคคี และสันโดษ

หลายศตวรรษแล้วที่รวงข้าวออกรวงเลี้ยงชาวโลก
นับตั้งแต่ชาวนาในประเทศญี่ปุ่นค้นพบ 
*แมกโนเลีย พืชในตระกูลข้าว
ที่เป็นบรรพบุรุษแห่งข้าวมาจนบัดนี้

ข้าพเจ้าประหวัดไปถึงสาวบ้านทุ่ง
ที่มีความงดงามตามธรรมชาติ
เป็นยอดศรีเรือนที่ควรคู่ สมสมัยในอดีต...
ข้าวเพิ่งออกรวงดั่งนวลเนื้อเพิ่งแตกสาว
ฉันใดก็ฉันนั้น

ทุกๆ  ฉากภาพแห่งวงจรชีวิตต้นข้าว
จึงกลายเป็นสิ่งที่ประทับใจ
เป็นนาฏกรรมที่มีมนตร์และงดงาม
อยู่ในจิตวิญญาญชาวนา
เป็นประสบการณ์เฉพาะที่ยากเกินอธิบายได้
เป็นอนันตคุณค่าที่เราควรถนอมไว้นิรันดร์
ก่อนที่สยามประเทศจะไม่มีทุ่งข้าวอีกต่อไป


เทพธิดาผ้าซิ่น

ว่างจากงานหว่านไถจะร้อยมาลัยใบข้าว
ห้อยคอสาวจำปา เจ้าเป็นเทพธิดา 
ของบ้านนาบ้านทุ่งนุ่งผ้าถุงไทยเดิม 
หน้าสวยด้วยแดดแรงแก้มแดงไม่แต่งเติม 
เจ้าไม่เคยเห่อเหิมเติมต่อดินสอพอง

ช่างขยันการเรือน มิแชเชือนหน้าที่สิ่งที่ดีที่ควร
เฝ้าถนอมออมอวล หอมหวลอวลลมทุ่ง
หนุ่มก็มุ่งหมายปอง ค่ำลงก็เข้าเรือน
ฟังแม่เตือนให้ไตร่ตรอง
หากมีชายหมายปองระวังเจอของเหลือเดน

แม่ดอกบัวที่อยู่ในสระ
จะบานคอยพระ หรือบานคอยเณร
ถ้าบาน คอยพี่ ไว้พรุ่งนี้ตอนเพล
คอยได้ไหมคนดี

พ่อเคยพูดหลายที คิดจะมีแม่บ้านเชื่อโบราณ ดีแล 
หากเลือกวัว ดูหางแม้นเลือกนางดูแม่
นั่นแหละแน่เข้าที  
บ้านเรือนสะอาดตา พูดจาเสนาะดี
ตำน้ำพริกทุกที เสียงตำถี่ จนทุ่งสะเทือน


				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลำน้ำน่าน
Lovings  ลำน้ำน่าน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลำน้ำน่าน
Lovings  ลำน้ำน่าน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลำน้ำน่าน
Lovings  ลำน้ำน่าน เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงลำน้ำน่าน