31 สิงหาคม 2553 11:23 น.
ลานจันทร์ฝันกวี
สายลมหนาวพัดมาอีกครั้ง
เจ้านำพาความเดียวดายและความเศร้ามาเยือนอีกครา
นานเท่าไหร่แล้ว..ที่ความเศร้ามิเคยพรากไปจากหัวใจ
แต่ละก้าวที่เดิน..แต่ละวินาทีที่ยังหายใจ
หัวใจค่อยๆ แหลกสลายไปทีละน้อย
แผ่นดินมิได้เป็นแผ่นดินอีกต่อไป
ท้องฟ้าที่เคยสดใสไม่เคยมองเห็นอีก
สรรพสิ่งรอบตัวข้าไร้ชีวิตชีวา
รอยยิ้มจากไปชั่วนิรันดร์
วิญญาณกลับสลายลงทันใด
ความสุขเคยรับรู้จางหายไปสิ้น
มีชีวิตอยู่โดยปราศจากวิญญาณ
ทุกคืนผวาตื่นด้วยความปวดร้าว
ทุกคืนน้ำตามิเคยหยุดหลั่งริน
เพียงรอวันที่หลับตาและมิต้องตื่นขึ้นอีกตลอดกาล...
...แม้ใครคนหนึ่งจากไกล...
แต่บางหัวใจยังคงเดิม...
มองหาเธอผ่านท้องฟ้า...ใครบนฟ้าสบายดีไหม
29 สิงหาคม 2553 12:20 น.
ลานจันทร์ฝันกวี
กาลเวลาผันผ่าน..หากน้ำใจยังคงอยู่
เป็นความรู้สึกเพียงหนึ่งเดียวในห้วงจินตนาการอันตรึงตรา
ที่ปรารถนาให้คงอยู่ชั่วกัปกัลป์..
แว่วเสียงเพลงอันอ่อนหวาน..ดั่งย้อนรอยกาลที่จางหาย..
หวนคืนความฝันก่อนวันกลาย..ครั้งเมื่อสองใจมั่นหมายในความรัก
นานเพียงใดที่ก้าวสู่ทางสายโศก..ไขว่คว้าหาเงาของหนึ่งใคร..
หรือเพราะบทเพลงอ่อนหวานบทหนึ่ง.
หรือเพราะเสียงหยาดฝนพิลาปร่ำ...
จึงดลใจให้คะนึงหาอาวรณ์ดลใจให้บางฉากตอนย้อนคืนมา
28 สิงหาคม 2553 19:51 น.
ลานจันทร์ฝันกวี
เสียงประทัดดังขึ้นมาเป็นระยะ ท่ามกลางบรรยากาศอันรื่นรมย์ในค่ำคืนวันลอยกระทง
ริมฝั่งปิงเนืองแน่นไปด้วยผู้คน...บ้างถ่ายรูป..บ้างจุดโคม..
กลับมีหนึ่งดวงใจ..ดายเดียว...บนเรียวฝัน กำลังรำลึกถึงใครบางคนที่อยู่ไกลแสนไกล
กี่ปีแล้วที่ไม่ได้เดินทอดทัศนาบรรยากาศของค่ำคืนวันลอยกระทง
ทุกปีที่ผ่านมาเพียงนั่งเหม่อมองสายน้ำปิงทอดสายผ่านหลังบ้าน
มองดูกระทงน้อยอันแล้วอันเล่าลอยผ่านไป...จะมีสักอันไหมนะที่จะลอยไปจนถึงแม่น้ำเจ้าพระยา
สายโคมทองย้อยระย้า ล่องลอย..เลื่อนไหล ไปไกลเกินจะไขว่คว้า
สายตาของคนที่กำลังครุ่นคำนึง จับมองท้องฟ้าที่แต่งแต้มไปด้วยแสงระยิบสีทอง
ป่านนี้...ใครบางคนก็คง..กำลังลอยกระทงเดียวดายเพียงลำพัง...
