18 พฤษภาคม 2546 00:35 น.
ลำน้ำน่าน
ด้วยสัญญาญแว่วมาหน้าเกี่ยวแล้ว
พิกุลแก้วดอกจานบานพราวต้น
หวลลมริ้วทิวทุ่งกรุ่นโคลนตม
เป็นตัวตนท้องนากับฟ้าคราม
ม่วงพุ่มหนาแตกดอกขึ้นคลุมต้น
สีขาวหม่นลมร่าฟ้าเดือนสาม
ทุ่งรองทองกองข้าวกลางนาลาน
ตะแบกบานพราวพรายลายละคน
สัญญาใจเคยให้ไว้ในครั้งก่อน
รักเว้าวอนใต้ตะแบกแรกลมฝน
หนุ่มท้องนาสาวบ้านป่าสัญญาคน
อธิษฐานดลใจภักดิ์รักแรกบาน
นี่ก็สิ้นหน้าหนาวเข้าหน้าแล้ง
หรือจะแกล้งให้รอกับรวงฝัน
นาคนอื่นระรื่นรักผลัดเกี่ยวกัน
จนตะวันลาลับนกจับคอน
แสงจันทร์เศร้าน้ำฟ้าพร่าพรายพราว
กับใจร้าวน้ำตาร่วงลงอาบหมอน
ยินหรีดหริ่งระงมทุ่งยิ่งรานรอญ
ด้วยอาวรณ์สัญญาหนุ่มนาไกล
เดือนดาวลับทับทิวริ้วรวงข้าว..
หัวอกสาวระทมหนักรักสลาย
ตะแบกภักดิ์รักร่วงจากบ่วงใบ
แรมร้างไปนานนับ..ไม่กลับมา
..........................
สาวนางหนึ่ง หลงใหลในงามดอกตะแบก ที่ลำน้ำน่านเคยสัญญาไว้คราเห็นดอกตะแบกบานตั้งแต่เดือนสามหน้านา จนบัดนี้ดอกตะแบกบางต้นโรยราลงแล้ว สัญญาที่เคยให้ไว้ครั้งกระโน่นยังคงกรุ่น ฝากใจรักกับดอกตะแบก ในวันนี้ที่รักแปรเปลี่ยนโรยราลงพร้อมกับคำสัญญาของใครบางคน....
ให้ สีน้ำฟ้า..
อาจจะรานร้าวด้วยแทนใจด้วยรักสลาย ชีวิตจริงๆ แล้วไม่อยากให้เป็นอย่างสาวนาในบทกวี.....แต่กลับตรงข้ามเป็นเห็นตะแบกดั่งแรกรัก คงจะงามไม่น้อย......ด้วยรักในหมู่มิตรเช่นเคยมาครับ
16 พฤษภาคม 2546 23:09 น.
ลำน้ำน่าน
ลำโขงไหลท่วมท้น..........ใจนาง
ฮักบ่จืดจรจาง................จากเจ้า
เสียงแคนแว่วบ่วาง........วอนเว้า คำชม
ม่วนซื่นเสียงพิณเคล้า.....คึดฮอด พรอดคำ
ลำน้ำแสนงามล้ำ
แคนลำนำพลันคึดฮอด
ริมโขงประคองกอด
ภิรมย์พรอดดอกฮักบาน
แล่นแตร..แล้แล่นแตร
ฟังฟังแน่เสียงพิณพาน
วอนเว้าเจ้าขับขาน
หมอลำลานเซิ้งลาวไทย
มนต์เพลงแซมเสียบทรวง
น้ำตาร่วงจรจากไป
โอ้ฮักไปอยู่ไส
สิหอบใจไปวอนคำ
สายงามลำน้ำเอย
ก่อนนี้เคยมาพรอดพร้ำ
โขงงามยามสายัญ
เบิ่งทุกวันบ่จืดจาง
สาวลาวฮักอ้ายไทย
จับจิตไผใช่แรมร้าง
สวยล้ำฉ่ำพระบาง
เอื้อนเอ่ยพรางบ่คลางแคลน
เย็นย่ำอ้ายลำกลอน
ฮักขจรน้องรำแพน
เปรียบไหนบ่งามแสน
มนต์ดินแดนสองสัมพันธ์
กลับมาเถอะสาวงาม
อ้ายติดตามทั่วเขตขันธ์
สองฝั่งเบิ่งตะวัน
โขงลำนำร่ายมนต์ตรา
ภูตไพรในลำน้ำ
เป็นพยานให้ฮักข้า
โอ้ฮักเคยโรยรา
ดลคืนมาอย่าด่วนจาง
วอนคำร่ำกลอนครวญ
คลอพิณจวนอุษาสาง
เสียงแคนแม่นเสียงนาง
อุ่นแนบข้างบ่ร้างลา
อยู่ไสหนอสาวเจ้า
อ้ายมาเว้าคอยเจ้ามา
สมภักดิ์ฮักของข้า
ก่อนเอื้องฟ้าจะราโรยฯ
.....................................
