13 พฤษภาคม 2547 02:18 น.
ลำน้ำน่าน
พรมธารายามอรุณด้วยกรุ่นกลิ่น
อาบผืนดินด้วยเกสรละอองป่า
หยาดน้ำค้างพร่างสายพรายดารา
ภาวนาอยู่ระวางวิมานพฤกษ์
ดุจริมฝั่งสายธารนิมานรดี
เมทินีสว่างสรวงแม้นห้วงดึก
รับบรรเลงมนต์ธรรมอันล้ำลึก
ผลผลึกอภิญญาณ-ฌานภิญโญ
เมื่ออาทิตย์อุทัยแรกแตกดอกวับ
พร้อมบทเพลงวิหคขับจับกิ่งโผ
บัลลังก์อาสน์ใต้ร่มบรมโพธิ์
มนต์พุทธโทแว่วผ่านวิมานไพร
ทิวาวันวิสาขปุณณมี
มะลุลีผลิรับจากหลับใหล
หยดน้ำค้างหยาดเย็นค่อยเป็นไป
ว่อนไหวเหล่ารุกขชาติดาษอัมพร
ริมธารธรรมสายน้ำยามรุ่งเช้า
ใต้ร่มเงาวนาวัลย์บรรจถรณ์
โพธิสัตว์แสงประทับจับจีวร
พนันดรก็บรรสารทุกธารพราย
มธุปายาสข้าวทิพย์วิจิตรสรร
กรุ่นสุคันธ์สุชาดามาถวาย
เครื่องพลีกรรมอวลกลิ่นมิสิ้นวาย
โลกบาลร่วมเรียงรายรับพิธี
รัตนบัลลังก์นั่งภาวนา
เมื่อทิพย์ทองส่องหล้าพระโพธิ์ศรี
ทินกรร่อนเริงเวิ้งวารี
บารมีคลี่อาบทาบไพรวัลย์
สัตยาอธิษฐานลงธารน้ำ
อรุณยามฤกษ์ล่วงดั่งสรวงสรรค์
ถาดทองทวนลอยย้อยสาครครัน
ทวนกระแสเนรัญฯ เป็นมรรคา
ปฐมยามราตรีค่อยหรี่ล่วง
ยามโสมสรวงเสวยแสงแหล่งเวหา
สมาบัติสำเร็จแจ้งแห่งวิญญาญ์
ซึ่งปุพเพนิวาสา-นุสสติญาณ
มัชฌิมกาลล่วงผ่านทวารสอง
องค์สัมมาลุครรลองจักษุสาส์น
นิรมิตทิพย-จักขุญาณ
สรรพสัตว์เพรงกาลมาวางวาย
ปัจฉิมยามกาลสมัยใกล้รุ่งฤทธิ์
หยั่งพินิจปัจจยาการมินานหมาย
อริยสัจรู้แจ้งสำแดงกาย
คลายซึ่งปฏิจจสมุปบาทอวิชชา
เมื่อแสงทองทอรับจับระบัด
โพธิสัตว์สดับแจ้งแรงตัญหา
ตรัสรู้ลุพระสัพพัญญุตา
ดับสูญสิ้นกิเลสกล้าอัตตามาร
มหัศจรรย์อุบัติซ้องมรรคผล
หมื่นปฐพีดลลั่นธาตุปราชญ์สถาน
ทศพลเปล่งสีหนาทปฐมทาน
ใต้ร่มโพธิญาณอุรุเวฬาฯ
ทิพย์ดนตรีบรรเลงเพลงอภิวาท
เอนกชาติสังสารังองค์คาถา
สัปบุรุษตรัสรู้แล้วแก้วสัมมาฯ
พุทธธาดาโลกนาถทุกชาติภพ
----------------------------------
ยามเช้าที่ดอกไม้ป่าบานสะพรั่ง
ณ ริมฝั่งน้ำเนรัญชราฯ อุรุเวฬาเสนานิคม
ไม่มีสรรพสิ่งไหนจะเงียบงามเท่ากับภิกษุนั่งบำเพ็ญภาวนา
สงบอยู่ท่ามกลางธรรมชาติภายในและภายนอก
ในยามที่จิตประภัสสรนั้นย่อมได้มาซึ่งปัญญาญาณ
พระจันทร์ครึ่งเสี้ยวไม่แจ่มฟ้า วิสาขาบูชากำลังจะมาถึง
ทำให้ข้าพเจ้านึกประหวัดไปถึงบรรยากาศริมฝั่งน้ำเนรัญชรา
ณ ตำบลอุรุเวฬาเสนานิคม ดินแดนพุทธคยา ครั้งสมัยพุทธกาล
พร้อมกับบทเพลงบรรเลงดนตรีสายธารธรรม อุรุเวฬาเสนานิคม
มหาอุบาสิกานามสุชาดา และเพลงบรรเลงพระโพธ์แก้ว
กำลังบรรเลงในยามนี้อย่างเงียบลึกในห้วงใจ
การเดินทางของใจที่เที่ยงแท้เยี่ยงดวงหทัยขององค์พระสัมมาฯ
ตั้งแต่บำเพ็ญเพียรภาวนา ณ รัตนบัลลังก์ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์
จวบจนลุวิสาขปุณณมีกาล
มหาอุบาสิกานามสุชาได้นำข้าวมธุปายาสถวาย ทรงอธิฐานลอยถอดทอง
ลงห้วงน้ำเนรัญชรา ผจญหมู่มาร ตลอดจนตรัสรู้เป็นพระโพธิสัตว์
ความตอนหนึ่งในพุทธประวัติบรรยาย ณ เวลาตรัสรู้ในยามรุ่งอรุณไว้ว่า
"ในขณะนั้น ก็พอเป็นเวลาที่แสงทองแห่งอรุณทอแสงขึ้นจับขอบฟ้า
พระบรมโพธิสัตว์ก็ตรัสรู้พระสัพพัญญุตญาณ ดับสูญสิ้นกิเลสาสวะ
เป็นสมุจเฉทปหาน พร้อมด้วยความมหัศจรรย์ หมื่นโลกธาตุบันลือลั่น
ด้วยการหวั่นไหวแห่งปฐพีดล พระทศพลจึงเปล่งสีหนาทเป็นปฐมอุทาน
เยาะเย้ยตัณหาด้วยพระคาถาว่า อเนกชาติสํสารํ.."
การตรัสรู้เป็นพระโพธิสัตว์บ่งนำถึงการตั้งมั่นของดวงหทัยที่เที่ยงแท้
ตลอดการบำเพ็ญเพียรภาวนา
-------------------------------------------------
ลำน้ำน่าน บุรุษแห่งสายน้ำนิรันดร์
รจนาบูชาในวันเพ็ญ ขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๖