21 กรกฎาคม 2552 08:07 น.
ละไมฝน
- ๑ -
คืนเพ็ญเด่นหาวดาวราย.......... สาวงามเข็นฝ้าย
กลางชานเรือนไม้ใต้แสงจันทร์
คอยหนุ่มคนรักมาจำนรรจ์ .......... แต้มดวงใจฝัน
รำพึงหาว่าบ้านไกล
แล้วพลันมีเสือโคร่งใหญ่ .......... ย่องจากเงาไม้
ปีนป่ายบันไดแยบยล
จ้องสาวเข็นฝ้ายคล้ายฉงน.......... ดุจดังต้องมนต์
มนุษย์หนอช่างสร้างสรรค์
ดึงมวนฝ้ายสั้นแล้วยาวยาวแล้วสั้น ........ช่างน่าอัศจรรยยน
หลงเพลินชมสุขอุรา
สาวเจ้านั้นเพลินคิดว่า.......... ชายคนรักมา
ขวยอายมิกล้าเหลียวมอง
น้ำท่า มวนยา ใบตอง.......... ตระเตรียมรับรอง
ยื่นให้โดยไม่เหลียวหลัง
เสือโคร่งนิ่งเงียบภวังค์ .......... ยิ่งงงจังงัง
มนุษย์ยากยิ่งเข้าใจ
-๒-
ฝ่ายหนุ่มคนรักบ้านไกล.......... เดินผ่านพงไพร
มาเห็นเสือร้ายบนเรือน
สัญชาติญาณพรานเตือน.......... เสือสางกลางเดือน
ร้ายนักจักขบหญิงสาว
เสือใดหนอผ่านด่านด้าว.......... บังอาจสามหาว
จักลอบขบสาวข้างหลัง
ชายหนุ่มระแวงระวัง.......... เกรงจะพลาดพลั้ง
รีบหลบเข้าใต้เรือนชาน
เสือโคร่งนั่งคร่อมร่องกระดาน.......... จึงชักมีดพราน
ปลายแหลมจ้วงแรงแทงก้น
เสือร้ายร้องลั่นพลันโจน.......... จากชานเรือนคน
วิ่งหายลับไปในพนา
เรื่องเก่าเล่าขานกันว่า........... เสือร้ายหมายมา
ชมสาวเข็นฝ้ายฝ่ายเดียว
มิหวังขบเจ็บเล็บเกี่ยว .......... จากนั้นคืนเดียว
เสือร้ายนอนตายกลางไพร
ละไมฝน
19 กรกฎาคม 2552 14:10 น.
ละไมฝน
๑
วันพระ...ขึ้นสิบห้าค่ำ
นางมณโฑหน้าขาว
เก็บดอกมณฑาในป่าช้าหลังวัดป่า
ดอกมณฑากลีบขาวงามดั่งจำปีแขก
กลิ่นหอมราวมาลาแห่งทิพย์วิมาน
เบ่งบานในดวงใจแห่งจิตวิญญาณ
นางมณโฑหน้าขาว
นำดอกมณฑาไปบูชาพระ
ดอกมณฑากลีบงามล่อตาหมาแก่ข้างวิหารร้าง
กลิ่นหอมยั่วยวนใจหมาแก่ผู้ง่วงเหงา
เบ่งบานในดวงตาฝ้าฟางของหมาแก่ผู้โหยหิว
นางมณโฑหน้าขาวนวลนวยนาด
ดอกมณฑา พลันหล่นร่วงหล่นจากมือนางมณโฑ
หมาแก่ข้างวิหารวิ่งไปคาบดอกมณฑาหอม
กลืนกินดอกมณฑาของนางมณโฑแทนปั้นข้าว
นางมณโฑโกรธเกรี้ยวคว้าไม้ไล่ตีหมาแก่รอบวิหาร
๒
ครั้นถึงเวลาทำวัตรเย็น
นางมณโฑหน้าขาว
วางโทรศัพท์มือถือแทนดอกมณฑาบนผ้าขาวรองกราบ
กล่าวคำบูชาดอกไม้ว่า
อิมินา...
กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง
เสียงโทรศัพท์แผดดังขึ้น
"ฮัลโหล...อย่าโทร. ตอนนี้ เวรกรรมจริง ฉันกำลังไหว้พระ "
สักกาเรนะ...
................
ละไมฝน
19 กรกฎาคม 2552 13:45 น.