แล่นแตร..แล่นแตร..แตตุ่แลตุแล่นแตร......
ฟังฟังแน่เพลงแคนลำโขง...ต้องโตดต่งเสียงพิณเคล้าแคน...
ตะแลแล่นแตร........โอ้ลำโขงเอยก่อนนี้เคยมาพรอดพร้ำ..
โขงงามยามสายัญเบิ่งทุกวันบ่มีเบื่อลา..
เบิ่งขอบฟ้าบ่มีจืดจาง เพลงแคนอ้ายเว้า กล่อมฮักเราจนรุ่งสาง..
เสียงแคนม่วนบ่วางกล่อมเรียกนางมาริมฝั่งโขง..
เชื่อมฮักโยงให้มีเยื่อใย...
มาตะละบำนี่หนอ.. ข้อยนี้รออ้ายอยู่ไส..
เสียงแคนอ้ายจากไปปวดหัวใจตะละนางเฝ้ารอ.. บ่ได้ท้อนะอ้ายเอย
แคนลำโขงเอย..ข้าน้อยรอคอยชื่นเชย
โอ้แคนลำโขงเอย จะลับเลยบ่หันกลับมา
ดอกเฟื่องฟ้ากำลังร่วงโรย........
......................
วันที่ ๑๔ พ.ค. ที่ผ่านได้มีโอกาสไปทำบุญวัญเกิดที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดสุรินทร์ ถือโอกาสไปร่วมประเพณีบวชของเพื่อนที่นั่นด้วย ได้ชมวัฒนธรรมอันยิ่งใหญ่ และก่อนกลับได้เที่ยวชมลำน้ำโขงแม่น้ำของแผ่นดิน เสียงแคนเคล้าเสียงพิณ ชวนประหวัดถึงบทกวีทีราชิการเคยนำมาแทนใจไว้ เก็บบรรยากาศรักร้าวริมโขงเสียงพิณเคล้าแคนมาให้หวาดหวั่นหัวใจ......ก็ด้วยรักไม่เคยเปลี่ยนแปลง
16 พฤษภาคม 2546 22:52 น.
ลำน้ำน่าน
ฝากรัก...ริมโขง...........ราชิกา
น้ำโขงไหลหลั่งล้น ธารา
ด้วยรักจักต้องมา ปกป้อง
คิดถึงจึ่งโหยหา วานบอก เจ้าเอย
ดวงจิตนี้พี่ข้อง เกี่ยวแท้แม่นาง.....ฯ
โขงเอยไหลเลยล่องไป สู่ท้องธารใส
หัวใจข้าร้องร่ำหา
โขงเอยไหลเลยพัดพา นำรักของข้า
ช่วยฝ่าคลื่นลมเรรวน
โขงเอยไหลเลยไม่ทวน หวานเพลงแว่วครวญ
สู่ดินถิ่นแดนแสนไกล
เว้าวอนอ้อนสาวฝั่งไทย หนุ่มลาวสดใส
ฝากใจอ้อนคำรำพัน
แม้นคนละฟากฝั่งกัน คิดถึงจอมขวัญ
ผูกพันด้วยรักแก้วตา
คิดถึงพี่จึ่งได้มา วอนน้องคอยท่า
อย่าราแรมร้างจางไกล
โขงเอยเจ้าจงเป็นใจ นำรักข้าไซร้
มอบให้นวลน้องชื่นบาน
โขงเอยจงเป็นพยาน ขอรักยืนนาน
พบพานคู่กันตลอดไป
อย่าได้มีความทุกข์ใจ หนุ่มลาวสาวไทย
มั่นในรักแท้แน่นอน......ฯ
ความรักไม่มีสิ่งใดขวางกั้นได้...แม้จะอยู่แสนไกลก็ตาม...หนุ่มลาว...สาวไทย.
........................................
