25 กันยายน 2546 00:59 น.
ลำน้ำน่าน
กาลเวลาเดินทางไม่ถามทัก
ทุกข์เบาหนักร้อนเย็นเห็นเสมอ
มองหาฝั่งเร้นลับกลับไม่เจอ
หรือละเมอเพ้อไปไม่ทันคิด
เห็นแผ่นน้ำเบื้องฟ้าไกลนัก
ยามหน่วงหนักทิ้งฝนพรมตามติด
ภาพสะท้อนอายดินกลิ่นชีวิต
แม้นน้อยนิดติดอยู่คู่หายใจ
เคยไต่ถามความจริงสิ่งรายรอบ
ไร้คำตอบไม่รู้หลงอยู่ไหน
เค้นสำนึกลึกตื้นฟื้นความใน
พอจำได้น้ำตารินบ่าท้น
ภาพแผ่นดินเกาะน้อยร้อยพันหาด
บรรจงวาดผุดตื่นคืนอีกหน
ทุกรอยย่างยากไร้ในผู้คน
ตัดสินใจดั้นด้นทิ้งบ้านมา
เรื่อเก่าคร่ำนำทางกลางเกรียวคลื่น
แผ่นดินอื่นจุดหมายได้เสาะหา
ท้องทะเลอ้อนวอนย้อนถามมา
จากไปหาความจริงกับสิ่งใด
ธารน้ำตาหลั่งรินไม่สิ้นสาย
หากไม่ตายจักทิ้งแผ่นดินใหญ่
จะเกี่ยวเก็บวิชาการนานเพียงใด
มากำนัลมอบให้ไพรพะงัน
จากแผ่นดินแผ่นน้ำข้ามพิภพ
พบจุดจบยากยิ่งในสิ่งฝัน
สำเร็จแล้ววิทยาท้าตามทัน
กลับเงียบงันเดียวดายตายทั้งเป็น
กลางเมืองทรามต่ำต้อยเต็มรอยโลกย์
ความเศร้าโศกแฝงเงาเรารู้เห็น
กระแสเงินบ่าจมถมรำเค็ญ
ผ่านพอเป็นพิธีหนี้ท่วมตัว
ปลาผิดน้ำครวญคร่ำลำธารเก่า
ทิวขุนเขาท้องน้ำยามฟ้าหลัว
จึงว่ายกลับฝ่าดั้นไม่หวั่นกลัว
จิตท่องทั่วค้นพบจบฝั่งลวง
เสียดายนักเวลากับอาจม
หลงโง่งมถมปลักหลักเหมืองหลวง
หวังออกไปท้ายท้าชะตาดวง
น้ำตาร่วงรดฟ้าอยู่อาจินต์
ระลอกคลื่นซัดฝั่งนิ่งฟังนาน
จิตวิญญาณชัดมีนทีสินธุ์
ท้องทะเลเปล่งปลั่งดั่งเพชรนิล
ขุดไม่สิ้นถมไม่ตื้นจึงคืนมา
กาลเวลาเดินทางไม่ถามทัก
ได้ตระหนักหลายสิ่งยิ่งค้นหา
จากผืนดินจรดน้ำกาลเวลา
เพียงละเมอมายาหาใช่จริง
10 กันยายน 2546 19:08 น.
ลำน้ำน่าน
กล่องหนังสือข้ามฟ้าส่งมาปลอบ
นำมามอบให้ด้วยรักกับความหวัง
ก่อนสำเนียงเสียงใดจะไหวดัง
ทรุดลงนั่งน้ำตาพร่าไปแล้ว
เห็นหนังสือเล่มงามมีความชัด
สงบงัดแน่นิ่งดุจหิ้งแถว
บ้านภายในเงาภายนอกตลอดแนว
หยิบอ่านแล้วหลับตาฟ้าแคบลง
ภาพดวงหน้าปรากฏบนปกหลัง
กฎจีรังชัดแล้วแนวประสงค์
เงียบสะท้อนเงาความจริงยิ่งดำรง
เห็นทางตรงทอดรับจับแววตา
ค่อยค่อยจับค่อยค่อยวางอย่างรู้รัก
เห็นประจักษ์ทางลัดตัดผ่านหน้า
พลังเงียบคุกรุ่นอุ่นขึ้นมา
เปิดดวงตาที่ปิดร้างมานานวัน
เพียงอักษรจารไว้ให้ซาบซึ้ง
แนวคำนึงถึงแล้วแนวทางฝัน
เค้นสำเนียงเสียงใจไปทันควัน
ไม่มีขวัญไม่มีคำสะท้อนมา
เงียบสะท้านภาพเบื้องหน้าพร่าหัวใจ
เกินข่มไหวจิตทะลายตายตรงหน้า
หนึ่งหนังสือเก็บเข้าวางอย่างเคยมา
แหงนมองฟ้าเงียบเชียบเปรียบไม่มี
ลุกขึ้นยืนมองกล่องกองทิ้งไว้
คุมความนัยให้ทรุดหยุดกับที่
ภาพสะท้อนในความว่างทุกอย่างมี
บ่ายหน้าหนีพบแล้วทางที่ว่างจริง
6 กันยายน 2546 23:47 น.
