11 เมษายน 2548 02:46 น.

เกษตรสาลีนิรันดร์ (The Endless Husbandry)

ลำน้ำน่าน

ลานเวิ้งว้างสนธยานกกากลับ
ตาลลิบลิ่วทิวลับกับโศกแสง
ตะวันคล้อยลอยเลื่อนเหมือนหมดแรง
ทอเรื่อแดงอ่อนโยนโพยมาน

ทุ่งสาลีข้าวหลวงธัญบุตร
ระวางแสงวิสุทธิ์พุทธศานต์
โอบลูกรวงหน่วงใบอยู่ในลาน
สอดซ้อนสานแซมภักดิ์ด้วยรักนั้น

อาณาจักรรากเหง้าชาวเกษตร
สุขอยู่ในคามเขตนิเวศน์ขวัญ
แดนแหลมทองสยามพิรามวรรณ
ธัญพันธุ์ครัวโลกโศกอันตรธาน

เดินมาหลายอสงไขยในวัฏฏะ
ก่อนพุทธะพระไตรฯ อวสาน
ท่ามกลางเหตุเภทภัยพญามาร
นายนิรยบาลปรากฏพบมลทิน

เถิดรวงเรียวข้าวเหนียวใบอย่าไหวตื่น
หยุดสะอื้นร่ำไห้ใยถวิล
อย่าเติมสายน้ำตาธาราแผ่นดิน
แม้นมณฑลธานินทร์ผินปีกมา

ถังข้าวสารเก่าคร่ำเมื่อค่ำพลบ
ยังสงบหอมร่ำพันธุ์บุปผา
ทิพย์ข้าวเจ้าดอกมะลิผลิวิญญาญ์
กรอกหม้อเลี้ยงชาวนาอย่างสามัญ

อัฐไม่เหลือเกลือแกงพอแบ่งกิน
ตราบโลกสิ้นอายุขัยไม่เสียขวัญ
ยามแสงทองส่องทางพร่างฟืนควัน
เจื้อยไก่ขันฟ้าสางพร่างผืนนา

ออกไปแปรผืนดินสูดกลิ่นหมอก
ไปเย้าหยอกอาบอุ่นกรุ่นอุษา
กสิกรรมดลใจร่ายมนตรา
เสกทรายทองระยิบตาอุษาโยค

โพ้นไกลนั่นมวลมนุษยชาติ
ไถแผ่นดินสิ้นหยาดน้ำตาโศก
อีกมุมเมืองแห้งแล้งแดงเลือดโลกย์
ธงสงครามโบกไกวใกล้อดตาย

สิ้นสมัยทิ้งทิพย์เกษตรกรรม
จะชอกช้ำตราบเกลือทะเลสลาย
ปลาสนาการขวัญข้าวหนาวใจกาย
พบจุดหมายหิวเร่วเนจร

อัญมณีสาลีล่วงสวรรค์
ปลูกในไร่เทวารัณย์ธรรพ์อัปสร
หว่านเม็ดพันธุ์ตกไถไพรดงดอน
ของเมืองฟ้าอมรแต่บุราณ

เกิดต้นธาตุข้าวหลวงรวงหลากหลาย
เหลืองเรียงรายเจิมดิถีศรีวิศาล
วาณิชแลกแยกขายหลายทะนาน
สานวิญญาณตะวันตกสู่เอเชีย

พัฒนาการชาวโลกน่าโศกเศร้า
ไม่เหลือเงากสิกรรมซ้ำเสื่อมเสีย
ไฟวัตถุเผาไร่นาป่าลามเลีย
อีกครึ่งโลกง่อยเปลี้ยเขี่ยข้าวกิน

สยามสมัยนี้ฤามีโชค
รวงยังโบกพุทธะกระแสสินธุ์
อยู่พอเพียงเลี้ยงสัตว์ทรัพย์ในดิน
ห่างมลทินสงครามตามล่าทาส

นั่นเหลื่อมเขียวผลหมากรากผัก
โบกเถาเครือเจือรักน้ำค้างหยาด
เหลืองฟักทองผ้าผ่องผุดพุทธวิลาส
ธรรมชาตินิวาสเหล่าเวไนย์

