2 ตุลาคม 2551 01:13 น.

ใบไผ่ไหว..น้อมดวงใจสู่จิตวิญญาณตะวันออก (The Winter Retreat)

ลำน้ำน่าน

แสงอุษาอโณทัยในงามเงียบ
หนาวเย็นเยียบค่อยค่อยจางอย่างรู้สึก
เปิดเปลือกตาเบิกโลกโศกรำลึก
ลอยสำนึกไหวคว้างไปตามลม

เพลงนิรันดร์ยังบรรเลง-เซนดนตรี
ในเฉดสีใบไผ่ร่วงหน่วงทางถม
ณ ดินแดนแน่วนิ่งจิตดิ่งจม
ไร้ตรอมตรมระลึกรู้-อยู่ภายใน

เอาความเงียบเรียบง่ายหมายสารัตถะ
ทุกผัสสะจินตภาพอาบอ่อนไหว
เพียงใบไผ่พลิ้วพรายคล้ายเพลงใจ
ต่างปลิดปลิวลิ่วไปในจักรกาล

จิตวิญญาณสว่างไหวในความว่าง
เพียรปล่อยวางโซ่ตรวนล้วนสังขาร
วางอารมณ์ภักดิ์ลงตรงศีลทาน
เผยคุณค่าเกษมศานต์นิยามเซน

ฝันถึงแดนอุษาโยคโลกตะวันออก
ยามไม้ดอกร่วงคว้างรายทางเห็น
ปล่อยชีวิตให้ไหลผ่านสายธารเย็น
ลอยลำเค็ญไหลร้างอย่างเข้าใจ

ฝันถึงแดนดวงอาทิตย์อุทัยแรก
ยามหมู่ปลาว่ายแหวกสายธารใส
อิสระอยู่ท่ามกลางว่างภายใน
พร้อมสละชีพได้เมื่อถึงครา

ฝันถึงสีละอองสะท้อนก้อนเมฆขาว
กับเรื่องราววสันต์ร่วงรดดวงหน้า
ลอยบางเบาพลิ้วไสวในเวลา
ก่อนเป็นฝนหล่นหล้ารดแผ่นดิน

เมื่อฝนร่วงระยิบเสียงเซนดนตรี
เสพสุนทรีย์ลึกล้ำดื่มด่ำศิลป์
เงียบสดับรับรสหยดน้ำริน
แล้วละวางสูญสิ้นจากตัวตน

หอบสังขารเหนื่อยล้ามาฝึกจิต
เพ่งพินิจใบไผ่ร้างกลางทิวสน
เพ่งภายนอกพบภายในบรรดาลดล
ดับร้อนรนหยั่งถึงปัญญาญาณ

เพลงนิรันดร์แห่งเซนยังบรรเลง
มีครื้นเครงเงียบระงมผสมผสาน
จิตวิญญาณตะวันออกดอกไม้บาน
พบสุขซ่านเสพสุนทรีย์ที่ลึกซึ้ง

ใบไผ่พลิ้วไหวหวานนานนับกัลป์
มนต์เหมันต์แห่งอุทัยได้มาถึง
เซนส่องทางว่างง่ายในคำนึง
งามสงบอวลอึงอยู่นานนัก

ใบไผ่เหลืองลิ่วหล่นตรงริมทาง
ทุกทุกอย่างเข้าใจได้ประจักษ์
เซนอ่อนโยนงามละออพอให้ภักดิ์
ทุกข์แสนหนักกลับเบาว่างอย่างลึกซึ้ง

------------------------------
ในวันที่ดวงจิตกำลังรอลมเหมันตฤดูจากญี่ปุ่นมาเยียน
จิตนาการไปถึงดินแดนอาทิตย์อุทัยและจิตวิญญาณ
โลกตะวันออก  ที่ใบไผ่กำลังพลิ้วไหวไปตามลม 
บ่งบอกเรื่องราวแห่งความว่าง