ลำน้ำน่าน
เมื่อเงาแสงแห่งชีวีมีปรากฏ
แจ่มจรดพริ้งพราวดาวบุหลัน
บ่งนิมิตด้วยแรงแสงแห่งตะวัน
จักฝ่าไปเก็บฝันอันเรียงราย
เมื่ออุ่นไอแห่งรักประจักษ์มา
จะแสวงคุณค่าหาความหมาย
ดั่งสัญญาที่มั่นไว้ไม่คลอนคลาย
คือจุดหมายที่ปลายฟ้ายังยืนยง
เมื่อสวรรค์ยังซื่อตรงคงคำสัตย์
ปฏิพัทธ์ปีติธรรมดำรงหงส์
ตราบรวงแรงแห่งปีกฝันยังมั่นคง
จะบินตรงเยือนอารยาแหล่งนาคร
เมื่อมวลชนดลใจให้ยินเสียง
ก้องสำเนียงเจนจบครบอักษร
จะทะยานลดเลี้ยวเทียวอาทร
ไปถมดอนฐานันดร์ชั้นวรรณา
เมื่อกางปีกลมบนจะวนว่อง
เคียงประคองป้องบังให้หยั่งฟ้า
จะท้าทายความชังอหังการ์
เหิรเมฆาไปเปิดทางถิ่นร้างใจ
เมื่อเด่นดาวทอแสงแหล่งนภา
จะหาญกล้าฝ่าดั้นไม่หวั่นไหว
กระโจนข้ามม่านฟ้าหาทางไกล
นำดวงใจไปหว่านทานคนจน
เมื่อเบื้องหน้าปราการธารสมุทร
จะเร่งฉุดใบเรือเพื่อล่องหน
ยอมหัวอกฟกร้าวหนาวกมล
เพื่อผองชนเกริกกล้านภาลัย
เมื่อยามใดอรุณรุ่งอาบคุ้งน้ำ
เพียงชั่วยามแสงเรืองรองส่องไสว
หวังชื่นชมกับรางวัลกำนัลใจ
แม้นสิ้นไร้ผู้ใดรุมยินดี
แม้นวันนี้ปีกฝันเกรอะกรังดิน
หาใช่สิ้นวิญญาณผลาญศักดิ์ศรี
หน้าจะซบกายจะทาบอาบธุลี
ศรัทธามีความหาญกล้ายังท้าทาย
เมื่อวันรุ่งพรุ่งนี้ที่รอคอย
ความต่ำต้อยจะถูกบดลดความหมาย
ความรังเกียจเดียดฉันท์จะพลันตาย
แอกความพ่ายจะถูกพรากจากบ่าชน
22 สิงหาคม 2546 13:50 น.