ลานเวิ้งกว้างสนธยานกกากู่
ทุกฤดูเก็บเกี่ยวรวงเรียวไสว
ธรรมเกษตรสาลีนิรันดร์ไทย
ตราบสุดสิ้นอสงไขยในสังสารวัฏฯ

----------------------------------
หลายพันปีแล้วที่รวงข้าวออกรวงเลี้ยงชาวโลก
ประเทศในแถบลุ่มน้ำโขงของเอเชียส่งออกข้าวขุนชาวโลกผู้หิวโหย
เป็นครัวโลกอันยิ่งใหญ่ ผลิตภัณฑ์การเกษตรส่งออกแปรเป็นเงินอักโข
สยามแปรทุ่งกุลาร้องไห้ให้เป็นแหล่งผลิตข้าวหอมมะลิพันธุ์พิเศษสุด
ฝรั่งมังค่าถือดีแอบขโมยพันธุ์ข้าวหอมมะลิของไทยไปจดลิขสิทธิ์
ควรเป็นเรื่องน่าเศร้าสำหรับชาวสยามที่มีข้าวดอกมะลิพันธุ์ดี
แต่กลับโดนแย่งไปครอบครอง.......

ถึงเวลาหรือยังที่เราจะตระหนักในคุณค่าและความสำคัญของการเกษตร
สองสามปีมานี้ประเทศไทยเริ่มนำเข้าข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านแล้ว
นี้คือสัญญาณการเสื่อมสลายไปของเกษตรกรรมนิรันดร์ของไทย
สยามในอดีตในยามกาลียุค ข้าวยากหมากแพง คนสยามไม่ร้อนใจ
ด้วยมีข้าวในถังข้าวสารที่จะกรอกหม้อ เก็บผักปลากินไปตามยถากรรม
ในขณะที่คนอีกครึ่งโลกทางแอฟริกากำลังหิวโหยขาดอาหาร....
เป็นสัจจริงที่มนุษย์ขาดธัญญาหารไม่ได้

พ่อเคยบอกเสมอว่า ถึงจะยากจนอย่างไรขอให้มีข้าวสารไว้ในถัง
ถึงเวลาก็หุงนึ่งกินกับผักปลาน้ำพริกได้..อย่างไรก็ไม่อดตาย
เรามีผืนดิน มีน้ำ การเกษตรจึงเอื้อประโยชน์ต่อชีวิตมหาศาล
กลับสู่ความหมายแห่งชีวิตที่ต้องพึ่งข้าวพึ่งปลาเสียบ้าง
ชีวิตในวิถีพุทธจึงจะสงบอย่างแท้จริง.....

ว่าแต่ว่าวันนี้คุณทานข้าวหมดจานหรือยัง?



				
10 เมษายน 2548 00:23 น.

สุนทรียภาพแห่งแผ่นดิน (Spirit of the Kingdom)

ลำน้ำน่าน

สร้อยวรรษาหยาดรินลงถิ่นแล้ง
ศิลาแลงร้อนรุ่มก็กรุ่นหอม
ฟ้าอรหันต์พระสุรินทร์ทินกร
ทออาทรกล่อมโลกลบโศกเศร้า

วาโยธาตุโบยอ่อนขจรฟ้า
เกลี่ยปุยฝ้ายเมฆาเวหาหาว
ถักทอม่านระบายบานวิมานดาว
งามอะคร้าวสุนทรียะแห่งแผ่นดิน

ขุนคีรีทวารวดีทศทิศ
สูงสถิตทิพยธารสถานศิลป์
โรยละอองฟ่อนไหวไอฝนริน
ปลุกท้องถิ่นไร่นาสาลีรวง

แดนแหลมทองสยามในยามนี้
พระบารมีธาราดลหยาดฝนหลวง
มิ่งขวัญทองดิ้นทองลำยองยวง
ด้วยดอกดวงราชหงส์วงศ์วรรณ