ปรัชญาเซน สะท้อนความสงบงามลึกล้ำภายใน
ดนตรีเซนเข้าถึงสมาธิอันซ่อนลึก..อิสระในการกระทำ
ใบไผ่สีเหลืองปลิดปลิวไปตามแรงลม ใบแล้วใบเล่า
แง่คิด มุมมองในการใช้ชีวิตแบบเซนกลับกระจ่างชัด
และผุดพรายขึ้นในห้วงสำนึกในยามนี้....ลำพัง

หยิบหนังสือ เส้นทางสายเซน โดยเสถียร จันทิมาธร
บรรยายความงดงามแห่งเซนอย่างน่าอัศจรรย์ว่า
เพลงนิรันดร์ซ่อนตัวอยู่ในความมืดของคืนหนึ่ง 
ดับความกระวนกระวายใจกับดนตรีเซน...

ทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมา 
เพื่อนคนหนึ่งเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ 
เขาเคยเขียนบทกวีที่ว่า ฝันถึงที่ไหนสักแห่ง 
ที่จะได้ผูกเปลนอนนิรันดร์ 
ได้นอนนิรันดร์ในผืนแผ่นดิน

ปรัชญาเซนและโลกตะวันออกเอเชีย
ที่บริบูรณ์ด้วยจิตวิญญาณ ปรัชญาแห่งเซนเรียบง่าย
แต่ลึกล้ำด้วยต้องใช้ใจดวงดีตีความ
น้อมใจกลับสู่ความสามัญ สงบเงียบ 
ลึกล้ำ ละวางจากตัวตน

แล้ววันหนึ่งเราอาจจะค้นพบว่า
ชีวิตด้านในที่งอกเงยและผลิบานด้วยความเรียบง่าย 
เป็นพลังขับเคลื่อนให้ชีวิตเราให้ดำเนินไป 
และเป็นความสุขที่หมุนโลกได้อย่างนิรันดร์
แม้ในวันที่เราเป็นทุกข์ที่สุด ก็กลับยิ้มได้ ด้วย เซน

ลำน้ำน่าน บุรุษแห่งสายน้ำ
ปรารถนาให้ทุกคนสงบงามอยู่นิรันดร์


				
1 ตุลาคม 2551 01:16 น.

แสงอรุณมารุ่งกลางดวงใจ (Sunrise in my Heart)

ลำน้ำน่าน

เมื่อสร้อยแสงแห่งชีวีมีปรากฏ
แจ่มจรดพริ้งพราวดาวบุหลัน
บ่งนิมิตด้วยแสงแห่งตะวัน
จักฝ่าไปเก็บฝันอันเรียงราย

เมื่ออุ่นไอแห่งรักประจักษ์มา
จะแสวงคุณค่าหาความหมาย
ดั่งสัญญาที่มั่นไว้ไม่คลอนคลาย
คือจุดหมายที่ปลายฟ้ายังยืนยง

เมื่อสวรรค์ยังซื่อตรงคงคำสัตย์
ปฏิพัทธ์ปีติธรรมดำรงหงส์
ตราบรวงแรงแห่งฝันยังมั่นคง
จะบินตรงเยือนอารยาแหล่งนาคร

เมื่อมวลชนดลใจให้ยินเสียง
ก้องสำเนียงเจนจบครบอักษร
จะทะยานลดเลี้ยวเทียวอาทร
ไปถมดอนฐานันดร์ชั้นวรรณา

เมื่อกางปีกลมบนจะวนว่อง
เคียงประคองป้องบังให้หยั่งฟ้า
จะท้าทายความชังอหังการ์
เหิรเมฆาไปเปิดทางถิ่นร้างไพร

เมื่อเด่นดาวทอแสงแหล่งนภา
จะหาญกล้าฝ่าดั้นไม่หวั่นไหว
กระโจนข้ามม่านฟ้าหาทางไกล
นำดวงใจไปหว่านเป็นทานคน