กลิ่นดอกจำปาลาวที่ทัดอยู่ริมหู ก็ยังคงหอมกรุ่นเหมือนเดิม...
หากดาวบนฟ้า...จะสามารถแทนดวงตาของใครจากริมฝั่งปิง..ทอดผ่านสายใยสายใจให้แก่คุณ..ยามคุณเหว่ว้า
คุณจะรู้บ้างไหมว่า...ใครคนนั้นเฝ้ามองอยู่ทุกครา เมื่อมีดาวประดับฟ้า...แม้จะไม่เคยรับรู้ว่า..อีกฟากฝั่งฟ้าจะเคยรับรู้บ้างหรือเปล่า
วันนี้กระทงน้อยในมือ ค่อย ๆ ถูกปล่อยลงสู่ผิวน้ำช้า ๆ อย่างเดียวดาย
น้อมจิตขอขมาและบูชารอยพระพุทธบาทริมฝั่งแม่น้ำนัมมทานทีด้วยจิตใจเคารพ และขอพรสิ่งศักดิ์ที่ดูแลรักษารอยพระพุทธบาทแห่งนี้ ช่วยปกปักรักษาคนที่อยู่อีกฝั่งฟ้า อีกฝั่งน้ำ..ให้มีความสุขตลอดไป
...สายน้ำปิงรี่ไหล...ไปกับใจของใครบางคน...ไปถึงริมฝั่งเจ้าพระยา...ไปถึงเจ้าของจำปาลาวดอกน้อยที่ทัดอยู่ริมหู
27 สิงหาคม 2553 15:42 น.
ลานจันทร์ฝันกวี
วันนี้เป็นอีกวันที่รีบตื่นขึ้นมาแต่เช้าเพื่อออกไปเดินเล่นตามแนวชายหาดสีขาวสะอาดที่ทอดร่างไปไกลจนสุดลูกหูลูกตา ดื่มด่ำ...ทัศนาทะเลสีไพลินน้ำงามสุกใส...สดับเสียงคลื่นครวญสาดซัดดุจลัดเลาะไปตามทุกอณูแห่งเม็ดทราย
ก่อนโอบรัดพัดพาลงสู่พื้นมหรรณพแล้วตีวงคลายอ้อมกอดคืนเม็ดทรายให้เลื่อนไหลเข้ามาสู่สถานที่ ที่เคยพักพิง
สายลมเย็นเห่กล่อมล้อมรอบกายทักทาย...แม้จะได้กลิ่นอายของความเค็มนิด ๆ หากก็ทำให้เช้าวันนี้แสนสดชื่นและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา
สำแสงสีทองค่อย ๆ โผล่พ้นออกมาจากเส้นขอบฟ้าที่แบ่งพื้นน้ำสีน้ำเงินอ่อนจางไว้เบื้องล่าง
แสงระยิบระยับสะท้อนประกายดุจอัญมณีที่ทอดตัวเรียงรายขนานไปกับแนวขอบฟ้า...ดูงามจับตาจับใจ
วิถีชีวิตในเช้าวันใหม่กำลังจะเริ่มต้น....ปล่อยให้จิตใจกำซาบกับความสวยงามที่อยู่รอบกาย
พลอยทำให้อบอุ่นอ่อนโยน...ระคนไปด้วยความหวานแกมเศร้าอยู่ลึก ๆ ภายใน
ก้มลงเก็บเปลือกหอยสีชมพูอมม่วงเล็ก ๆ ที่บังเอิญอยู่เคียงคู่กันบนพื้นสีขาวสะอาดเลื่อมระยิบ..ยามละอองแสงสีทองแห่งรุ่งอรุณทอดตัวลงมาอาบไล้ทาบทา
....ไม่ค่อยมีโอกาสได้เดินทางมาชื่นชมกับทะเลแสนงามบ่อยนัก
อาจเพราะระยะทางอันแสนไกล หน้าที่การงาน ภาระต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน ได้แต่ชื่นชมกับบรรยากาศอันเงียบสงบ
