26 สิงหาคม 2553 10:50 น.
ลานจันทร์ฝันกวี
ทุกถ้อยคำ..ทุกความคำนึง
ร้อยเรียงเป็นคำจารึกบทหนึ่งจากหัวใจ
มอบให้คนดี..ที่อยู่แสนไกล
ได้ยินไหม...เสียงหัวใจใครคนนี้
กำลังบอกรักคุณ...
เสียงกระซิบแผ่ว ๆพลิ้วผ่านข้ามน่านฟ้า
คนดี...หลับตานะ..คืนนี้จะส่งใจ
ไปอยู่เคียงข้าง..
สุดซึ้งใจ..กับคำรักและความหวานที่คุณมีให้
ขอบคุณที่ฟ้าส่งคุณมาให้รู้จัก ..แต่ไม่ได้เพียงแค่พบพานเพื่อผ่านภพ
หากเป็นการพานพบ..เพื่อส่งความรู้สึกดีดีให้กันตลอดไป
26 สิงหาคม 2553 09:46 น.
ลานจันทร์ฝันกวี
ในห้วงจินตนาการ..ปล่อยหัวใจให้โบยบินไปหาเธอ..คนที่แสนคิดถึงเต็มห้องใจ..
เธอ...ช่างเหมือนแสงสีทองที่ลอดผ่านม่านเมฆหม่นมัวให้ความสว่างแก่ผืนแผ่นดิน
เธอ..ประหนึ่งสายลมแผ่วพลิ้ว ลูบไล้ ผิวกายให้ละมุน ..หัวใจพลอยอ่อนหวาน
แม้ระยะทางแสนไกล แต่ไม่อาจพรากใจให้อยู่ไกลจากเธอได้
จากคนที่เคยเดียวดาย กลับเดินมาพบแสงสว่างบนปลายทางฝัน
หากนี่คือห้วงจินตนาการ...ก็ขอให้อีกฟากฝั่งฟ้ารู้ไว้เถิด
ว่าใจดวงนี้ ได้วางอยู่ในอ้อมกอดอ้อมฝันแห่งหัวใจคุณแล้ว
22 สิงหาคม 2553 21:03 น.
ลานจันทร์ฝันกวี
ในค่ำคืนที่มีเพียงแสงดาวเป็นเพื่อน
สายลมขับกล่อมลูบไล้ผิวกายอย่างอ่อนโยน
มองไปสุดลูกหูลูกตาคือ ความยิ่งใหญ่ของหุบไพรอันเปลี่ยวร้าง
เสียงแมลงตัวจ้อยที่เคยแข่งขันกันร้องเพลงยามค่ำ
เงียบหายราวกับหลบลี้หลีกหนีเข้าสู่ห้วงนิทรา
ท่ามกลางความเงียบ มีเพียงเสียงหัวใจที่เต้นอยู่
คล้ายเดียวดาย คล้ายเหว่ว้า แต่ก็คล้ายดั่งแฝงไปด้วยความสุขลึก ๆ
ไม่เคยสักครั้งที่มันจะเต้นผิดจังหวะมาก่อน
จนกระทั่งวันนี้ จังหวะหัวใจเริ่มเปลี่ยนไปพร้อมกับภาพเงาของใครบางคน..ที่พบกันอย่างบังเอิญ และจากกันอย่างกะทันหัน
หากได้ฝากภาพเงานั้น..ติดตามหัวใจกลับมาถึงที่นี่ เฝ้าถามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าเธอเป็นใคร..เจ้าของช่อดอกไม้สีสวยช่อนั้น...
22 สิงหาคม 2553 20:32 น.
ลานจันทร์ฝันกวี
ร้าวราน
เหน็บหนาว..
เดียวดาย..
โศกซึ้ง..
..สายลมหนาวร่ำไห้
ดอกไม้คร่ำครวญ
ท้องฟ้าโหยหวน
สรรพสิ่งสิ้นวิญญา..
ใจแห่งเราเล่า..เมื่อไหร่จะไร้ซึ่งวิญญาณแห่งความรู้สึกทั้งมวล
เมื่อไร้น้ำตา..ไฉนภายในจึ่งร่ำไห้
20 สิงหาคม 2553 10:37 น.
ลานจันทร์ฝันกวี
วสันต์มาเยือน...พิรุณเกลื่อนเต็มฟ้า
ยืนเหม่อมอง..ละอองสีขาวเบื้องหน้า ..พร่างพรมลงมาดุจม่านฝัน...
คล้ายกางกั้นเงาร่างอ้างว้างสายหนึ่ง... กับเงาร่างอีกสายหนึ่ง
ที่ลับหายไปในห้วงแห่งกาลเวลาตลอดกาล
. ยืนฟังเสียงพิรุณเพียงเดียวดาย
วันเวลาคล้ายผ่านไปรวดเร็วนัก
หากหัวใจกลับยืนหยุดอยู่กับที่
..หยุดตรงที่เราเคยมีกันและกัน...
ทอดถอนใจด้วยความร้าวราน
กาลเวลาใช่เคยลบเลือนเงาร่างฝัน ที่อยู่ในหัวใจตลอดมา ..พันธนาการที่ไม่มีผู้ใดสร้าง นอกจากใจของเรา
แล้วเหตุใดจึงสร้าง เหตุใดจึงรัก?
ทุกครั้งยามนิทรา ไม่รู้ว่า ..พรุ่งนี้ใช่จะตื่นขึ้นมาอีกหรือไม่
กาลเวลาจึงควรค่าแก่การถนอมยิ่งนัก
ยามมีชีวิตอยู่..ความรักจึงเป็นสิ่งที่งดงาม
แม้จะไม่มีรัก...แต่หัวใจใช่จะไร้รัก
ความรัก..บางครั้งเกิดง่าย..และสิ้นสุดลงง่าย
แต่ การรักษาความรัก..กลับยากเย็นยิ่งกว่า
การลืมใครบางคนอาจง่าย
แต่การจะลืมใครอีกคนกลับยาก....
น้ำตาไม่เคยหลั่งออกมาทางภายนอกให้ใครรับรู้
หากหัวใจเล่าไยมิใช่หลั่งน้ำตาทุกค่ำคืน
หยาดน้ำฟ้าแต่ละหยาดหยด
ไหนเลยจะเทียมเท่าความครุ่นคำนึงที่มิเคยอ่อนจางไปจากใจ
..ความหวานปนเศร้านั้น ช่างเป็นมิติที่ลึกล้ำ
ลึกซึ้งยิ่ง...
เหม่อมองดอกลีลาวดีดอกหนึ่งร่วงหล่นลงมาจากต้นริมหน้าต่าง...
เฉกเช่นความรัก ร่วงหล่นปลิดปลิวหายไปในใจของใครบางคน หากความรักในใจเราเล่าหาได้เคยร่วงหล่นหายไป...ไม่เคยเลยจริง ๆ