เมื่อเบื้องหน้าปราการธารสมุทร
จะเร่งฉุดใบเรือเพื่อล่องหน
ยอมหัวอกฟกร้าวหนาวกมล
เพื่อผองชนเกริกกล้านภาลัย

เมื่อยามใดอรุณรุ่งอาบคุ้งน้ำ
เพียงชั่วยามแสงเรืองรองส่องไสว
จะชื่นชมกับรางวัลกำนัลใจ
แม้นสิ้นไร้ผู้ใดรุมยินดี

หากวันนี้ปีกฝันเกรอะกรังดิน
หาใช่สิ้นวิญญาณผลาญศักดิ์ศรี
หน้าจะซบกายจะทาบอาบธุลี
ศรัทธามีหาญกล้ายังท้าทาย

เมื่อวันรุ่งพรุ่งนี้ที่รอคอย
ความต่ำต้อยจะถูกบดลดความหมาย
ความรังเกียจเดียดฉันท์จะพลันตาย
แอกความพ่ายจะถูกพรากจากคนจน

------------------------------
ชีวิตเป็นของน้อย  ย่อมรุกร่นเข้าไปหาความตายทุกที
เหมือนกับน้ำในรอยโค เมื่อถูกแสงพระอาทิตย์แล้ว
ก็มีแต่จะแห้งไปทุกวันฉะนั้น ฯ

ชีวิตอายุของเรา  ถึงแม้ว่าจะมีอายุอยู่ได้ตั้งร้อยปี
ก็นับว่าเป็นของน้อยกว่าสัตว์จำพวกอื่นๆ 
เช่นเต่าและปลาในทะเลเป็นต้น
ซึ่งเขาเหล่านั้นมีอายุตัวละมากๆ เป็นร้อยๆ ปี  
ตั๊กแตน  แมลงวัน เขามีอายุเพียง ๗๑๐ วัน
เขาก็ถือว่าเขามีอายุโขอยู่แล้ว   

แต่มนุษย์เราเห็นว่าเขามีอายุน้อยเดียว
ผู้มีอัปมาทธรรมเป็นเครื่องอยู่ เมื่อมาเพ่งพิจารณา
ถึงอายุของน้อย พลันหมดสิ้นไปๆ 
ใกล้ต่อความตายเข้ามาทุกที 

กิจหน้าที่การงานของตนที่ประกอบอยู่จะไม่ทันสำเร็จ
ถึงไม่ตายก็ทุพพลภาพเพราะความแก่ 
แล้วก็ได้ขวนขวายประกอบกิจหน้าที่ของตน
เพื่อยังประโยชน์ให้สำเร็จแก่ตนเองและผู้อื่น

กาลเวลาจึงอุปมาเหมือนกับนายผู้ควบคุมกรรมกร
ให้ทำงานแข่งกับเวลา ฉะนั้นฯ

ลำน้ำน่าน บุรุษแห่งสายน้ำนิรันดร์
อุทิศแด่มวลชน ความศรัทธาที่กอปรด้วยปัญญา
และอาสาสมัครที่มีจิตสาธารณะฯ ทุกผู้ทุกนาม
วันพุธที่ ๑ เดือน ๑๐  


				
4 สิงหาคม 2551 23:24 น.

ราตรีประดับดาว (Paint the Sky with Stars)

ลำน้ำน่าน

ฉันเดินเดี่ยวเที่ยวออกนอกชานเมือง
ไฟรองเรืองทิ้งร้างไว้ทางหลัง
ตากน้ำค้างหนาวใจในวนวัง
หนีคนคลั่งเมืองทรามลุกเป็นไฟ

ฉันมาหาความหมายให้ชีวิต
พรหมลิขิตผลิดอกนอกเมืองใหญ่
รอทักทายไอหนาวแห่งราวไพร
ยามเรไรกล่อมทุ่งเมื่อรุ่งราง