มนต์รักริมน้ำโขง........ลำน้ำน่าน
ลำโขงไหลท่วมท้น ใจนาง
ฮักบ่จืดจรจาง จากเจ้า
เสียงแคนแว่วบ่วาง วอนเว้า คำชม
ม่วนซื่นเสียงพิณเคล้า คึดฮอด พรอดคำ
ลำน้ำแสนงามล้ำ
แคนลำนำพลันคึดฮอด
ริมโขงประคองกอด
ภิรมย์พรอดดอกฮักบาน
แล่นแตร..แล้แล่นแตร
ฟังฟังแน่เสียงพิณพาน
วอนเว้าเจ้าขับขาน
หมอลำลานเซิ้งลาวไทย
มนต์เพลงแซมเสียบทรวง
น้ำตาร่วงจรจากไป
โอ้ฮักไปอยู่ไส
สิหอบใจไปวอนคำ
สายงามลำน้ำเอย
ก่อนนี้เคยมาพรอดพร้ำ
โขงงามยามสายัญ
เบิ่งทุกวันบ่จืดจาง
สาวลาวฮักอ้ายไทย
จับจิตไผใช่แรมร้าง
สวยล้ำฉ่ำพระบาง
เอื้อนเอ่ยพรางบ่คลางแคลน
เย็นย่ำอ้ายลำกลอน
ฮักขจรน้องรำแพน
เปรียบไหนบ่งามแสน
มนต์ดินแดนสองสัมพันธ์
กลับมาเถอะสาวงาม
อ้ายติดตามทั่วเขตขันธ์
สองฝั่งเบิ่งตะวัน
โขงลำนำร่ายมนต์ตรา
ภูตไพรในลำน้ำ
เป็นพยานให้ฮักข้า
โอ้ฮักเคยโรยรา
ดลคืนมาอย่าด่วนจาง
วอนคำร่ำกลอนครวญ
คลอพิณจวนอุษาสาง
เสียงแคนแม่นเสียงนาง
อุ่นแนบข้างบ่ร้างลา
อยู่ไสหนอสาวเจ้า
อ้ายมาเว้าคอยเจ้ามา
สมภักดิ์ฮักของข้า
ก่อนเฟื้องฟ้าจะราโรยฯ
.....................................
แล่นแตร..แล่นแตร..แตตุ่แลตุแล่นแตร......
ฟังฟังแน่เพลงแคนลำโขง...ต้องโตดต่งเสียงพิณเคล้าแคน...
ตะแลแล่นแตร........โอ้ลำโขงเอยก่อนนี้เคยมาพรอดพร้ำ..
โขงงามยามสายัญเบิ่งทุกวันบ่มีเบื่อลา..
เบิ่งขอบฟ้าบ่มีจืดจาง เพลงแคนอ้ายเว้า กล่อมฮักเราจนรุ่งสาง..
เสียงแคนม่วนบ่วางกล่อมเรียกนางมาริมฝั่งโขง..
เชื่อมฮักโยงให้มีเยื่อใย...
มาตะละบำนี่หนอ.. ข้อยนี้รออ้ายอยู่ไส..
เสียงแคนอ้ายจากไปปวดหัวใจตะละนางเฝ้ารอ.. บ่ได้ท้อนะอ้ายเอย
แคนลำโขงเอย..ข้าน้อยรอคอยชื่นเชย
โอ้แคนลำโขงเอย จะลับเลยบ่หันกลับมา
ดอกเฟื่องฟ้ากำลังร่วงโรย........
......................
วันที่ ๑๔ พ.ค. ที่ผ่านได้มีโอกาสไปทำบุญวัญเกิดที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดสุรินทร์ ถือโอกาสไปร่วมประเพณีบวชของเพื่อนที่นั่นด้วย ได้ชมวัฒนธรรมอันยิ่งใหญ่ และก่อนกลับได้เที่ยวชมลำน้ำโขงแม่น้ำของแผ่นดิน เสียงแคนเคล้าเสียงพิณ ชวนประหวัดถึงบทกวีทีราชิการเคยนำมาแทนใจไว้ เก็บบรรยากาศรักร้าวริมโขงเสียงพิณเคล้าแคนมาให้หวาดหวั่นหัวใจ......ก็ด้วยรักไม่เคยเปลี่ยนแปลง
14 พฤษภาคม 2546 16:59 น.
ลำน้ำน่าน
หนุ่มนาเนื้อหอมพุดพัดชา
ฝากลั่นทมระทมท้อพ้อคิดถึง
ฝากใจซึ้งคิดถึงใครที่ไหนหนอ
ฝากดาวสวยกล้วยไม้หอมละออ
ฝากการะเวกพ้อรอคนดีที่ลับลา..
เป็นหนุ่มนาเนื้อหอมถนอมนุช
ใจพิสุทธิ์เสกสรรค์ฝันเยือนหล้า
เป็นลำน้ำน่านสวยใสใจเมตตา
เป็นธาราพารินร่ำฉ่ำหวานใจ..
