20 กุมภาพันธ์ 2554 11:21 น.
ละไมฝน
คืนนี้หนาว...มาผิงไฟ ให้คลายหนาว
ข้าวเหนียวขาว ปั้นทาไข่ พอเหลืองเหลือง
นั่งล้อมวง จี่ข้าวกิน ไม่สิ้นเปลือง
แล้วเล่าเรื่อง นิทานก้อม สู่กันฟัง
ปู่เล่าขาน ตำนาน ดาวลูกไก่
เรื่องดาวไถ ดาวจระเข้ เสน่ห์ขลัง
ทางช้างเผือก ดาวประจำเมือง รองเรืองจัง
เด็กสาวนั่ง ขอพร ออดอ้อนดาว
หมาไอ้ด่าง ข้างกองไฟ ได้กลิ่นหอม
มันเดินอ้อม มาหมอบลง ตรงหน้าสาว
แล้วเหม่อมอง ข้าวเหนียว ตาลุกวาว
เถอะ...ปั้นข้าว หล่นเมื่อไหร่ ได้ลิ้มลอง
คืนก่อนนั้น มันได้ชิม ปั้นข้าวจี่
แต่คืนนี้ ช่างไร้หวัง หมาหม่นหมอง
เด็กสาวแทะ ปั้นข้าวเหนียว ไม่เหลียวมอง
นั่งยองยอง ฟังนิทาน สำราญกลอน
ปั้นข้าวจี่ บิแบ่งปัน ฝันหอมกรุ่น
กลิ่นละมุน ติดก้นขาว แต่ออกอ้อน
ค่ำคืนนี้ เม็ดข้าวเหนียว อันอุ่นร้อน
ติดอ้อนต้อน หอเด็กสาว คลายหนาวพลัน...
.
ละไมฝน*ฉ่ำ
20 กุมภาพันธ์ 2554 09:42 น.
ละไมฝน
กระจ่างใจในความรัก
เมื่อรู้สึกสมรู้สาว่าความรัก
ก็อิ่มเอมเปรมกระอักหลักเหตุผล
เหนือนิยามหนามไหน่ทิ่มใจตน
เจ็บเกินทนแสนทุเรศเวทนา
มองแง่งามของความรักอยู่ตรงไหน
สุกสดใสดุจดาวช่วงห้วงเวหา
หรือพิสุทธิ์ดุจน้ำค้างกลางวนา
หรือเป็นเพียงปริศนามาท้าทาย
ยั่วเด็กโง่ค้นคว้าหาคำตอบ
ภายใต้กรอบซ้อนทับกับความหมาย
ซึ้งซับซ้อนแสนลึกล้ำคำบรรยาย
ลวงสับสนจนตาลายพร่างพรายเมา
เสพสนธิมิปฏิเสธในสุขสนอง
รักคะนองคึกคักขลุกขลักเขลา
คะนึงหวนขวนขวายจนมายเมา
เรามีเราใต้เงารักร่มหัวใจ
รักสวยงามในนิยามของความรัก
น้ำต้มผักว่าหวานประมาณไหน
ยามความรักกัดก้อนเกลือกลืนเมื่อใด
อันความรักก็อาจไร้ซึ่งนิยาม
รักวัยเรียนเหมือนเปลวเทียนกลางสายฝน
มัวมืดหม่นเมื่อเทียนดับ...สดับถาม
ถึงความใคร่จัญไรชั่วครู่ยาม
เจ้าประณามหยามชีวิตที่ปลิดปลง...
ละไมฝน*ฉ่ำ
1 กุมภาพันธ์ 2554 09:37 น.
ละไมฝน
ฉันจะเขียนกลอนรักสัก ๑,๐๐๐ บท
๑. หนามความเงียบ
ตื่นขึ้นมาจูบฉันทีเถิดที่รัก
คลายความร้าวหน่วงหนักในคืนเหงา
หนามความเงียบทิ่มแทงฝันอันพริ้มเพรา
แทรกความเศร้าในราตรีที่เยียบเย็น
๒. เยียบเย็นในแรมคืน
ตื่นขึ้นมาโอบกอดฉันจะได้ไหม
อ้อมแขนคุณอุ่นละไมคลายทุกข์เข็ญ
เพ้อผวาลืมตาตื่นในคืนเพ็ญ
ยะเยียบเย็นหนาวอุรามาแรมคืน
๓. แรมคืนในรายทาง
ริมรายทางพักแรมคืนชุบชื่นฝัน
แรมคืนนั้นฉันเศร้าตรมอกขมขื่น
รายทางรักจำหลักใจในแรมคืน
คอยหยิบยื่นความรักให้พักพิง
๔.พิงพักในห้องใจ
สายลมหนาวกระซิบกระซาบมาอาบฝัน
ครวญรำพันเพ้อถึงดาวรวดร้าวยิ่ง
เพิงพักน้อยยามค่ำคืนใครอื่นอิง
แอบพักพิงห้องใจอุ่นละมุนทรวง
๕.คลั่งไคล้มิคลาย
ฉันคลั่งไคล้เธอเสมอดวงยิหวา
มิ คลายค่าความฝันอันแสนหวง
รักของฉันมั่นคงกว่าสิ่งทั้งปวง
ตราบสิ้นห้วงชีวันในวันวาน..
๖ .ไม่คืนคำ
เธอยังคงอยู่ในใจฉันเสมอ
ฉันรักเธอไม่น้อยกว่าทิวาหวาน
รักตะวันขวัญหล้ามาช้านาน
ตราบสิ้นกาลโลกดับไม่กลับคำ...
๗ ตลอดเวลา
ประทับไว้ในดวงจิตให้คิดถึง
ใครคนหนึ่ง เคยชื่นชิด สนิทสนม
เสียงเจื้อยแจ้ว แววตา น่าพิศชม
ให้แสนรัก...แสนนิยม เสมอมา
๘ มิ่งมิตร
เสมอไป คล้ายมิ่งมิตร เคียงชิดใกล้
ปรารถนาดี ที่มอบให้ ไม่คลายค่า
เปรียบดอกไม้ หอมฝัน เกินพรรณนา
งามสดสวย ควรค่า ประดับใจ ...
๑๐. โลกงดงามเพราะฟาร์มรัก
หากชีวิตไร้รักหล่อเลี้ยงฝัน
เหมือนโลกนั้นไร้ฤดูกาลอันสดใส
มีเพียงหินดินแห้งแล้งน้ำใจ
ฤาดำรงอยู่ได้อย่างงามตา...
๑๑.หมักหมมรักสวยด้วยภาษา
ทุกถ้อยคำพร่ำเอ่ยเฉลยรัก
ฤาหมมหมักรักสวยด้วยภาษา
มีน้ำใสใจจริงจึงพรรณา
แม้นไร้ค่าควรจดจาร..ก็ผ่านเลย
๑๒.คำหวานกลิ่นหอมเหมือนดอกไม้
หากคำหวานกลิ่นหอมเหมือนดอกไม้
ควรเก็บไว้ในอ้อมฝันอันเปิดเผย
มิวาดหวังดอมดมกลีนดอกเตย
ไฉนเลยจะได้ชมกลิ่นแก้มนาง...
๑๙.ความรักเหมือนไข่ในอุ้งมือ
ความรักอ่อนหวานและอ่อนไหว
บอบบางเหมือนไข่น่าถนอม
ประคับประคองอ่อนน้อม
ไข่จะหอมไข่จะอุ่นในอุ้งมือ...