นั่นสายน้ำโบราณเจ้าพระยา
จากนิมมานวนาสุธาสวรรค์
นำสายธารน้ำตาจากคนธรรพ์
มาล้างคราบจาบัลย์มหานคร

เขียวมรกตพฤกษ์พรมที่ห่มหล้า
รุกขเทวาล้วนถวัลย์บรรจถรณ์
หมู่แมกไม้เถาวัลย์พนันดร
ต่างกอปรสุนทรีย์ศรีแผ่นดิน

โบสถ์สถานธรรมะพระชินสีห์
ปรางค์ปราเจดีย์รัตนโกสินทร์
กาสาวพัสตร์ชินบุตรหยุดมลทิน
โบกรินรินประกาศธาตุพุทธะ

มรดกศิลปาชีพอารยธรรม
ล้วนบ่มร่ำด้วยปัจเจกเอกทักษะ
คือทิพยพรรณเริงแรงแห่งกาละ
สู่อายตนะแห่งไทมิใช่ทาส

สถาปัตย์นำสมัยร่วมสมัย
เรือนทรงไทยสันโดษประโยชน์ดาษ
อุ่นไมตรีอุ่นเหย้าเผ่าวิลาส
เพลงพิณพาทย์นาฏศิลป์รินละไม

ภักษาหารเกลื่อนเขตทวีปมณฑล
รุ้งรวงหล่นรองเรืองเหลืองไสว
ธัญญาหารเต็มท้นตำบลไกล
ผลิตผลส่งไซร้ขุนจักรวาล

เอนกอนันต์ขวัญค่ามหาสมุทร
เอกมนุษย์เผ่าไทยแสนไพศาล
จะจมดินสิ้นวัยไร้ตำนาน
สิ้นทายาทบริบาลวิญญาณลึก

หยาดน้ำตาเทพีนางสงกรานต์
หลั่งเป็นเลือดมานานสานผลึก
อนารยชนสังคมอึกทึก
จิตสำนึกพ่ายแพ้กระแสอวิชชา

รอผู้กล้าอรหัตนิวัตน์นคร
มาไถ่ถอนโซ่ตรวนบ่วงตัณหา
ปราบหมู่มารจัญไรไพร่พันธนา
คืนมิ่งค่าอารยชนบนแผ่นดิน

เพื่อดำรงอยู่ในห้วงเอกภพ
แผ่นดินสงบลึกล้ำธรรมศิลป์
สุนทรียทิพย์ระยิบธรณิน
ตราบสิ้นยุคศรีอาริยเมตไตรยฯ

---------------------------------
ในวาระศรีมงคลสงกรานต์นี้ ข้าพเจ้ารู้สึกเศร้าลึกๆ
ประสบการณ์เทศกาลของมิ่งมหาสงกรานต์นี้ในอดีต
คือความทรงจำที่แตกต่างเสียแล้ว

สยามโบราณคือแผ่นดินทองมีมนต์ขลังที่ลุ่มลึก
สงบและมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนผู้ใดในโลกหล้า
หากแต่กำลังถูกกระแสโลกาภิวัฒน์แทรกซึม
แม้นมาตรการของรัฐจะรณรงค์กันอย่างยิ่งยวด
หากแต่ลูกหลานไทยเองกลับไม่แยแสที่จะอนุรักษ์

ฝรั่งกังไสเต็มนคร 
เสื้อผ้าอาภรณ์หลุดรุ่ยสู่สายตาสาธารณชน
น่าเสียดายประเพณีรดน้ำดำหัวบรรยากาศไทยๆ
จะมีสักกี่คนที่ตื่นแต่อรุณรุ่ง ไปทำบุญตามประเพณี 

อบอวลน้ำหอมน้ำปรุงรวยริน 
บ่งบรรยากาศและวิญญูชนของไทย
สุนทรียแห่งแผ่นดินจักมีเสน่ห์หากไม่บิดเบือด
ความงดงามแห่งต้นธาตุเผ่าไทยจักขจรไปสู่สากล
เป็นหนึ่งเดียว หากจิตสำนึกลูกหลานไทยไม่ตายจาก

ประเพณี ธรรมชาติ และอารยธรรมทั้งปวงนั้น
จึงอุปมาเหมือนสุนทรียภาพสยาม
ที่เราทุกควรจะหวงห่วงและทำนุบำรุงให้เกริกไกร
สมค่าราชวงศ์ สมค่าแผ่นดินแหลมทองนิรันดร์

ข้าพเจ้าขอเป็นกำลังใจให้กับทุกผู้ทุกนามที่มิย่อท้อ
นำความสงบสันติ นำความดีกลับคืนแผ่นดิน...