ออกมาหาแววตาอันอ่อนโยน
อันจับโพลนเด่นด้าวคราวฟ้าสาง
ฟังเสียงเพรียกสายลมอันเบาบาง
คล้ายอ้างว้างพัดแผ่วแว่วมาไกล

ทอดสายตามองคุ้งทุ่งรวงข้าว
ในเรียวตาพรายดาวพราวไสว
เผื่อเวลาเงียบงันผันความนัย
เอาดวงใจระบายฟ้าคณานับ

ซุกตัวนอนซ่อนกายใต้เงาจันทร์
กอความฝันผลิใบในเดือนดับ
กล่าวอำลาราตรีค่อยหรี่ลับ
รอระยับอุษาโยคโลกขาดแคลน

ฉันตามหาดวงแสงลำแรงน้อย
ของหิ่งห้อยพราวพรายหลายล้านแสน 
ยามกระพริบล้อจันทร์ปันเขตแดน
ของรอยต่อเมืองแมนแลป่าพฤกษ์

มาสานฝันชาวดินที่สิ้นหวัง
เกี่ยวพลังห่มใจในยามดึก
จุดลำแสงเจือจุนอุ่นสำนึก
จากส่วนลึกหัวใจให้เพียงพอ

มาฟังเสียงสะอื้นของคืนหม่น
ของผู้คนพลัดพรากจากห้องหอ
ผิงไออุ่นกองไฟใต้ไผ่กอ
ได้หยอกล้อยิ้มเย้าเคล้าน้ำตา

หยาดน้ำค้างหยดรินกลิ่นความเศร้า
แตกดอกร้าวร่วงแล้วทั้งแนวป่า
จั๊กจั่นสนั่นเพรียกเรียกลมพา
ร่วมกล่อมหล้ารัวโรยเพลงโปรยไพร

ท่ามแผ่นฟ้าดาษดาววาวแวววับ
น้ำค้างจับหยอกเอินเนินไศล
ดุเหว่าแว่วหวานหวิวผิวเพลงใจ
อยากร่ำไห้สะอื้นซบไม่จบสิ้น

มารอนแรมคนเดียวเทียวเก็บฝัน
หวังกำนัลคนไกลในถวิล
ทั้งโลกกว้างตรงหน้ามายลยิน
น้ำตารินไหลอุ่นจนรุ่งราง

หากวันพรุ่ง...ดอกไม้จักตายถม
กลับไปสู่กระแสสังคมระทมถาง	
เมื่อเรี่ยวแรงเหือดหาย ณ ปลายทาง
ฟ้ากว่ากว้างกลับแคบลง...ณ ตรงนั้น

-----------------------------
ท่ามกลางเมืองใหญ่ที่แสงไฟเฉิดฉายส่องประกายสว่างจ้า
แต่หลายชีวิตกำลังมืดบอดอยู่ในความสว่างไสวแห่งเมืองทราม
หลายชีวิตกำลังลิงโลด..ฝันเฟื่อง..กับแสงไฟนีออน
หลายชีวิตปรารถนาแสงจันทร์ และแสงดาว
เพียงเพื่อต่อเติมพลังฝันพลังใจให้ก้าวต่อในวันรุ่ง
มีใครไหมที่ไม่เคยออกไปจากเมือง..มองความเรืองรองแห่งท้องฟ้า
ในยามค่ำคืน..ที่ประดับดาด้วยล้านแสงดวงดาวและหิ่งห้อย
ราวกับงานเฉลิมฉลองของเทวดาในคืนฝนดาวตกลีโอนิสด์ 

คิดถึงยามได้อยู่บนดอยลังกาหลวง แห่งอุทยานแห่งชาติขุนแจ
กับภาพกาแล็คซี่ทางช้างเผือกบนฟากฟ้า สว่างไสวอยู่ในความทรงจำ
และกับดาวตกหลายร้อยดวงก็นำความบันดาลใจกลับมาสู่
หมื่นล้านท่วงทำนองราตรี..ที่สะท้อนภาพความงามงด เรียบง่าย
แล้วหลุดพ้นจากพันธนาทั่งปวง...

