23 กันยายน 2547 02:15 น.
ลำน้ำน่าน
หอมเอยหอมดอกไม้ในลานรุ่ง
กลิ่นจรุงกำจายคล้ายศีลสงฆ์
หอมละมุนกรุ่นกุฎิที่แดนดง
ประกายพรึกคล้อยลงตรงฝั่งฟ้า
อุษาโยคทอแสงทุกแหล่งถิ่น
ปวงนกไพรโผบินสู่เวหา
ผกสู่ทุ่งรุ่งรางกลางมรรคา
สู่อภิญญานิรพานลานชีวิต
ภิกษุสงฆ์บวชใหม่ในพรรษา
ยึดพุทธามั่นไว้ในดวงจิต
จากย่ำค่ำรุ่งแจ้งแสงนิมิต
ตราบแสงธรรมเจิมทิศบูรพา
บริสุทธิ์น้ำค้างพร่างจากสรวง
สู่ดอกดวงไร่ฝ้ายไพรบุปผา
หยาดสู่ห้วงสายธารอนัตตา
อยู่คู่เดือนคู่ฟ้าตราบตาปี
ตื่นขึ้นรับแสงใหม่ในวันพระ
ท่ามงามเงียบสภาวะอันดิถี
เมื่อปทุมแย้มพรายสายวารี
เจิมนทีครรลองอยู่นองเนือง
แว่วบทเพลงโพธิ์แก้วเจื้อยแจ้วมา
ประสานเสียงสกุณาเมื่อฟ้าเหลือง
สายหยุดย้อยเริ่มหอมในรองเรือง
ทุกมุมเมืองท้องทุ่งเริมรุ่งรับ
ภิกษุใหม่ไหว้พระพุทธเจ้า
สวดมนต์เช้าแผ่วเบาเงาเทียนจับ
อัญเชิญแสงแห่งสงฆ์ลงประทับ
จีวรวับสบงเหลืองงามเรืองรอง
อรุณวดีคลี่แสงอาบแหล่งหล้า
สกุณาทิ้งถิ่นบินสู่หนอง
ในอุษาผ้าสงฆ์สีจีวรครอง
บิณฑบาตรตามครรลองสู่ท้องนา
พื้นอัมพรสว่างแก้วทุกแนวทาง
หน่อพุทธางค์สว่างไหวในพรรษา
เพียรไปสู่หนทางแห่งปัญญา
สู่มรรคาเงียบสงบพบนิพพาน
เมื่อแสงเช้าทอทาบอาบผ้าพุทธ
ดั่งวิสุทธิ์แสงธรรมนำสังขาร
สุดสว่างเรืองระยับจับสายธาร
ส่องจักรกาลไตรลักษณ์จับจิตใจ
ทุ่งรวงข้าวไหวช่อพอพระผ่าน
ทุกหมู่บ้านมณฑลตำบลไหน
แสงแห่งสงฆ์ส่องทางกลางเวไนย์
ส่องพระไตรฯ ปรมัตถธรรมสัจจา
ทุ่งแสงสงฆ์สามัญในวันนี้
งามหน้าที่อสังขตธรรมล้ำพรรษา
พ้นปรุงแต่งแห่งรอยอวิชชา
แท้ทุ่งแสงอภิญญาธรรมาพุทธ
-------------------------------------------
เทียนไขสีเหลืองอร่ามถูกจุดขึ้นท่ามกลางวัดป่าดงดอน
ก่อนอรุณกลางพรรษาหนึ่งในดินแดนแห่งพุทธะ...
ครั้งหนึ่งที่ข้าพเจ้าเคยเป็นพระภิกษุบวชใหม่
ในวัดป่าแห่งนั้น ทุกๆ ยามเช้าใกล้อุษาวดี
ตื่นขึ้นมาพร้อมเสียงนกกา และน้ำค้างทรงหยด
พร้อมกลิ่นหอมแห่งสายหยุดมวลบุปผาไพร
ที่กุฎิของข้าพเจ้าตั้งอยู่ใต้ร่มสายหยุด
และหมู่มวลดอกพิกุล ก่อนที่จะสวดมนต์
และห่มจีวรออกบิณฑบาตรตามธรรมยาตรา
บรรยากาศในลานรุ่งแห่งนั้น
ส่งเสริมให้มีความสงบเย็นในจิต เสียงวิหคไพร
บึงและเสียงดนตรีธรรมชาติรับอรุณนั้น
เป็นสภาวะบริสุทธิ์แห่งธรรมชาติ
ส่งเสริมให้สติปัญญาข็งแกร่ง
ธรรมชาติเดิมแท้อันไม่ปรุงแต่ง
เป็นความสงบ ว่าง ไม่มีบวก
ไม่มีลบ ไม่มีเกิด ไม่มีตาย เป็นอนัตตสภาวะ
ป็นปรมัตถสัจจะ เป็นอสังขตธรรม
เส้นทางบิณฑบาตรข้าพเจ้าผ่านทุ่งนา
อันเรียงรายด้วยข้าวรวงหมอกเหมย สายน้ำ
และดงตาลนา... เมื่อยามพระสงฆ์ห่มผ้าเหลือง
ต้องแสงแรกแห่งอรุณ ราวท้องทุ่งทั้งปวงต้องแสงสงฆ์
เหลืองงามอร่ามไปทั้งทุ่ง
ประหวัดไปถึงอานุภาพแห่งพระธรรมที่อาบหล้า
เป็นแสงสว่างให้เหล่าเวไนยสัตว์ทั่วพื้นนพดล
เพียรตระหนักดีว่า........