				
7 เมษายน 2548 02:41 น.

ความรักที่หมุนโลก (Love will never Die)

ลำน้ำน่าน

ฉันหลับใหลอยู่ในความเงียบงัน
อยู่กลางความโศกศัลย์ร่วมสมัย
อยู่กับรสขื่นขมลมหายใจ
อยู่กับความศิวิไลซ์อนัญสาธารณ์

ขอฉันเขียนเรื่องราวแห่งความรัก
อันจำหลักปักใจแสนอ่อนหวาน
เขียนถึงอารยธรรมและตำนาน
อนันตกาลขอรำพึงถึงความรัก

หาใช่รักอย่างมนุษยชาติ
อันดื่นดาษแสวงหาค่าประจักษ์
รักของฉันละมุนกรุ่นความภักดิ์
สัญลักษณ์ความหมายอันนิรันดร์

ฉันรักวทัญญุตาแห่งป่าไม้
เอื้อน้ำใจสู่มนุษย์ทุกภพฝัน
ปรุงอากาศธาตุชีวิตนิมิตชีวัน
เพื่อกำนัลชาวโลกผู้โชคดี

สุนทรียภาพรักใดในแคว้นหล้า
มิอาจเทียบรักป่าอรัญวาสี
ผู้รังสรรค์ทิพยธาตุหยาดชีวี
ผู้นิมิตสุนทรีย์ศรีแผ่นดิน

รักฉันอยู่ในอณูลมหายใจ
บนเรียวหญ้าไม้ใบนกไพรผิน
ในกระแสลมล่องธาราริน
อยู่ในอกธรณินอันจาบัลย์

ธรณินเปล่งลมใจให้สรรพชีพ
ให้ดอกไม้กลายกลีบสยายฝัน
เก็บตำนานครรลองของคืนวัน
เจียระไนเพชรสุวรรณประเพณี

ฉันรักมหาสมุทรรัตนากร
เกลียวคลื่นสีทันดรคีรีศรี
ผู้การุณย์จุนเจือเอื้ออารีย์
หยาดปฐวีวารีวรุณ

ฉันรักแสงตะวันเช้าวันใหม่
รักละมุนอุ่นไอเมื่อโลกหมุน
รักแสงจันทร์ผันค่ำบอกวันบุญ
รักธรรมคุณธรรมชาติวาดมรรคา

ฉันขอมอบกลิ่นหอมแห่งรักนี้
พร้อมไมตรีอบอวลหวนลมป่า
เป็นสื่อใจใยบางกาลเวลา
ตราบฟากฟ้าอวสานนิพพานไป

ความรักฉันรำฟ้อนอ้อนทุ่งข้าว
ยามหน้าหนาวลมริ้วพลิวไสว
ข้าวขุนโลกด้วยชีวินสิ้นวันวัย
เกิดแล้วดับทับรอยไถทุกฤดู

ฉันมิอาจรักมนุษยชาติ
ผู้ผงาดเหนือกฎน่าอดสู
หลงบทบาทขาดธาตุกตัญญู
เติบตนอยู่หาเลี้ยงเพียงแค่กาย

ฉันเฝ้ามองอยู่กลางความเงียบงัน
เห็นมนุษย์เห็นฝันอันหลากหลาย
เห็นผู้คนทดท้อรอความตาย
เห็นจุดหมายวัฒนาป่าเทคโนฯ

ฉันเดินมาบนทางสร้างขนาน
กับผู้คนหลายล้านบ้านอักโข
ความรักฉันงามอะคร้าวราวมโน
จิตภิญโญระลึกรู้อยู่ภายใน