สละเวลาเพียงหนึ่งครั้งต่อสัปดาห์ มองภาพอรุณเบิกฟ้าที่โผล่พ้นมุมตึก
สละเวลาสักครั้งในชีวิต ไปเดินป่าท่องธรรมชาติ ชื่นชมดอกไม้บนภูสูง
มองท้องฟ้าและทิวเขาเดียวดาย และป่าไม้เขียวขจี
แล้วเราจะรับรู้ถึงพลังธรรมชาติที่บริสุทธิ์ ที่ธรรมชาติเพียรกำนัลเรา
อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน....

ลำน้ำน่าน บุรุษแห่งสายน้ำนิรันดร์
รำลึกถึงขอบฟ้ากว้างทางช้างเผือก ณ ดอยลังกาหลวง

				
26 มิถุนายน 2551 16:57 น.

หอมใบตองในมณฑล (Leaf of the Land)

ลำน้ำน่าน

แด่ผู้ที่รักและศรัทธาในใบตอง
ใบไม้ของแผ่นดิน

เจียนตองอ่อนหยวกกล้วยด้วยมือน้อย
ประดิษฐ์ประดอยกระทงตองลองจับกลีบ
แป้งเนียนนวลดั่งหน้านุชดุจประทีป 
บรรจงจีบบรรจงห่อพอสวยงาม 

ลำดับวางตามชั้นมั่นในซึ้ง 
หอมอวลอึงอบไอแห่งสยาม 
กลิ่นตองนวลยวนใจได้ทันยาม 
สวยสมนามบริสุทธิ์ตามพุทธพงศ์ 

ประดับเมืองมนต์เสน่ห์ประเพณี 
บัวบายสีกลีบวิสุทธิ์ดุจปีกหงส์
กระทงตองสะท้อนถิ่นประทิ่นดง
กรองริ้วธงขบวนร่ายพรายสไบ

หอมแป้งร่ำหอมนานสนานแก้ม
หอมนางแย้ม..แย้มยิ้มริมผ้าไหม
หอมธูปทองคล้องศรัทธามาสู่ใจ
หอมมาลัยแซมผมภิรมย์นัก

เด็ดดอกบัวกรวยตองต้องฝนหนาว
โอบขันข้าวประคองคู่มาสู่ตัก
ร่วมจุดเทียนเวียนวนบนความภักดิ์
ทอสายใยสายรักอย่างหนักนาน

เสน่ห์นางนวลตองของวันพรุ่ง
งามจรุงหอมเอมเกษมศานต์
เจียนตองอ่อนซ้อนเหตุเทศกาล
สืบตำนานสตรีไทยในมณฑลฯ

----------------------------

ทุกเทศกาลในแผ่นดินสยาม
มีขนมไทยประดับประดาอยู่มากมาย
วิถีชีวิตและจิตวิญญาณของคนโบราณ
ถูกบอกเล่าผ่านขนมหลายชนิด
กรรมวิธีอันวิจิตรและประณีต..บรรจง
ทุกเทศกาลทำให้นึกถึงขนมใบตอง กลิ่นหอม
ของดั่งเดิมแบบไทยแท้ๆ ที่หาดูได้ยากในยุคนี้

ขนมเทียนเป็นหนึ่งที่ใจยังประหวัดกลิ่นใบตองหอม
อบไอนึ่งซึ้งหม้อไม้ฟืนในยามก่อน กับตองรมไฟ
ที่เคยช่วยแม่ทำตอนบุญพรรษา

