21 พฤศจิกายน 2546 17:43 น.

เจ้าชายน้อย

ละอองน้ำ

กลับไปอ่านหนังสือเล่มเล็กชื่อเจ้าชายน้อยอีกครั้ง

อาจจะไม่ใช่ครั้งแรก
แต่เป็นครั้งแรก...
ที่รู้สึกอ่านแล้ว...เข้าใจ

ครั้งแรกที่อ่านหนังสือเล่มนี้
เห็นแค่เรื่องราว
ของเจ้าชาย จากดาวแปลกๆ

อ่านแล้วก็...ไม่ได้สนใจ
เพราะตอนนั้น
เป็นแค่เด็กประถม

ไม่ใช่ว่าอ่านไม่ออก
แต่อ่านไม่เห็น...
ไม่เห็นสิ่งที่อยู่ภายใต้ตัวอักษร

ตอนอยู่มัธยมต้น
ได้อ่านข่าวของดาราท่านหนึ่ง
เขาอ่านเอาปรัชญาในเรื่องเป็นแนว
ใช้คิด...ใช้ชีวิต

ฉันกลับไปอ่านซ้ำ
...ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ...
ว่าความหมายที่ซ่อนไว้ในหนังสือ
...คืออะไรกันนะ...

จนเรียนจบมหาวิทยาลัยมาหลายปี
เดินเล่นในร้านหนังสือ
เจอกับเจ้าชายน้อยอีกครั้ง
ก็เลยซื้อมาอ่านอีกหน
(เพราะไม่รู้ว่าเล่มเก่าไปซ่อนอยู่ในกล่องใบไหนแล้ว)

เรื่องราวในหนังสือ
ยังคงเหมือนเดิม

แต่ครั้งนี้
หลายๆบรรทัด
กลับสะกิดความรู้สึกหลายอย่าง
...ในใจ...

ฉันได้ตระหนักถึง
ความแตกต่างระหว่าง
คำว่า...รู้  
กับคำว่า...เข้าใจ

หนังสือที่คิดว่าอ่านง่าย
ก็ไม่ใช่ว่า...ง่ายที่จะเข้าใจ

เดิมที
ฉันไม่รู้ถึงความสำคัญของหนังสือเล่มนี้
ไม่ใช่ว่าหนังสือ...ไม่มีดี
ตรงกันข้าม...
ฉันเองที่ไม่อาจเข้าถึงความดี
ที่ตัวเองตีความหมายไม่ได้

หนังสือ...
จึงไม่ได้ลึกซึ้งลงไปในใจฉัน
เพราะฉัน
ไม่ลึกซึ้งพอที่...จะเข้าใจมัน
  
ความเข้าใจ
ที่ไม่อาจบอกได้ว่าจะใช้เวลาสักเท่าไหร่
...เพื่อจะไล่ตามมันให้ทัน...

ฉันมองเห็นหนังสือมีค่าหลายเล่ม
ที่วางนิ่งสนิทบนชั้นหนังสือ...เป็นยี่สิบปี
เอนไซโคพีเดีย...ที่เคยเปิดแค่หนเดียว
และการ์ตูน...ที่อ่านจนยับเยิน

บางที...เราก็ประเมินตัวเองได้ง่ายๆจากการ
อ่านหนังสือ

และในสิ่งที่เรียกว่าคุณค่า
บางทีก็ต้องกลับไปถามตัวเองใหม่ว่า
...เห็นอะไร...				
15 ตุลาคม 2546 09:54 น.

ฉัน...ไม่โรแมนติก

ละอองน้ำ

สองสามปีก่อน
ฉันได้คุยกับผู้ชายคนนึง
ถ้อยคำหยอดคำหวานที่เขาส่งมา
ฉันส่งถ้อยคำบ้าๆกลับไป  ราวคนไม่รู้อิโหน่อิเหน่
มันทำให้เขาอารมณ์เสีย  และกล่าวหาฉันว่า
"เป็นคนไม่โรแมนติก"


วันที่นึกถึงถ้อยคำเหล่านั้น
ทำให้ฉันหันไปสำรวจม่านสีเขียวที่พริ้วตามลม  แดดอ่อนๆเล็ดลอดเล็กน้อยตามม่านซึ่งเข้ากันได้ดีกับผ้าปูที่นอนสีเขียวอ่อน   
ฉันมองผ่านออกไปที่ต้นไม้  ดอกไม้เล็กๆตรงระเบียงสู้แสงแดดอ่อนยามเช้า
เสียงเพลงเบาๆจากวิทยุ
ช่วงเวลาที่รู้สึกอยากเอกเขนกอ่านหนังสือ
หรืออยากนอนซุกหน้ากับหมอนนุ่มๆ