ความฝันใดในแคว้นแดนมนุษย์
จักโชนจุดอารยธรรมนำสมัย
ปราศจากธาตุบ่มลมหายใจ
ความสำเร็จนั้นไซร้ได้เท่านั้น

ดุษณีเถิดหนอต่อธรรมชาติ
เพื่อดินน้ำอากาศธาตุรังสรรค์
เป็นรักแท้หมุนโลกอยู่นิรันดร์
เป็นอากาศไฟฝันก่อนอันตรธาน

-----------------------------
ท่ามกลางความเป็นไปแห่งความวัฒนาของมนุษยชาติ เราอาจหลงลืมไปว่าวิกฤตการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมนั้นกำลังรุนแรง ทั้งดิน น้ำ ลม ไฟ และอากาศธาตุกำลังป่วยหนัก เราอาจลืมไปว่าดิน น้ำ ลม ไฟ และธรรมชาติเหล่านี้ คือต้นธาตุแห่งการมีชีวิตอยู่ของโลกและมนุษย์

น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ เชื้อเพลิง น้ำบาดาล ออกซิเจน ที่ขับเคลื่อนโลกมนุษย์ก็ล้วนเกิดจากธรรมชาติ เพราะอัศจรรย์แห่งการสร้างของธรรมชาติมิใช่หรือที่เอื้ออำนวยในการพัฒนาทุกๆ ด้านของมนุษย์ จะมีประโยชน์อันใดหากปราศจากต้นไม้ผู้กลั่นอากาศให้ลมหายใจ ปราศจากสายน้ำไหลไร้สารเคมีให้ผลิตน้ำประปา ปราศจากฝนรินให้เกษตรธัญพืชงอกงามไสว และหากปราศจากสิ่งเหล่านี้ก็คงจะปราศจากชีวิตเมื่อวันดอกฝันผลิบาน

ความรักในมิติของข้าพเจ้าจึงอยู่ที่การรักษาทรัพยากรธรรมชาติให้คงอยู่กับเรานานนิรันดร์ เป็นความรักที่ขับเคลื่อนชีวิตและพลโลกให้ผาสุก หาใช่รักในการที่พัฒนาแต่ด้านวัตถุแต่เพียงฝ่ายเดียว

ลำน้ำน่าน บุรุษแห่งสายน้ำนิรันดร์
วันที่  ๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๘

				
3 เมษายน 2548 22:39 น.

ลำนำราชพฤกษ์ลาลาน (Crying of E-san's Flower)

ลำน้ำน่าน

ปรารถนาบุปผารัตนโกสินทร์
ยามหอมรินมนต์กวีศรีอีสาน
เหลืองละมุนอุ่นรวีดอกคลี่บาน
แต่งแต้มลานลาแล้งระแหงดิน

เกสรร่วงกาลล่วงห้วงสำนึก
ราชพฤกษ์ดอกไม้สร้อยทองศิลป์
เคยคล้องคอหน่อข้าวเหนียวเสี่ยวชาวดิน
บอกพื้นเพ...วศินถิ่นบ้านนา

ลมเดือนห้าแล้งลาที่ราบสูง
ดอกยางยูงร่วงลิ่วทิวไผ่หนา
เมื่อวันพรุ่งจะโบกไหวใบหล่นลา
แหล่ะกลีบคูนตะแบกป่าจะล้าโรย

ฤาเสียงแคนแผ่นดินสิ้นมนต์ขลัง
เมื่อนกป่านิราศรังทั้งหิวโหย
จากเสี่ยวกินเสี่ยวตายอ้ายโอดโอย
เมื่อลมร้อนอีสานโบยโชยอัตคัด

ลานสวรรค์ลานนาดูว้าเหว่
เรือนซังเซทุกข์ร้อนหนี้ผ่อนผัด
ดอกคูนหนุ่มไปรุ่งเรืองเมืองวิวัฒน์
ควายกำดัดมัดขวิดลมอยู่ซมเซา

