19 สิงหาคม 2553 18:36 น.
ลานจันทร์ฝันกวี
ในความฝันบางตอนยามย้อนคิด
ให้ตรึงติดเรื่องราวคราวหนหลัง
แม้บางภาพเลือนรางดุจม่านบัง
ด้วยภวังค์กังขา..นิทรากาล
ในบางช่วงมีนักรบสงบอยู่
เคียงวธูดูจันทร์ปันแสงหวาน
บ้างประคอง โอบอิง มิ่งจอมมาลย์
บ้างขับกานท์เห่กล่อมถนอมนวล
คลับคลาเห็นหัตถ์งามยามพับกลีบ
ใบพลูจีบ-เจียนหมาก จากเรือกสวน
เฝ้ารออ้ายหวนทัพขับขบวน
เสร็จศึกล้วนหมายกลับรับคืนเรือน
เสียงกรีดร้องของจักจั่นยามแล้ง
ชวนให้คนฟังหัวใจเหว่ว้าขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง
ใบสักค่อย ๆ ร่วงหล่นลงมากระทบพื้นอย่างแผ่วเบา
คนที่ไม่เคยมีความรักแผ้วพาน หากรู้สึกเหมือนส่วนลึกซ่อนรอยเศร้า
รอยเศร้าที่หลงเหลือตกค้างมาจากชาติปางก่อนกระมัง
มันเป็นเงาอันใดที่ บางครั้งก็คล้ายมีตัวตน บางครั้งก็คล้ายไม่มีตัวตน
เฝ้าถามตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า
เฝ้ารอใครบางคนที่ไม่เคยรู้ว่าเป็นใคร
หรือว่าเป็นแค่จิตปรุงแต่งไขว่คว้าหานาง..แค่กลางฝัน
18 สิงหาคม 2553 14:56 น.
ลานจันทร์ฝันกวี
วันคืนดุจดั่งฝัน...ครุ่นคำนึงจนผมหงอกขาวหยาดน้ำตาไหลลงไม่สุดสิ้นยวนยางคงอยู่เดียวดาย..หัวใจสลายถึงคนบนฟ้า...อีกนานเท่าใดจึงจะได้พบพาน..
วันเวลาที่ผ่านมา กับเส้นทางชีวิตที่ดำเนินอยู่....พบปะผู้คนมากมาย
หัวใจยังคงเต้นในจังหวะเดิม ๆ ของมัน มีความสุขกับความเงียบสงบงามท่ามกลางขุนเขาและธรรมชาติที่โอบล้อม
เสียงธาราไหลริน กระซิบกระซาบกับหมู่โขดหินยามเส้นสายสีขาวใสสะอาดเคลื่อนตัวผ่าน
เสียงกรุณาตัวน้อย เจื้อยแจ้วทักทายผู้มาเยือนอยู่บนปลายไม้สูงลิ่ว
ละไอหมอกจางเจือ เมื่อแสงแห่งอรุณรุ่งแหวกฟ้าลงมาสู่หมู่ไม้
เสียงน้ำค้างยังคงหลงเหลือให้ได้ยินดังเปาะแปะ ยามกระทบกับใบไม้ที่ทิ้งตัวนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น
นี่เป็นเช้าวันใหม่ ในหุบดอยอันอบอวลไปด้วยสายลมหนาวและความงดงามตามธรรมชาติ
วันหยุดสุดสัปดาห์ที่ได้วางภาระทุกอย่างลง และตั้งใจจะรจนางานสักชิ้นให้กับใครบางคนที่เฝ้ารออ่านอยู่อีกฝั่งฟ้า
จริง ๆ นอกจากภาระ หน้าที่การงาน ที่ทำเพื่อยังชีพให้มีชีวิตอยู่ได้ การอยู่ในหุบเขาเช่นนี้ เป็นความสุขอย่างยิ่งยวด
ไม่มีเสียงรถราหนวกหู ไม่มีผู้คนพลุกพล่านจนดูละลานตา ชีวิตของคนไพรคนหนึ่ง ไม่ต้องการอะไรมากกว่าการใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบ
ตั้งแต่มีเสียงหวานๆ โทรมาปลุกทุกเช้า จังหวะในหัวใจของคนไพรก็เปลี่ยนไป
สีของหัวใจก็เริ่มเปลี่ยน ในความคิดคำนึงที่มีเพียงหนึ่ง คือ ลมหายใจและความเดียวดาย..ได้สอดแทรกเงาภาพของคนที่แรกรู้จักหากให้ความรู้สึกว่าคล้ายคุ้นเคยมาแสนนาน
การพบกันของเรา..ทั้งไม่ใช่วาสนา ทั้งไม่ใช่พรหมลิขิต หากเป็นรอยบรรพ์ที่ไม่อาจสลัดละทิ้งออกไปจากความรู้สึกได้
สำหรับคนไพร แม้ข้างกายจะไม่มีคุณอยู่เคียงข้าง แต่สิ่งเดียวที่มีอยู่ตลอดเวลาคือการ มีคุณแนบอยู่ในหัวใจ..ซึ่งมากพอที่จะปลอบประโลมหัวใจดายเดียวให้ไม่เดียวดายอีกต่อไป
แม้ชีวิตของเราอาจเป็นดั่งเส้นขนาน หรือไม่....ก็ไม่อาจคาดเดาวันที่จะมาบรรจบพบกัน แต่ที่สุดของหัวใจดวงนี้...ก็ขอเป็นฝ่ายได้รักคุณ...มอบสิ่งดี ๆ ความรู้สึกดีดีให้กับคุณตลอดไป
หากว่าวันหนึ่งที่ต้องหลับตาลงชั่วนิรันดร์ โดยไร้คุณเคียงข้าง แต่ขอให้คุณรู้ไว้เถิดว่า
ใครคนนี้ไม่เคยเสียใจที่ในชีวิต...ได้มีโอกาสได้พบและรู้จักผู้หญิงแสนดีอย่างคุณ