แต่ฉัน...ไม่โรแมนติกเอาเสียเลย

ฉันปล่อยให้เสียงเพลงจากวิทยุกล่อมอยู่ทั้งวันจนพระอาทิตย์ออกกะ
หรี่โคมไฟ  ให้แสงเล็กน้อยอาบห้องเล็กๆพอให้เดินไปไหนมาไหนแบบไม่ต้องเจ็บตัว  
หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง  ฉันจุดเทียนหอมรูปดอกไม้ให้ลอยเล่นอยู่ในชามแก้วที่ตั้งอยู่บนขาตั้งลายเถา  
บรรยากาศ...ที่ทำให้รู้สึกคล้ายว่า  อยากคิดถึงใครสักคน

น้อยคนนักจะรู้
ว่าฉันชอบมุดตัวใต้ผ้านวม อ่านหนังสือเคล้าเพลงเบาๆบนที่นอน
หรือนอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยในบรรยากาศแบบนี้
เพียงเพราะ
รู้สึกว่า...อารมณ์ละเมียดเป็นเรื่องส่วนตัวที่ไม่เคยเอาไปใช้ตรึงความรู้สึกใคร

ฉันไม่ปรารถนาให้ความรู้สึก
เป็นเพียงคำพูดที่เหมือนหนอนปลายเบ็ด
เป็นเหยื่อล่อปลาน้อยใหญ่แล้วก็จบสิ้นกันเพียงเท่านั้น

ไม่ปรารถนาจะได้รับดอกไม้จนล้นออกไปหน้าห้อง
เพื่อบอกใครต่อใคร
ว่าฉันกำลังมีความรักที่ยิ่งใหญ่และท่วมท้น
เพราะสำหรับฉันมันก็แค่ การทุ่มเท ที่ออกจะมากเกินปกติ

และเพราะฉัน...ไม่โรแมนติก

คำพูดนั้น  เคยทำให้ฉันออกปากถามใครสักคนที่ใกล้ชิด
ว่า...ฉัน..ไม่โรแมนติก?

เขามองหน้าฉันงงๆ
แล้วบอกว่า...โรแมนติก...
(รึอาจจะอีโรติก  แต่ฉันฟังผิดไป)

ฉันได้ข้อสรุปว่า...กับบางคน
เราอาจจะรู้จักกันไม่มากพอถึงสิ่งที่ต่างฝ่ายเป็นอยู่
ฉันจึงยัง เป็นผู้หญิง ที่ ลุย และ แรง  
สำหรับคนบางคน
(ซึ่งก็มีส่วนจริงอยู่ไม่น้อย)

สองสามปีให้หลัง

ฉันเจอคนที่โดนข้อหาเดียวกันอีกคน

เราต่างตกเป็นจำเลยโดยไม่ต้องสงสัย

เพียงแต่
ความไม่โรแมนติกที่เขาเจอ
วัดด้วยการแสดงออกต่อหน้าคนอื่น
วัดด้วยจำนวนที่มากของดอกไม้

เขาเป็นผู้ชายไม่โรแมนติก

ฉันฟังและคิดตามในความเงียบ  อืม...อืม...

ผู้ชายไม่โรแมนติก
ที่ทำบะหมี่ให้ผู้หญิงกิน
พับชายกางเกงยีนส์ที่จะเปียกน้ำให้โดยไม่ถือสา
และนั่นทำให้ผู้หญิงคนที่แม้แต่ผู้ชายมายืนแก้ผ้าต่อหน้าก็ไม่คิดหลบ
แทบจะกระโดดหนี

แถมยัง
ทอดเฟรนชฟรายและหั่นพริกได้ดีกว่า (รู้สึกอายนะเนี่ย)

ช่างเป็น...คนไม่โรแมนติกเสียจริงๆ

ซึ่งเขาเองก็ดูท่าว่าปักใจหนักแน่นเช่นนั้น
(ฉันคิดตามในความเงียบอีกเช่นเคย)


ถ้าการเป็นคนโรแมนติกสำหรับคนทุกคน
คือคนที่ต้องพูดจาหวานๆหว่านล้อมเก่งๆ
เป็นเจ้าบุญทุ่มหอบดอกไม้ช่อใหญ่อวดสายตาใครๆ
และต้องจับมือหรือควงแขนกันให้ชาวบ้านได้มองออกว่านี่คือความโรแมนติก