ลำน้ำน่าน
รักกันฉันพี่น้อง......ชัยชนะ
ดอกรักนี้พี่เก็บกำนำมาปลูก
เพื่อพันธ์ผูกมนต์รักสมัครสมาน
ชุ่มแช่มชื่นซ่านเซ็นเย็นสราญ
ผลิโผล่บานก้านผ่องผุดสะดุดหทัย
ชูช่อพวงแพรวพราววาววิสุทธิ์
เปรียบประดุจรัตนะค่ามิได้
สายโซ่ทองคล้องเกี่ยวเกาะเกี้ยวใจ
เกิดสัมพันธไมตรีฉันพี่น้อง
ถ้าเอาพันธุ์ ฉันท์ชู้สาว มาเพียรเพาะ
เกรงไม่เหมาะน้องจ๋าพี่ขัดข้อง
ดำฤษณาชักพาเหตุน้ำเนตรนอง
รักทั้งสองมิราบรื่นไม่ยืนยง
จึงนำพันธุ์ เพื่อนพี่น้องมาลองกล้า
ด้วยศรัทธาปณิธานอันสูงส่ง
หวังดวงดอกดื่มด่ำอยู่ดำรง
ฉันตกลงส่งดอกไม้ริมรายทาง
กระจองหง่องกระจองหง่องน้องพี่ข้า
นำตระกร้าอ่างกระบุงปี๊บกระถาง
มาตั้งไว้หน้าบ้านเรียงรายวาง
วงล้อยางหมุนส่งสุขเพื่อทุกคน
ดอกรักงามบานบนกิ่งมิตร.......ลำน้ำน่าน
พันธุ์ดอกรักฉันพี่น้องที่ลองหว่าน
จากวันวานจนวันนี้คลี่กลีบฝัน
เพียงลงดินรดน้ำคำทันข้ามวัน
ดอกพริ้งพรรณระบัดชัดในใจ
คือเกียรติและความดีที่ได้รับ
ตราบเนิ่นนับรักจะงามสว่างไสว
หวังสัมพันธ์พี่น้องรักชักนำไป
เป็นน้ำใจไหลจมถมฐานันดร
ไม่แรมร้างโรยราใฝ่หาศักดิ์
ผูกสมัครความหวังดีพี่เพียรสอน
เทียบเทียบทันด้วยวลีมีกานท์กลอน
เอื้ออาทรห่มด้วยรักและภักดี
ความอ้างว้างบางเบาที่เฝ้าแฝง
จะอ่อนแรงแทนด้วยคำกวีศรี
กรุ่นละอองล่องทิวาตราบราตรี
จากธุลีไปประดับประทับใจ
เผยความหมายแห่งการให้และได้พบ
งามเจนจบทุกแดนดินแม้ถิ่นไหน
ดั่งดอกรักระคนกลิ่นปริ่มละมัย
เพียงใครใครอิ่มเอมก็เปรมปรีด์
-------------
เขียนสดสดให้ในวินาทีนี้ กำนัลทุกดวงใจในบ้านเรือนไทย และเฉพาะพี่ชัยชนะที่นำบทกวี รักกันฉันพี่น้อง มาประโลมความงามแห่งมวลมิตร และความงดงามฉันพี่น้อง และกับบทกวีบทนี้ตอบให้พี่พุดพัดชาภาคหัวใจไม่หยุดรัก อีกหนึ่งกับบท น้ำพระทัยสู่รวงข้าวราวรวงเพชร ที่น้ำใจงามมอบกลอนให้ลำน้ำน่าน ด้วยเฉกเช่นเดี่ยวกัน รู้สึกซาบซึ้งและเป็นเกียรติอย่างมากครับ
21 สิงหาคม 2546 01:08 น.
ลำน้ำน่าน
ซากไม้ตายกลางไพรได้ฝนหยด
หล่นพรมรดกิ่งแห้งแล้งหนักหนา
พิรุณฝันสายงามยามโปรยมา
อาบพสุธาสู่รากฝากหน่อใจ
มหัศจรรย์พลันมีที่กลางพฤกษ์
ในห้วงดึกไม้งามเริ่มหวามไหว
ผลิดอกดกเกิดกอต่อบ่วงใบ
กลางดวงใจเห็นชีวิตติดตามมา
ความชุ่มฉ่ำจากฟ้ามาปรากฎ
หว่านจรดโปรยละอองของเวหา
หวังชุบชื้นต้นไม้แกร็นแห้งคาตา
เป็นไม้ป่าเขียวพร่างหว่างหัวใจ
รอเพียงวันกล้าฝันได้เติบต่อ
ออกผลพอเต็มต้นจนเอนไหว
ผลจะร่วงเป็นบุญทานให้พรานไพร
สัตว์น้อยใหญ่เหล่านางไม้ได้พักพิง
ผลิงดงามตามธรรมชาติหยาดกุศล
อยู่ท้าทนให้สัตว์ป่าได้สู่สิง
เผยคุณค่าพรรณป่าอย่างแท้จริง
จับจิตนิ่งงามเพริศพราวทั้งราวไพร
.................
ในปวงป่าบางครั้งก็เหมือนจิตใจคนเรา มีทั้งชุ่มชื่น และเหี่ยวแห้ง ตามกาลเวลาและวัฏจักรแห่งฤดูกาล คงจะดีไม่น้อยหากจะมีเมตตาวสันต์หลงฤดูตกต้องรดน้ำฝนให้ต้นไม้แห้งในราวไพรในราวใจได้แตกหน่อต่อตาอีกครั้ง บทกวีที่อ่านแล้วชวนให้วิ่งร้อยเมตรฝ่าดงตึก ไปซุกตัวในอ้อมไพรอ้อมใจในค่ำคืนนี้ ที่หยาดฝนกำลังจะตกต้อง...พลิกหัวใจไปที่ไหนสักแห่ง...วอนเมตตาพระพิรุณ