ชีวิตที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความสามัญ
สงบงามและเรียบง่ายเข้าใจในความจริง
และความเป็นไปในกฎธรรมชาติ
แห่งกฎไตรลักษณ์นั้นเป็นชีวิตที่ศาสดาทรงสรรเสริญ
ด้วยเหตุที่เราหนีธรรมชาติไม่พ้นฉันใดก็ฉันนั้น......
9 กันยายน 2547 02:28 น.
ลำน้ำน่าน
ปทุมมาลย์ดกดื่นแต้มผืนธาร
ต่างเพียรบานรอเวลาหาสงบ
ดวงตะวันแย้มฉายหมายรอพลบ
มีจุดจบแนบเนาบังเงาบัว
ภาพผิวน้ำสะท้อนบัวอ่อนนิ่ง
ภาพความจริงผุดคว้างกลางสลัว
ภาพปวงใดไหนอื่นจะตื่นกลัว
มาแต้มทั่วภาพสลายดอกไม้ธาร
โตแต่โคลนแตกเหง้าก้าวชีวิต
พรหมลิขิตแย้มยลชลสถาน
หยั่งรากเหง้าลึกหล่มบ่มวิญญาณ
กลางปวงซากตำนานแต่ปางใด
แล้วหน่อบรรพ์พันธุ์เจ้าก็เร้ารัด
โบกสะบัดก้านอ่อนย้อนน้ำไหล
จากอาจมตมซากจากเหงื่อไคล
จากเศษสร้อยไม้ใบใต้บาดาล
มาบานพรายแต่งน้ำเมื่อยามเช้า
ใบบังเงาร่มรื่นชื่นพุทธศานติ์
ปทุมชาติสืบบุตรพุทธาจารย์
ผลิเกสรอาทรทานภุมรา
หลายดอกบานเหนือน้ำทุกยามชัด
ดอกสงัดรอรับแสงแห่งอุษา
อีกกี่ดอกเผชิญโศกโชคชะตา
กลางปูปลาเต่าน้อยในรอยกรรม
ฉันจะเป็นเฉกเช่นดั่งบัวหลวง
ผลิดอกดวงโปรยทานไปให้อิ่มหนำ
บานส่องโลกโตรกวารีคลี่ลำนำ
โปรยดอกธรรมเรณูสู่ปวงพฤกษ์
เพื่อปทุมแสนร้อยในรอยตม
จะแหวกหล่มตื่นฟื้นขึ้นกลางดึก
ใฝ่พระธรรมรับแสงแห่งสำนึก
จากห้วงลึกมาบานคู่อยู่เบื้องบน
แปรความหมายสู่ห้วงมหรรณพ
ก่อนจุดจบโรยแรงทุกแห่งหน
เป็นดอกบัวประทับจับใจคน
สู่มรรคผลหิ้งพระรัตนไตร
เพื่อความงามแห่งสายนทีทอง
ประดับกลีบเหลืองผ่องดั่งทองไส
ภู่ผึ้งจ้อยร้อยรัดทัดธรรมใย
เกลือกบุหงารำไปแห่งดาวดึงส์
ดอกบัวพุทธแย้มสงบภพบึงหน้า
ภุมราเหล่าใดบินไปถึง
ทิพย์สุคันธ์ฉ่ำหล้าเต็มตราตรึง
รสลึกซึ้งธรรมพร่างสว่างรับ
ปทุมบานดกดื่นแต้มผืนชล
ทุกแดนดลเรืองรองทองธรรมจับ
ปณิธานปทุมชาติหยาดระยับ
พร้อมสงบรำงับกับนิพพาน
----------------------------
ในหมู่ปวงดอกไม้ทั้งมวลนั้น ข้าพเจ้าชอบดอกบัว
ด้วยเป็นดอกไม้ที่เกิดแต่ตม หากแต่งดงามด้วยดอกที่สงบงาม
ยามใดที่ได้มอง รู้สึกสงบและรำงับ ด้วยกลิ่นอายแห่งพุทธศาสนา
องค์พระศาสดาให้ดอกบัวเป็นดอกไม้ตัวแทนแห่งสรรพสัตว์สี่เหล่า
เปรียบเปรยไว้อย่างน่ามหัศจรรย์.. ในกาลก่อนสมัยพุทธกาล
แม้นในสมัยนี้ก็ พุทธพจน์นี้ก็ยังใช้ได้ดีอยู่..
ในยามค่ำคืนนี้ที่ดอกบัวหลวงบูชาอยู่หน้าพระบนหิ้ง
ปณิธานกวีก็แย้มพราย บอกเล่าเรื่องราวแห่งความสามัญ
สงบ และรำงับ อยู่ภายใต้กฎธรรมชาติ
กฎนิรันดร์ที่อยู่เหนือกฎทั้งปวง
พรุ่งนี้ดวงดอกบัวหน้าพระคงจะโรยรา...
หากแต่โรยราไปอย่างสง่างาม เรียบง่าย แต่ทว่าเป็นสุข