คนที่ไม่ชอบทำอะไรอวดชาวบ้านแบบฉัน
ขอแอบปล่อยอารมณ์ละเมียดของตัวเองอยู่ในห้อง
ฟังเพลงเบาๆ เคล้าฟองเบียร์ ให้เคลิบเคลิ้มอยู่คนเดียว โดยไม่ต้องบอกโลก
ให้อิจฉา...ว่าฉันกำลังมีความรัก  และโรแมนติก เสียเหลือเกิน  และหากว่าทั้งหมดนั้น  จะทำให้ฉันดูไม่ทันสมัยสำหรับยุคโรแมนติกแบบฟู่ฟ่า
ฉันก็ยอมเป็นคนไม่โรแมนติกแบบฉัน
ดีกว่าเป็นแค่คนที่สร้างภาพให้ใครต่อใครคิดว่าเป็น
เพราะความโรแมนติกสำหรับฉัน
มีไว้ให้คนพิเศษเท่านั้น

และนั่นก็เพียงพอแล้ว

คนโรแมนติก
กับคนชอบอวด
ไม่น่าจะเหมือนกันนะ  (อืม..อืม..คิดในความเงียบ)				
25 สิงหาคม 2546 09:20 น.

เสียง...

ละอองน้ำ

วุ่นวาย...
สิ่งต่างๆรอบตัว

แดดร้อน...
ลมแรง

ฉันหมุนไปตามกระแสของชีวิต
เหมือนอีกหลายร้อยชีวิต

พลัน...

เสียงกระซิบแผ่วๆ...
ตัดผ่านความวุ่นวายในหมู่ชน

ฉันชะงัก...
เพียงเสียงเรียกไม่มีที่มา

เสียงนั้น
ย้ำกับฉันซ้ำๆ
ราวทบทวน...

ราว
...
ทักทาย				
1 กรกฎาคม 2546 00:53 น.

ทำไม

ละอองน้ำ

ฉันอาจจะนิ่งเฉย  ไม่มีน้ำตา
แต่ความเจ็บปวดที่เธอสัมผัสไม่ถึง
กรีดอยู่ในใจ
เหมือนสิ่งแปลกปลอมที่ฝังตัวอยู่ข้างใน
ที่ครั้งแล้วครั้งเล่า
ฉันต้องขย้อนมันออกมา
จนหมดแรง

ไม่ต่างไปจากแรกที่ฉันเห็นเธอ
ไม่ต่างไปจากคำพูดที่ฉันบอก
ฉันรู้ว่าฉันทำอะไรอยู่
แต่สิ่งที่ฉันคิดต่างหาก
ที่เธอมองไม่เห็นมัน
ด้วยหัวใจที่ถูกปิดของเธอเอง

ฉันรู้
ว่าฉันย่ำเท้าลงในเศษแก้วที่กระจัดกระจาย
แต่ฉัน กลับไม่ยอมจำนนกับความเจ็บปวด
มุ่งหน้าเดินต่อ 
ครั้งแล้ว...ครั้งเล่า
จนบัดนี้
ความเจ็บปวดได้แผ่ซ่าน
กัดกินหัวใจที่อ่อนล้า
และยิ่งเจ็บชาไปถึงปลายมือ
เมื่อสิ่งที่สัมผัสข้างหน้า
คือก้อนหัวใจ
ที่ล้อมรั้วไว้ด้วยลวดหนามเคลือบสนิม

ฉันจึงได้ตระหนัก
ว่าควรจะไปเสียที

อยากบอกเธอ
ว่าฉันไม่เสียใจให้ตัวเอง
เท่าที่เสียใจให้ตัวเธอ
สักวัน
รอยแผลตามฝ่าเท้าและฝ่ามือของฉัน
คงจะหายสนิทดีในไม่ช้า
และฉันก็ยังเป็นฉัน
คนที่ความเจ็บปวดเหล่านี้
ไม่อาจทำให้หันหลังกับการทำดีจริงๆเพื่อใครสักคน
แต่ความเจ็บช้ำเก่าๆของเธอ
ที่ล้อมรั้วเป็นลวดหนาม
จะทำร้ายใครต่อใคร
และกักขังตัวเธอเอง
ครั้งแล้ว
ครั้งเล่า

ลองกลับไปถามตัวเอง
แล้วเธอจะได้คำตอบ
ว่าทำไม
เธอจึงสูญเสียสิ่งดีๆในชีวิตไป
...มากมาย...				
3 กันยายน 2545 22:25 น.