บักเสี่ยวเอ๋ยเอ็งก็รู้ว่าปู่ย่า
แก่ชราป่วยไข้ใจหงอยเหงา
อีกหยูกยารักษาไปไม่บรรเทา
โรครุมเร้าเศร้าซึมคิดถึงเอ็ง

ทั้งโหวดหวิวพิณเดี่ยวเสี่ยวเคยเล่น
ต้องลำเค็ญอ้างว้างร้างเสียงเปล่ง
เคียวเหน็บเสาสนิทหนาวร้าวเส็งเคร็ง
ยิ่งเร้าเร็งความหมายที่ตายแล้ว

แล้งปีนี้หนักหนาฟ้าขมุกขมัว
ด้วยฝุ่นดินเปื้อนทั่วทุกทิวแถว
ลอยไปเปื้อนขอบฟ้าท้องนาแนว
วัวควายเอ็งไม่แคล้วต้องล้มตาย

ปิดตำนานลูกข้าวเหนียวบักเสี่ยวเอ๋ย
วันเวลาล่วงเลยไร้ความหมาย
เอ็งอยากมีเงินทองกองมากมาย
จุดสุดท้ายสูญเสียจิตวิญญาณ

คูนบ้านนาบานสะพรั่งพร่ำมนตรา
เถิดคืนมากล่อมบรรเลงเพลงอีสาน
รับมาลัยคล้องร้อยสร้อยดอกจาน
แหล่ขับเพลงพื้นบ้านของแผ่นดิน

เหลืองรวีฝนสีทองผองบักเสี่ยว
เจือดอกเสี้ยวบุปผารัตนโกสินทร์
คือมนต์ขลังทุ่งนาแห่งวารินฯ
สาดสายศิลป์ทิพย์เกสรสู่ม่อนเมือง

ลำนำเศร้าราชพฤกษ์ยามดึกนี้
ธารน้ำตายังไหลปรี่ตราบฟ้าเหลือง
บักเสี่ยวเอ๋ยหากอยู่ไหนไม่รุ่งเรือง
หยุดฝันเฟื่องกลับมา ณ บ้านเรา

ฝันสีทองคูนเหลืองแม้เรืองหล้า
แม้แต่ฟ้าขลิบทองก็หมองเหงา
สิ้นบักเสี่ยวเปลี่ยวใจไม่เห็นเงา
ปลาร้าเน่าปลาแดกหอมตรอมสิ้นแล้ว!

----------------------------------
เมื่อลมแล้งมาเยือน...ดอกไม้แห่งอีสานบ้านนาก็บานไสว
ดอกไม้หน้าแล้งมีความหมายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น
ทำให้ข้าพเจ้าประหวัดไปถึงดอกคูน หรือ *ราชพฤกษ์*
ดอกไม้ประจำชาติสยาม สีเหลืองทอง ผลิดอกคลุมต้นในฤดูคิมหันต์
ราวสายฝนสีทองในหน้าแล้ง ดูอัศจรรย์ที่ฝนสีทองไม่ทำให้น้ำเจิ่งนอง

เขียนบทกวีแทนใจมิ่งมิตรอีสาน ในนามบักเสี่ยวแห่งทุ่งนาและลอมฟาง
บอกเล่าเรื่องราวแห่งความประทับใจและความเศร้าในยามนี้
ลำนำราชพฤกษ์ลาลานจึงมุ่งให้มิ่งมิตรชาวอีสานผู้ทิ้งถิ่น
ได้กลับไปเยือนผืนแผ่นดินมาตุภูมิในยามสงกรานต์เทศกาล
กลับไปรับฟังปัญหาและความทุกข์ยากของผองมิตรบนที่ราบสูง
ที่บางคราวอาจจะถูกทิ้งและหลงลืมไปกับกาลเวลา
กลับไปซับน้ำตาบรรพบุรุษ และสืบทอดประเพณีอันดีงาม
เป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนความหมายแห่งวัฒนธรรมแผ่นดิน
ไม่เป็นคนหลงลืมรากเหง้าปู่ย่าตายาย อยู่สุดหรูอยู่ในเมืองวิวัฒน์
บทกวียังมุ่งให้เห็นคุณค่าของบักเสี่ยวและญาติสนิทมิตรสหาย

ตราบใดที่ดอกคูนสีทองยังบานแต่งท้องทุ่งอยู่ทุกคิมหันตฤดู
ตราบนั้นจงเชื่อมั่นว่ายังไม่อับจนหนทาง....

