11 มิถุนายน 2546 23:39 น.
ลำน้ำน่าน
ชวนหนุ่มลำน้ำน่านเที่ยวปักษ์ใต้.........ผู้หญิงไร้เงา
อยากจะชวนหนุ่มลำน้ำน่าน
มาเที่ยวบ้านแถวปักษ์ใต้
ซึ่งมีธรรมชาติดี ๆ ให้ดูมากมาย
แต่ไม่รู้หนุ่มลำน้ำน่านจะว่างไหมช่วยตอบที
ถ้าว่างจริ ง ๆ ก็จะพาไปเที่ยวสวน
ไปชมความงามของมวลหมู่พฤกษา
หรือถ้าไม่ชอบใจก็จะพาไปล่องธารา
ไปดูนกตกปลาตามชอบใจ
หรือว่าหนุ่มลำน้ำน่านอยากจะเที่ยวแถวน้ำตก
หรือว่าจะชมวิหกนกน้อยใหญ่
หรือว่าต้องการจะไปเที่ยวป่าเขาลำเนาไพร
ซึ่งผู้หญิงไร้เงาจะพาไปถ้าหนุ่มลำน้ำน่านสนใจจะมา
แต่ถ้าหนุ่มลำน้ำน่านไม่สนใจหรือไม่ว่างก็ไม่เป็นไร
ผู้หญิงไร้เงาจะขอชวนคนอื่นไปคงไม่ว่า
เพราะอุตส่าห์ตั้งโปรแกรมมาล่อตา
ต้องดูซิว่าหนุ่มลำน้ำน่านจะมาหรือเปล่าเล่าตอบที
........................
ลำน้ำน่านอยากเที่ยวปักษ์ใต้.............ลำน้ำน่าน
ยินกล่าวเชิญขับขานผ่านงานกลอน
ให้นิวรณ์ถปักษ์ใต้แดนสยาม
ถิ่นสะตอหนังตะลุงโนราห์ราม
ลูกสาวงามนามจริงหญิงไร้เงา
ให้วาบปราดดวงจิตคิดฝันใฝ่
อยากหอบใจเที่ยวไปไล่ความเหงา
ธรรมชาติเสกสรรค์มานานเนา
วับแววเงาวัฒนาผาถ้ำทอง
ไปชมสวนเขตร้อนผ่อนกายพัก
ทั้งสวนผักสวยยางงามทั้งสอง
ดูนกป่าธาราไพรน้ำแร่นอง
ชิมตอดองลูกเหรียงเคียงน้ำเคย
ยอดหัวครกพุงปลาท้าทายปาก
ลูกบ่าวอยากเสนอตัวเป็นลูกเขย
หัดกรีดยางชิมลูกเนียงให้คุ้นเคย
แล้วชิดเชยลูกสาวชาวสวนยาง
จึงตกปากรับคำนำสนอง
ตามครรลองแผนการที่วาดหวัง
จะมอบตัวหัวใจไปเด่นดัง
สุขสมหวังกับสาวใต้น้ำใจงาม
น้องสาวเห้อพี่บ่าวนั้นรักแท้
ยากหยั่งแท้พ่อดุไหมใคร่อยากถาม
จะเที่ยวไปต้องถามไถ่ให้รู้ความ
ล้ำลือนามคนใต้ร้ายเอาการ
หากทั้งหมดจดใจในคำตอบ
พ่อเห็นชอบน้องเห็นงามตามคำสานส์
จะหอบเสื้อหอบผ่อนตามนงคราญ
ปักถิ่นฐาน ณ แดนใต้ไปชั่วกัลป์
...............
ตกปากรับคำเชิญผู้หญิงไร้เงา จริงๆ แล้วอยากไปกรีดยางมาก อยากเป็นหนุ่มสวนยาง ตื่นแต่เช้า ถือตะเกียงถ่านหิน ไปกรีดยาง เวลาฤดูร้อนมา สวยยางก็ผลัดใบ ดูสีน้ำตาลพราวไปหมดทั้งสวน.....
11 มิถุนายน 2546 00:58 น.