คนโบราณเปรียบเปรยไว้ว่า 
ขนมเทียนคือสาวงามที่กล่าวขานกันทั้งชนบท
สงบงามดั่งใบตองอ่อนเหลืองอำพันที่เพิ่งผลิใบชูก้าน
รอใครสักคนมาเด็ดดวงไปทำกระทงและห่อขนม

ขนมใบตองและวัฒนธรรมประเพณี
อยู่คู่กับชาวสยามประเทศมาเนิ่นนาน
หวังเพียงคนรุ่นหลังไม่ปล่อยให้เสื่อมไปตามกาลเวลา
เทศกาลเข้าพรรษาเวียนมาอีกครั้ง 
ก็ยังประหวัดถึงใบตองไม่เคยลืมเลือน
ใบตองในมโนคติของข้าพเจ้า 
นั้นเป็นใบไม้ของแผ่นดินอย่างแท้จริง

ภาพถ่ายใบตองต้องฝน:  บุรุษแห่งสายน้ำนิรันดร์
 ณ ชายแดนไทยพม่า ทิวเขาตะนาวศรี



				
27 เมษายน 2551 12:47 น.

แปรกาลนั้นอสุภะจะกลับกลาย (The Crying Rainforest)

ลำน้ำน่าน

อุทิศแด่นักอนุรักษ์ป่าผู้วายชนม์
อุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้า


หลงรังรักษ์รุกขชาติมโนรมย์
กราบอาศรมเทวาอรัญวาสี
ทั้งดอกดินบูชาประดามี
ธรณีเทพทองครองพนา

บูชิตเจ้าเพิงผามาม่อนเขา
วิญญาณเฝ้าน้อยใหญ่ใจผวา
ภูตเปรตปลักโป่งไพรไหวธารา
วอนวิญญาณ์มาสดับรับบนบาน

คือแก่นแก้วลำนำอันสุดโศก
วิปโยครุมเร้าหนาวสังขาร
วเนจรนอนป่าชัฏช้านาน
จะนิพพานอายตนะจะรินริน

แสนอาลัยพฤกษาผกามาศ
มาบำราศแตกกายสลายสิ้น
อนิจจาค่าคบหักซบดิน
ไร้ยลยินย่ามเสียงจำเรียงนก

ดูรา..พรมไพรไร้เขียวปลาบ
เคยซึ้งซาบสนานตาผ้าห่มปก
เหลือแต่ซากค้างคอยรอยร้างรก
หนาวหัวอกแพรไพรไม่ห่มคลุม

แม้นจะฟังจำเรียงสียงสนั่น
จั๊กจั่นกลายสนุกเป็นทุกข์สุม
เพียงกองฟอนขอนไฟในสุมทุม
แทนพวงพุ่มเครือวัลย์ครั่นสายตา

มิเห็นเอื้องอวดดอกอาบหมอกม่าน
ไปซมซานราญไหม้ไกลนาสา
กลายกลีบกลิ่นเคยสนิทกล่อมนิทรา
อนิจจาครรไลไปก่อนกาล

พิศภาพพร่าพระไทรมิไหวติง
ระย้าหิ้งม่านไหม้ไร้เพลงขาน
เป็นม่านเมรุบังเพลิงเพราะเพลิงพาล
เกษมศานต์เล่ายับลงกับไฟ

ร้องส่ำสัตว์สาหัสแผลสากรรจ์
หนีอาสัญหนาววิญญาญ์จะหาไหน
สุดแต่โสตอัศจรรย์ได้ฟังไป
จับหัวใจเวทนา ณ ป่าชัฏ

สิ้นเสียงเพรียกสำเนียงเสียงเรียกหา
โกกิลาไก่แก้วเนินแนวสงัด
สุดไหวหวั่นดวงแดมาแพ้พลัด
อัตคัดสุนทรีย์ชุบชี้ทาง

พณาสัณฑ์ทิวไพรผู้ใดกู้
รู้เห็นอยู่สูงค่ากว่าสัตว์สาง
ฤาคอยโชควินาศขาดท่ามกลาง
แล้วอ้างว้างขาดขันธ์เมื่อบั้นปลาย