คืออะไร

ละอองน้ำ

ฉันพาตัวเองเดินทางไปไกลแสนไกลจากเธอครั้งแล้วครั้งเล่า
ด้วยหวังว่าสิ่งใหม่ๆในโลกกว้าง   ได้ทำให้ฉันเรียนรู้ว่าตัวเองช่างเป็นสิ่งเล็กน้อยในโลกใบนี้
และเลิกใส่ใจกับปัญหาเล็กๆน้อยๆในคนตัวเล็กๆคนนี้เสียที

ฉันเดินย่ำเท้าไปไกลแสนไกล....หลายคราที่เหนื่อยจนไม่รู้ว่าจะเดินไปถึงจุดหมายหรือไม่
แต่ฉันก็ยังเดินไปเพื่อว่า...ความลำบากและเหนื่อยยาก  จะทำให้ฉันเลิกคิดถึงเธอสักนาที

บางครั้ง...ฉันต้องย่ำลงไปบนพื้นดินด้วยเท้าเปลือยเปล่า  เศษไม้ตามรายทางบาดเท้าฉันในดินโคลนที่เปียกแฉะ
เธอคงไม่รู้  ว่ามันเจ็บปวดขนาดไหน  ในขณะที่เธอกำลังเดินไปบนพื้นคอนกรีตหรือพรมนุ่มๆ

สายฝนหลั่งไหลมาอย่างไม่ปรานี....
ความห่วงใยในหมู่เพื่อนฝูงที่ไม่ทอดทิ้งกัน   ให้ความอบอุ่นทางใจ
เราเบียดเสียดกันท่ามกลางลมหนาว ให้ความอบอุ่นทางกาย 
แต่เราต่างมีเพียงเสื้อผ้าเปียกๆชุ่มฝน  มีเพียงอ้อมแขนตัวเองที่โอบกอดไล่ความหนาวเย็น
เธอคงไม่รู้....ว่ามันเหน็บหนาวเสียดแทงใจขนาดไหน  ในขณะที่เธอซุกตัวอยู่ในผ้าห่มอุ่น หรือ มีบางคนอยู่ในอ้อมกอด

ตอนนั้น....อดีต...ราวกับสิ่งที่ผ่านมาไกลแสนไกล ไม่ได้สลักสำคัญอะไรเลย
อนาคต...ราวไม่มีแล้วความฝันลมๆแล้งๆ...
มีแต่...ปัจจุบันนี้  ขอเพียงข้ามผ่านมันไปได้อย่างหนักแน่น
ตอนนี้...ไม่มีรอยยิ้มเสแสร้ง...ไม่มีน้ำใจจอมปลอม...ไม่มีคำรัก...คำปลอบใจ

ฉัน.....อยากเจอเธอที่นี่
อยากเห็นเธอ  ราวกับเห็นตัวเองที่ไม่มีอะไรห่อหุ้มด้วยเปลือกของสิ่งที่ต้องเป็น  สิ่งที่ต้องทำ
ฉัน....อยากเห็น   ว่าเธอจะเป็นลมหนาวที่กรีดลึกไปถึงหัวใจฉัน  หรือ จะเป็นกองไฟขับไล่มันไปเสีย
ฉัน....อยากเห็น   ว่าเธอจะเป็นเหมือนผ้าห่มอุ่นที่ไม่ทำให้ฉันเหน็บหนาวไปกว่านี้  หรือ  ยิ่งเร่งให้ฉันตายไปเพราะความหนาวนั้น 

นั่นเป็นอย่างเดียว....ที่จะบอกได้ว่าความรักของเธอคืออะไร
ไม่ก็...ปล่อยให้มันเป็นเพียงคำหวานไหวพัดผ่านเข้ามาแล้วผ่านไป...
เหมือนความหิว  เหมือนความอยาก...
เพียงแค่ผ่านการบำบัด...ก็หลงลืมไปแล้วว่าความรู้สึกเมื่อครู่...มันคืออะไร				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟละอองน้ำ
Lovings  ละอองน้ำ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟละอองน้ำ
Lovings  ละอองน้ำ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟละอองน้ำ
Lovings  ละอองน้ำ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงละอองน้ำ