31 ตุลาคม 2548 10:34 น.
ลอยไปในสายลม
ลมหนาวพัดมากระทบผิวกายทีละน้อย ทีละน้อย
หัวใจก็เริ่มหนาวสั่น ไปตามแรงลม
ผิวเนื้อที่ต้องน้ำค้างในยามเช้า เริ่มหนาวสั่น
สิ่งรอบข้างปลิวไสวไปตามสายลมหนาว
การเดินคนเดียวบนทางที่เปล่าเปลี่ยว
กับลมหนาวที่พัดต้องผิวกาย
ทำให้หัวใจที่เงียบเหงากลับยิ่งทวีความเหงาขี้นเรื่อยๆ
ในใจเพียงคิดแค่อยากมีใครสักคนมาเดินอยู่เคียงข้าง
เมื่อไหร่ หนอที่จะพบเจอคนๆนั้น
เมื่อไหร่หนอ ที่จะมีใครมากอดกระชับ เพิ่มความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย
เมื่อไหร่หนอ ที่จะมีใครมาทำให้หัวใจที่เงียบเหงาได้กลับมาร่าเริงอีกครั้ง
คงจะมีสักวัน ที่คนๆนั้นจะมีตัวตนจริงๆ
วันนี้คงได้แต่เดินไปตามทาง
กับลมหนาว และความเดียวดายเท่านั้น
28 ตุลาคม 2548 16:56 น.
ลอยไปในสายลม
ถนนชีวิต
ใครคอยลิขิต สุขหรือสิ้นหวัง
อยู่ที่ตัวเรา เข้าใจจริงจัง
เราสร้างพลัง ในการก้าวไป
หากแต่คิดท้อ
มัวแต่นั่งรอ คิดขอจากใคร
ให้หวังมาเพิ่ม เพื่อเติมแรงใจ
แม้ดีเพียงไหน ไม่เท่าตัวเรา
แม้มีขวากหนาม
จะลองก้าวข้าม ละความขลาดเขลา
คงอีกไม่นาน ร้าวรานบรรเทา
ทุกข์ถมตรมเศร้า หากเราลืมมัน
เพียงความผิดพลาด
ขอจงอย่าขลาด มิอาจวาดฝัน
เมื่อล้มแล้วลุก ถึงทุกข์อนันต์
ศรัทธาคงมั่น สร้างวันที่ดี
25 ตุลาคม 2548 12:08 น.
ลอยไปในสายลม
ความผูกพันอยู่เหนือคำบรรยายในโลก
ไม่ว่าทุกข์หรือโศกต่างรู้ถึงความหมาย
ความผูกพันที่มีให้กันแม้นานวันมิเสื่อมคลาย
จะอยู่หรือตายความผูกพันมิหน่ายแหนงลง
จะวันนี้ วันพรุ่งนี้ มิอาจรู้
ความผูกพันที่มีอยู่มิใช่การลุ่มหลง
เพียงแต่บางครั้งเกิดขึ้นในหัวใจที่ซื่อตรง
มันอยู่ดำรงไม่เคยลบเลือนจากใจ
เหนือกาลเวลา เหนือคำบรรยายใดใดในหล้า
ที่ผ่านมา ผูกพันสร้างความอ่อนไหว
แม้จะเนิ่นนาน แต่เพราะอยู่ด้วยใจ
ไม่ว่าวันใดเชื่อได้ มันมิเคยทิ้งกัน
24 ตุลาคม 2548 18:04 น.
ลอยไปในสายลม
บนยอดดอยสูงเสียดขึ้นเบียดฟ้า
เอื้อมมือคว้าปุยเมฆมาเสกสรร
เป็นมาลัยร้อยรวงดวงชีวัน
แล้วแต่งปั้นตามถวิลจินตนา
แสงสุรีย์ทาบทับกับยอดเขา
เมฆบางเบาบดบังทั้งภูผา
เมื่อแสงทองฉายผ่านเข้าม่านตา
งามเกินกว่าคว้าไว้ในครอบครอง
ฤดูกาลผันผายถึงปลายฝน
เมฆลอยพ้นลับลาในตาสอง
หมอกสีขาวร่วงโรยโปรยละออง
เมื่อยามต้องผิวสั่นสะท้านกาย
สายหมอกเริ่มเลือนลางผ่านเช้าตรู่
กิ่งไม้ลู่เอนอ่อนเมื่อตอนสาย
ดั่งขับขานบทบรรเลงเพลงพระพาย
พฤกษาอายยามลมล้อขอเชยชม