ละไมฝน
ลมฝนกรายผ่าน
เนิ่นนานกาลฟ้า
มิ่งขวัญมารดา
อุ้มครรภ์เก้าเดือน
ใกล้วันผันล่วง
เจ็บหน่วงปวดเหมือน
สัญญาณบอกเตือน
คราวคลอดลูกน้อย
ลูกหญิงตกหงาย
ลูกชายตกคว่ำ
แม่นอนอยู่กรรม
เหงื่อไหลไคลย้อย
อาบน้ำสรงศรี
แพรดีวางคอย
ห่อหุ้มลูกน้อย
ใส่กระด้งงาม
ไปเซ่นผีพราย
ไปไหว้ผีป่า
แน่งน้อยลูกข้า
สูจงเกรงขาม
ผีโพงผีเป้า
อยากเฝ้าติดตาม
ผ่านพ้นโมงยาม
กลับเรือนอยู่ไฟ
อุ้มลูกนอนอู่
ครอบสู่ขวัญเกล้า
เอิง...เอย...เลือกเอา
เนานอนอู่ไหน
ผู้ดีอู่ฝ้าย ชะ เอิง...เอย...จะนอนอู่ฝ้าย...
ผู้ฮ้ายอู่ไหม ไม่เอา...ไม่อยากนอนกลางทะเลทราย ที่ดูไบ
ขวัญท่องทางไกล
รุ่มร้อนกายร้าง
ขวัญก่อกำเนิด
ขวัญเพริศหลงทาง
ท่องในเมืองร้าง
อ้างว้างเหลือหลาย
เพราะโกงแผ่นดิน
ทรัพย์สินมากหลาย
กินท้องแตกดาย
ผู้ฮ้ายอู่ไหม...
................
ละไมฝน
19 กรกฎาคม 2552 13:24 น.
ละไมฝน
เราสู้เพื่อสิ่งใด
เพื่อสะใจของใครเล่า
เพื่อชาติหรือเพื่อเขา
ผู้ปลุกเร้าระดมพลัง
เราเชื่อในสิ่งใด
เชื่อด้วยใจหรือคลุ้มคลั่ง
ชูสองมือรวมพลัง
จากคำสั่งคนบางคน
ยอมเสียเลือดเพื่อใคร
เพราะอ่อนไหวหรือสับสน
ใครป่าเถื่อนใครอารยชน
ในเหตุผลความรุนแรง
เราเคยล้มระเนระนาด
เพราะรักชาติเกินเสแสร้ง
แต่สองกลุ่มยังขัดแย้ง
เพื่อแก่งแย่งเพื่อชิงชัย
คนสู้อยู่แถวหน้า
คนปากกล้าหลบอยู่ไหน
ปากตะโกนรักประชาธิปไตย
แต่หัวใจขลาดเหลือทน...
...................
ละไมฝน
17 กรกฎาคม 2552 12:00 น.
ละไมฝน
- ๑ -
เกิ๊ก กะ เหลิ่ง กึ๊ก เกิ๊ก กะ เหลิ่ง กึก....
เสียงครกมองกังวานแว่วไกล
ตื่นจากหลับใหล
กลับเลือนหายไป
หายไปไหนหนอ...เสียงครกมอง
- ๒-
กาพย์ยานี ๑๑
ดวงดาวดลสาวฝัน คืนเหมันต์รำพันหนาว
ตำข้าวเปลือกมิร้าว อ่อนแรงเรี่ยวหรืออย่างไร
ครกมองหมองเหมือนเศร้า เปลี่ยวเปล่าเหงาฤาไฉน
ร้องร่ำคล้ายช้ำใจ กะ เหลิ่ง กึ๊ก กะเหลิ่ง กึ๊ก
กระด้งเดียวดายฝัน ช้ำจาบัลย์คราฝันดึก
ฝัดลมราวรำลึก ถึงคืนวานที่ผ่านเลย
กระบุงบางว่างเปล่า คอยข้าวขาวมาเอื้อนเอ่ย
เมื่อใดจะได้เชย ข้าวหอมใหม่ดังใจหวัง
- ๓ -
โคลงสี่สุภาพ
ครกมองหมองอกร้าว รำพึง
วันเก่ายังตราตรึง อกข้า
โรงสีใหญ่กระจายถึง ชนบท
ใครจักมาตำข้าว ครกไม้ สลายฝัน
หมายเหตุ : ครกมอง (ภาษาอีสาน) ครกตำข้าว (ภาษากลาง) ครกที่ทำด้วยไม้ขุดใช้ตำข้าว