แด่ *บักเสี่ยว บักสิเด๋อ* แห่งสำโรงบ้านนา อุบลราชธานี
หากมีโอกาสจักกลับไปชื่นชมดอกคูนโปงลางและเสียงแคนอีกครั้ง 
*หมายมั่นสัญญา*



				
2 เมษายน 2548 00:55 น.

นาฏกรรมรวงข้าวและสาวทุ่ง (Color of Rice Field)

ลำน้ำน่าน

เมื่อน้ำหนาวรินร่ำธัญเขต
สู่มณฑลประเทศเกษตรศานต์
หยาดลงเติมห้วยหนองครรลองธาร
ณ หมู่บ้านสาลีวารีนิรันดร์

เราหลับใหลในอ้อมแขนแห่งทุ่งข้าว
ในค่ำยาวภวังค์แห่งวังฝัน
อยู่ท่ามกลางไออุ่นละมุนพรรณ
ของเลื่อมพรายรวงธัญขวัญชีวา

สุวรรณภูมิยามนี้มีความรัก
ด้วยรวงหนักดอกดวงปวงบุปผา
โอยเกสรอ่อนไหวลงไร่นา
ธาตุธาดาขวัญข้าวชาวกวิน

ตื่นมาเถิดฟ้าใกล้สางระวางทุ่ง
ดอกไม้ป่าเริ่มจรุงกรุ่นถวิล
ออกไปมุงานไถไพร่แผ่นดิน
ธรณินสูงค่าภราดาเรา

ข้าวพอเหลือเกลืออิ่มเราปริ่มแรง
ได้เจือแบ่งน้ำใจยามใครเหงา
นอกทุ่งนั่นม่านพรายเริ่มฉายเงา
ของยามเช้าอโณทัยไพรสาลี

นกละเมอเพ้อเบาเบาเฝ้าครวญคำ
กลัวเมฆฝนครืนคร่ำมาพรำหนี
จะลารวงลาฟ้าปลานที
ไปเป็นฝนไพรีคนเมืองกรุง

อุษาโยคหอมกลิ่นซิ่นผ้าฝ้าย
หอมข้าวใหม่เม็ดพรายในหวดหุง
จิบน้ำใจน้องพี่อุ่นกรุ่นน้ำปรุง
ตราบขอบฟ้าทอรุ่งทุ่งยามนี้

นาฏกรรมรวงข้าวและสาวป่า
อ้อนแสงทองอุษาผ้าทอสี
เมื่อช่อข้าวคลี่รวงรับจับรุจี
ดุจเรียวนิ้วนารีคลี่รวงรำ

เพราะอ่อนน้อมถ่อมตนสกนธ์สงวน
กลีบลำดวนนวลสาวพราวขนำ
เมื่อไก่แก้วแจ้วเสียงเรียงลำนำ
ทอดเสียงร่ำขานค่าพรหมจารี

นั่นรวงข้าวประณตน้อมค้อมจูบดิน
ใยผู้คนธานินทร์หมิ่นศักดิ์ศรี
บรรพบุรุษเราเคารพธรณี
ธริษตรีจึงเอื้อเหง้าคงเผ่าพันธุ์

แม่ศรีเรือนรวงลออข้าวรอยุ้ง
เพราะหมายมุ่งนึ่งเหนียวมาเกี่ยวขวัญ
ให้หอมงามเจิมเช้าข้าวไพรวัลย์
ถวายสงฆ์อภินันท์ปางวันพระ

นาฏกรรมรวงข้าวสาวแรกรุ่น
ดั่งบัวบุญกรุ่นแก้มแย้มกลางสระ
รมณีงามภายในใจธรรมะ
สืบตำนานอมตะกุลสตรี