ภายในตัวบ้านที่มีเพียงช่วงเช้าที่เสียงเซ็งแซ่ของเหล่าสกุณาตัวน้อย ๆ จะพัดพาให้ความเงียบสงบนั้นจางหายไป
ชื่นชมความร่มรื่นของม่านพฤกษาเขียวขจี
ดอกพุดเศรษฐีออกดอกสีขาวตลอดปีส่งกลิ่นหอมระเหยมาตามลม
แนวต้นกาสะลองสีเขียว ที่ปีนี้ยังไม่เห็นทีท่าว่าจะเผยดอกอวดโฉมให้เห็นเหมือนทุกปีที่ผ่านมา
อาจเป็นเพราะสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปกระมัง แม้แต่พวงคราม ที่ปกติมักจะโรยดอกไปแล้ว กลับยังแย้มดอกสีม่วงให้เห็นอยู่ประปราย
เบิรด์ออฟพาราไดซ์ แย่งกันเบ่งบานไม่เว้นวายอยู่ตรงริมรั้วด้านหนึ่งของตัวบ้าน
ดึงความคิดกลับมาสู่ปัจจุบัน หลายวันที่มาอยู่ที่นี่ก็ยังไม่วายถูกบางสิ่งบางอย่างเข้ามารบกวนในกระแสแห่งจิตใจ
มองดูดวงตะวันแต้มกายออกมาจนเต็ม ปล่อยลำแสงลูบไล้แผ่นฟ้า แผ่นน้ำ ชายหาด..
คงถึงเวลาที่จะกลับเสียที....และอาจจะไม่ได้กลับมาที่นี่อีกแล้ว
ลาก่อนหาดทรายแสนงาม ทะเลสีสวย เสียงคลื่นอ่อนหวาน สายลมละมุน
ลาก่อน...จำปาลาวขาวพร่าง..ที่ยืนตระหง่านริมหน้าต่างห้องพัก
ลาก่อน..กับสถานที่ที่ก่อให้คลื่นสัญญา...อันไร้ตัวตนกับ....จำปาลาวดอกนั้น..ที่มิเคยจางกลิ่นสิ้นรอยหอม
แปลก....แม้จะอยู่ใต้ฟ้าเดียวกัน...แต่ฟ้ากลับลิขิตให้ชีวิตเราเป็นเพียงเส้นขนานที่ไม่มีวันมาบรรจบพบกันได้...
27 สิงหาคม 2553 14:50 น.
ลานจันทร์ฝันกวี
กิ่งหลิวพลิ้วไหว...โซว่ซีหูบังเกิดระรอก
สะพานน้อยทอดข้ามฝั่ง
ใต้แสงจันทร์กระจ่าง...
ยืนทอดทัศนาภาพเบื้องหน้า...
...กลับเวิ้งว้างว่างเปล่า
ความรู้สึกช่างเป็นมิติอันลึกล้ำ บางช่วงคล้ายสายรุ้งที่พาดผ่านผืนฟ้า บางคราคล้ายสายน้ำที่ไหลเอื่อยอ่อน
บางขณะกลับซ่อนเงาเลือนรางบางเบายากจำแนก...แล้วเงาในหัวใจขณะนี้เล่าเป็นฉันใด
เป็นความคิดคำนึงอันลึกซึ้ง..
เป็นความรักที่ไม่อาจพรรณนา.
เป็นความเดียวดายอันเปลี่ยวเหงา.
การอคอยอย่างยาวนาน..กับภาพที่มีตัวตนในนิทรา..หากไร้ตัวตนเมื่อฝันสลาย
เพียงรอ...คนในฝันจักปรากฏกาย...เฝ้าไถ่ถามฟ้า...กี่ชาติจักพบพาน....กี่ชาติภพต้องรอคอย....