ขอพระคุณไพรวันแต่เพรงกาล
ได้สืบสานชีพนี้มีความหมาย
อุดมการณ์สืบสร้างมิสร่างวาย
เกิดแล้วตายตากร่างอยู่อย่างนั้น

เพื่อรุกขชาติงอกงามมโนรมย์
มิดอาจมถ่านเถ้าหนาวอาถรรพ์
ซับน้ำตาสรรพสัตว์นับอนันต์
ครั้นแปรกาลอสุภะจะกลับกลาย!


------------------------------
ท่ามกลางกระแสอนุรักษ์ป่าไม้
ตื่นตัวสุดขีดในยามนี้
แต่อุทยานแห่งชาติดอยเวียงผานั้น 
กลับย่อยยับด้วยไฟป่าฝีมือมนุษย์

มิรวมถึงผลกระทบลานินยา 
ที่พื้นที่ป่าหลายล้านไร่ต้องสูญเสีย
ข่าวการจบชีวิตของนักอนุรักษ์ป่า
แห่งอุทยานแห่งชาติแห่งคลองวังเจ้า 
นำความโศกเศร้าอบอวล
มากับสายฝนหลงฤดูในยามนี้

บางลำเนาแห้งแล้งแสนสาหัส 
บางป่าชัฏสายฝนโปรยแปลกวิถี
แสนคิดถึงเสียงสนภูเขาต้องลม ณ ดอยเวียงผา 
และธารป่าพนมดงรัก 
เสียงนกร้องประโคมก้องหุบเขาใหญ่ 
ณ เขาสมอปูนนั้นยังประหวัด

แหละกลีบพัดกล้วยไม้นานาพันธุ์ 
ณ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง
ภาพดาวเดือนที่เคลื่อนคล้อย ยามที่ได้นอนอาบจันทร์
ณ ใจกลางทุ่งใหญ่นเรศวร วิมานวนาป่าตะวันตก

สหายนิรนามนักเดินป่าท่านหนึ่ง เขียนบทกวีของเขา 
งดงามอย่างจับจิตว่า

ท่องเที่ยวทุ่งทิวไทยทั่วทุกทิศ
พงไพรพิศพนาพันธุ์พิงภูผา
เราแรมรอนร่อนเร่ฤาโรยรา
ปีนป่ายป่าแปรไปเปื้อนเปียกปอน
ดั้นด้นเดินดงดอยได้ดูดอก
เอื้องอั้วออกอบอวลอิงอ่อนอ้อน
คล้ายคอยคบใครคู่คาเคียงคอน
เว้าวิงวอนว่าวิเวกวังเวงวัลย์
(แม๊กไกเวอร์)

เว้นเสียแต่ผู้มีใจอ่อนโยน
เห็นค่าทรัพยากรธรรมชาติเท่านั้น
ที่จะซาบซึ้งความเป็นไปแห่งป่าไม้ดินน้ำลมไฟ
และเร่งอนุรักษ์ให้เป็นมรดกลูกหลานสืบไปภาคหน้า
หาใช่ทำลายและผ่องถ่ายเสพผลประโยชน์
กับสิ่งที่ตัวเองมิได้สร้างอย่างไม่น่าให้อภัย

หากไม่เคยออกไปค้นหาความหมายธรรมชาติ
แล้วเราจะเห็นคุณค่าของธรรมชาติได้อย่างไรกัน

ลำน้ำน่าน บุรุษแห่งสายน้ำนิรันดร์
๒๖ เมษายน ๒๕๕๑ ปีชวด



				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลำน้ำน่าน
Lovings  ลำน้ำน่าน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลำน้ำน่าน
Lovings  ลำน้ำน่าน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลำน้ำน่าน
Lovings  ลำน้ำน่าน เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงลำน้ำน่าน