เป็นดอกไม้ประดับใจไทยโพเอม
เป็นดอกเข็มสีขาวพราวไสว
เป็นคนดีที่น่ารักพักพิงใจ
เป็นตะวันกลางใจยามมืดมน
กลับมารจนานะน้องรัก
มาทายทักทุกดวงใจไม่หมองหม่น
มาปลอบขวัญวันรานร้าวเศร้ากมล
มาเป็นคนแสนดีที่เติมใจในโลกงาม..
หนุ่มนาเนื้อหอมมอบชะลอมหอมดอกพุด..........ลำน้ำน่าน
สุริยันจันทราบนฟ้างาม
หอบคำถามจากใครคนไหนหนอ
รำพันรักปักใจให้เฝ้ารอ
บนทางท้อมวลไม้ร่ายกลีบลง
ได้ประโลมความหวานคำคิดถึง
พุดรำพึงบทประพันธ์พลันไหลหลง
กับดอกไม้ที่กรายกลีบในป่าดง
เป็นคำชมอ้อนใจให้กลับคืน
ลำน้ำน่านคืนนามาอิงแอบ
ยามฝนแรกโปรยปรายใช่จะฝืน
มอบชะลอมหอมดอกพุดดุจกลางคืน
มอบใจคืนไทยโพเอ็มเช่นเคยมา
รจนากลอนฝันบรรเลงรัก
งามพร้อมพรักมวลมิตรจิตหรรษา
ทักทายมิตรทุกจิตที่เมตตา
ทั้งหนุ่มนาทั้งดอกฟ้า..ดอกพุด..ดอกดวงใจ.บานไปพร้อมๆ กัน
.........................
เพิ่งจะเกี่ยวเก็บไปไม่นานฝนเดือนหกเริ่มโปรย จะเข้าหน้านาหว่านไถอีกแล้วหรือ เพิ่งจะเสร็จจากรวงข้าวหล่นไม่นานเอง เด็ดดอกไม้ใส่ชะลอม มอกทุกหัวใจ ด้วยคำว่าว่า รักและคิดถึงนะครับ
14 พฤษภาคม 2546 15:40 น.
ลำน้ำน่าน
แว่วเสียงเพรียกจากใจในไพรลึก
ในยามดึกเพลงเหงาเงาความฝัน
เอื้อนเอ่ยถามความในใต้เงาจันทร์
จดจำนรรจ์น้ำตาพร่าพรายพราว
ความใฝ่ฝันเดินทางกาลเวลา
ปรารถนาอุ่นไอใต้ฟ้าหนาว
ยามนินทราฝันถึงใครในเงาดาว
เมื่อฟ้าพราวจะรอนร้าวอีกหรือไร
จันทร์กระจ่างกลางฟ้าสัญญาดับ
ช้ำแจ่มชัดรักสลายคลายสงสัย
หลงคอยดาวระยิบพร่างบนทางใจ
เดือนดวงใดเด่นด้าวจะก้าวมา
อธิษฐานฝากมากับฟ้าสาง
ฝันเดินทางรอวันรุ่งกรุ่นอุษา
อ้างแรมร้างอยู่เดี่ยวเปลี่ยวอุรา
มองนภาแล้วหลับตาเห็นฟ้าโพลน
จะเนิ่นนานอีกไหมใคร่อยากรู้
เห็นเดือนคู่ดาวปลั่งดั่งแดงโฉน
ปล่อยรักร้างคว้างไปให้เชยโชน
อาบฟ้าโพลนแล้วซ่อนร้าว...ไว้พราวพราย
..............................
มองดาวเด่นในคืนหนาวกายหนาวใจ...บ่อยครั้งที่รู้สึกอ้างว่างบนทางเปลี่ยว จุดหมายของชีวิตที่ลิขิตไว้...ยอมรับกับใจที่รานร้าว กับความหมายของหัวใจทีได้พานพบ สัญญาไว้จะปล่อยใจให้ว่างเปล่า.....ซ่อนความร้าวไว้ในเงาดาวที่พราวพราย...สุดแล้วแต่ดวงตาคู่ใดจะเห็นเช่น...ความจริง
กลับมาด้วยรักและคิดถึงทุกดวงใจไทยโพเอ็ม....ในวันนี้ที่ได้เรียนรู้ว่า..ความ.คิดถึงเดินผ่านแสงดาวและฟากฟ้าหนาว....อยู่เป็นนิรันดร์.. ได้รับบ้างไหมหนอดวงใจ..