ลำน้ำน่าน
อรุณรุ่งกลางลานหญ้า
ผ่องประภาคราแรกเห็น
เคลิบเคลิ้มเริ่มไหวเอน
กรุ่นกำจายคล้ายซ่อนกลิ่น
ยั่วใจก็หลงชม
ใคร่ดอมดมทั้งยลยิน
เมฆพราวขาวระริน
โอบรัดใจให้พิศมอง
ประทินกลิ่นเกลื่อนฟ้า
ดั่งโหยหารักสนอง
ขอบฟ้าราวเรืองรอง
ฉาบดวงใจให้รุ่งราง
ระวีคลี่ดอกไม้
น้ำค้างไพรใยมุมบาง
นางแย้มแกล้งสอางค์
ดอกทองหลางร่วงลานดิน
หมอกแดดเริ่มระบัด
ริ้วลมพัดเพชรไพลิน
ตะแบกอินทะนิล
อาบแสงฝันพรรณราย
ระหงส์ทรงบาดาล
เอ่ยขับขานรักเล่ห์ลาย
ดอกไหนใคร่ตื่นสาย
หอมพิสุทธิ์สายหยุดใจ
หน้าวัวจั่วใบเงิน
น้ำตาหล่นซบอกใคร
ระกำช้ำทรวงใน
หอมมิวายมาลิลา
ชมนาดดาษดอกนวล
พ้อลำดวนอย่าแรมลา
รักใดใคร่ปรารถนา
แสวงใจไปหาความ
ลานฝันพันธุ์ดอกไม้
บ่มลานใจให้วาบหวาม
บานไว้ให้เห็นงาม
ใช่ซ่อนเร้นเช่นรักใคร
เด็ดเดี่ยวมาเสียบทรวง
ควรคู่ควงกับดอกใด
ดอกรักภักดิ์ใจไว้
จนโรยลากลีบร่วงลง
สวาทมาตรรักแท้
ตรองให้แน่ก่อนไหลหลง
หอมหวานดอกไม้ดง
สัจกว่าคนร้อยดวงใจ
.............
คนเรามักแสวงหาความงามและคุณค่าแห่งจิตใจที่ไกลตัว จนบางครั้งฝันไฝ่ จนเป็นเหตุแห่งทุกข์และรานร้าวใจ.....สำหรับดวงใจที่เคยผิดหวังกับความรักมานานหลายครา ดวงใจก็คงเหมือนกับดอกไม้ที่โดนเด็ดมาขยี้เสียจนแหลกราญ ในวันนี้กับหัวใจดวงเดิมที่พลีใจให้ธรรมชาติและดอกไม้...รักงามที่ไม่มีพิษภัย และเหนือสิ่งอื่นใด..น่าพิศมัยยิ่งกว่าคนร้อยหัวใจยิ่งนัก..
7 มิถุนายน 2546 00:00 น.
ลำน้ำน่าน
หอมหอมตริตรองใจ
ดอกไม้ไพรแก้วกาหลง
โดนเด่นอยู่กลางดง
งามสะพร่างหว่างหัวใจ
อาทรภมรเมือง
บ่ชำเรืองแลผู้ใด
ใจรักภักดิ์ดีไว้
ประพาสป่า ณ แดนดิน
ฤดูก็คล้อยเคลื่อน
บ่ได้เยือนแก้วกระถิน
บ่มช้ำกล้ำกลืนกิน
หนาวจำทนจนรุ่งราง
ระยิบระยับพราว
กลีบพรายขาวดั่งดาวพร่าง
จะรักหรือผ่อนวาง
ดลหัวใจให้ป่วนแท้
แมลงภู่ผึ้งป่าดอน
อยากคลึงคลอนดอกดวงแด
เพราะรักยากหักแท้
จึ่งชอกช้ำกับบุพเพฯ
บานงามนามมงคล
คลอหยาดฝนพรมเสน่ห์
สูงส่งใช่รักเล่ห์
ทั่วทั้งผองครองบูชา
ควรคู่ด้วยผึ้งหลวง
ดุจดาวดวงสถิตย์ฟ้า
ผึ้งป่าเหล่านกกา
อย่าแม้นเปรียบเทียบความงาม
อัญเชิญเข้าครองเมือง
รักเรื่อเรืองระบัดนาม
ดอกแก้วก็ไหวหวาม
บริสุทธิ์เกินกล่าวพรรณ
จำจรก็ตัดใจ
อันผึ้งไพรไหนสำคัญ
อกร้าวใคร่อาสัญ
อยู่อ้างว้างกลางดงแดน
..........................
คนไทยโบราณเชื่อว่า เรือนใดปลูกต้นแก้วไว้ประดับบ้าน ทำให้คนในบ้านมีความสุขและมีคุณค่าสูง เพราะคำว่าแก้วนั้นหมายถึงสิ่งที่ดีมีค่าสูง เป็นที่นับถือบูชาของคนทั่วไป ซึ่งโบราณได้เปรียบว่า เหมือนดวงแก้ว ดอกแก้วมีกลีบดอกขาวพร่างบริสุทธิ์ หอมนวล แมลงภู่ผึ้งชอบตอมตรมยิ่งนัก และถือเป็นไม้มงคล คู่ควรกับสิ่งทีดีๆ สูงส่ง..เสมอ ... แต่ในวันนี้นั้นลำน้ำน่านเป็นเพียงผึ้งไพร...
(ไม้ประดับดอทคอมเอื้อเฟื้อข้อมูล)
6 มิถุนายน 2546 23:40 น.