น้ำหนาวร่วงรวงข้าวยิ่งหนาวสั่น
รอคืนวันเคียวเกี่ยวเรียวรวงศรี
เมื่อข้าวสุกเหลืองทองคล้องไมตรี
นาฏกรรมวันรวีจึ่งมีมนตร์

-----------------------------------
ในยามที่ต้นข้าวออกรวงเขียวเลื่อมพรรณรายห่มทุ่ง
เม็ดข้าวเต่งตึงพาให้ปลายรวงโน้มหน่วงลงสู่ดิน
สื่อนัยแห่งความอ่อนน้อมถ่อนตน คารวะพระแม่ธรณี
เป็นฉากภาพที่อบอุ่น 
และงดงามในยามต้องแสงเงินแสงทอง
ในยามที่อรุณเช้าทอแสงลงสู่ไร่เกษตรสาลี 
พลิ้วไสวอยู่ในตำบลท้องทุ่ง 
เรียบง่าย สามัคคี และสันโดษ

หลายศตวรรษแล้วที่รวงข้าวออกรวงเลี้ยงชาวโลก
นับตั้งแต่ชาวนาในประเทศญี่ปุ่นค้นพบ 
*แมกโนเลีย พืชในตระกูลข้าว
ที่เป็นบรรพบุรุษแห่งข้าวมาจนบัดนี้

ข้าพเจ้าประหวัดไปถึงสาวบ้านทุ่ง
ที่มีความงดงามตามธรรมชาติ
เป็นยอดศรีเรือนที่ควรคู่ สมสมัยในอดีต...
ข้าวเพิ่งออกรวงดั่งนวลเนื้อเพิ่งแตกสาว
ฉันใดก็ฉันนั้น

ทุกๆ  ฉากภาพแห่งวงจรชีวิตต้นข้าว
จึงกลายเป็นสิ่งที่ประทับใจ
เป็นนาฏกรรมที่มีมนตร์และงดงาม
อยู่ในจิตวิญญาญชาวนา
เป็นประสบการณ์เฉพาะที่ยากเกินอธิบายได้
เป็นอนันตคุณค่าที่เราควรถนอมไว้นิรันดร์
ก่อนที่สยามประเทศจะไม่มีทุ่งข้าวอีกต่อไป


เทพธิดาผ้าซิ่น

ว่างจากงานหว่านไถจะร้อยมาลัยใบข้าว
ห้อยคอสาวจำปา เจ้าเป็นเทพธิดา 
ของบ้านนาบ้านทุ่งนุ่งผ้าถุงไทยเดิม 
หน้าสวยด้วยแดดแรงแก้มแดงไม่แต่งเติม 
เจ้าไม่เคยเห่อเหิมเติมต่อดินสอพอง

ช่างขยันการเรือน มิแชเชือนหน้าที่สิ่งที่ดีที่ควร
เฝ้าถนอมออมอวล หอมหวลอวลลมทุ่ง
หนุ่มก็มุ่งหมายปอง ค่ำลงก็เข้าเรือน
ฟังแม่เตือนให้ไตร่ตรอง
หากมีชายหมายปองระวังเจอของเหลือเดน

แม่ดอกบัวที่อยู่ในสระ
จะบานคอยพระ หรือบานคอยเณร
ถ้าบาน คอยพี่ ไว้พรุ่งนี้ตอนเพล
คอยได้ไหมคนดี

พ่อเคยพูดหลายที คิดจะมีแม่บ้านเชื่อโบราณ ดีแล 
หากเลือกวัว ดูหางแม้นเลือกนางดูแม่
นั่นแหละแน่เข้าที  
บ้านเรือนสะอาดตา พูดจาเสนาะดี
ตำน้ำพริกทุกที เสียงตำถี่ จนทุ่งสะเทือน


				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลำน้ำน่าน
Lovings  ลำน้ำน่าน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลำน้ำน่าน
Lovings  ลำน้ำน่าน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลำน้ำน่าน
Lovings  ลำน้ำน่าน เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงลำน้ำน่าน