ลำน้ำน่าน
นกน้อยคล้อยบินมา
ใต้เมฆาพายัพหลง
กรีดปีกล่องลมดง
ดั่งนางหงส์เหิรเวหา
ระเด่นเห็นเรื่อเรือง
งามปลดเปลื่องนางพญา
ลวดลายชวนชายตา
เสน่หาประภัสสร
ดวงใบเรียวไข่รูป
จวนพรมจูบแนบใจนอน
ออดอ้อนก็ถอดถอน
จึงจากจรบินหนีไป
ท้าลมแดดระยับ
กลัวร้างลับรักฤาไหว
สวรรค์บรรดาลใจ
แม่นกไพรให้อวดงาม
ระวีคลี่กลีบดอก
งามมิหยอกจึงเอ่ยถาม
ใช่เด่นเช่นชื่อนาม
หรือเพียงความให้หวั่นใจ
จะร้างกระไรอยู่
ใคร่ผูกชู้สวาทไว้
หลงงามดอกทรามวัย
งามกลางใจนางสวรรค์
กอแยกแตกหน่อน้อย
อาบแดดพร้อยค่อยพิศพรรณ
วอนรักปักษาสวรรค์
อย่าด่วนพลันหักอกใคร
.........................
ปักษาสวรรค์เป็นพืชที่มีความสวยงาม โดยเฉพาะดอกของมันที่ดูแล้วคล้ายกับนกที่กำลังบินอยู่บนท้องฟ้า จะปลูกไว้เพื่อชมดอกโดยเฉพาะ ใบมีสีเขียวเข้มคล้ายรูปไข่ ยามออกดอกประโลมใจผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก.....
(ไม้ประดับดอทคอม อนุเคราะห์ข้อมูลและภาพ)
6 มิถุนายน 2546 00:02 น.
ลำน้ำน่าน
เพชรน้ำค้างวูบหล่นพรมไพรพฤกษ์
ยิ่งยามดึกหรีดหริ่งยิ่งสรวลสันต์
ขับแสงนวลชวนใจในเงาจันทร์
หยาดสวรรค์พร่างมาจากฟ้าไกล
หอมระรินกลิ่นบัวทั่วคุ้งน้ำ
สายชลงามร้อยดาวพราวไสว
จิตดึกด่ำล้ำลึกผลึกเงาใจ
หมู่มวลไม้ร่ายรำจันทร์เดือนเพ็ญ
ดั่งน้ำค้างกลางฟ้าที่ปรากฏ
หล่นงามงดกระทบใจในแรกเห็น
ชโลมโลกพรมฤทัยให้ฉ่ำเย็น
รักระเด่นรออุษามาเนิ่นนาน
จนดาวเลือนเดือนลอยคล้อยเคลื่อน
ยิ่งย้ำเตือนมั่นรักอักษรสาสน์
จะอยู่เคียงเรียงข้างนางนงคราญ
ดุจน้ำค้างเกาะเกี่ยวเรียวบุษบง
ตราบอรุณทอแสงแห่งขอบฟ้า
สกุณาเจื้อยแจ้วแว่วเสียงหลง
มวลดอกบัวคลี่ใบในแดนดง
น้ำหล่นลงบ่มงามกลางบ่วงใบ
เผยผลิค่าน้ำฟ้าอุษาส่อง
ตามครรลองระเหยเปรยรักไว้
จากหยดน้ำเกาะพรายกลายเป็นไอ
น้ำค้างไพรดั่งรักร้างตามเตือนมา
เห็นดวงจิตเห็นสัจความพรัดพราก
รอยร้างจากพรากไปให้ห่วงหา
แม้นงามหยดรดใจให้ตรึงตรา
ถึงเวลาต้องปลิดพรากไปจากใจ
อีกความนัยซ่อนเร้นเช่นหยดน้ำ
ระบัดงามครองทั่วบัวน้ำใส
กลิ้งเกลือกกลอกยอกย้อนบอนบัวใบ
ล่อดวงใจให้หลงตามนานชั่วกัลป์
..............................
อ่านบทกวีบทหนึ่งของ จิระนันท์ พิตรปรีชา ในกวีพรรณาถึงความงามของหมู่มวลดอกไม้ที่เบ่งบาน กับ อหังการแห่งดอกไม้ ให้กลับมานึกว่าทุกอย่างในโลกใบนี้ย่อมมีสองด้านในงามนั้น...เพียรมองให้เห็นงามและเห็นคติแห่งตามธรรมชาติ แล้ววันหนึ่งเราอาจจะรู้ว่าธรรมชาตินั้นตะโกนโหวกแหวกสอนธรรมให้แก่เราทุกๆ วินาที เพียงเปิดใจรับฟัง......