16 พฤศจิกายน 2551 13:40 น.
ลมแปรแขมร์เลอ
ต้องมนต์เจ้าสาวเรณูผู้เลอโฉม
น้องประโลมด้วยภาษาที่ว่าหวาน
เสน่ห์สุดซึ้งตรึงรัดใจแทบวายปราณ
แค่พบพานก็หลงจ้าสาวภูไท
16 พฤศจิกายน 2551 09:57 น.
ลมแปรแขมร์เลอ
มองผ่านสายลมหนาว
เกล็ดเหงาที่ลอยคว้าง
ริมริมหรือรุงราง
พลิ้วพร่างรอยอารมณ์
สถิตไว้ในปลายฟ้า
เดือนดาราในอาศรม
เพ่งมองผ่านสายลม
คารมหรือความใน
เดือนหงายไวระยับ
แสงจับความอ่อนไหว
หวานยิ้มพริ้มตรึกใน
โอบใจก่อนพรมร่าง
ในมวลหมู่ดอกไม้
เจ้าใยนวลสะอางค์
ผีเสื้อโบยบินพลาง
โอบนางในอ้อมใจ
16 พฤศจิกายน 2551 09:56 น.
ลมแปรแขมร์เลอ
เพียงได้พบสบตา......คราหนึ่ง
จิตตรึง......หลงลุ่ม.....สุมแน่น
เข้าเกทับสลับร่างกลางแกน
เขตแดนฤากั้นสะบั้นใจ
แม้ช่วงเวลาที่น้อยนิด
สะกิดให้นึกและฝันใฝ่
ถวิลหาทุกเมื่อเชื่อไป
หยุดใจในกาลที่ผ่านเลย
เสียงอ้อน......คำหวานคำค้อน
ละอ่อนละมุลสุดที่เฉลย
รุมเร้าเรือนกายหมายเชย
ได้รัก.....ได้เผย.....ได้ฟัง
คิดถึงใบหน้าที่ชวนฝัน
พลันหัวใจมีความหวัง
ก่อนสนิทชิดเชื้อเหมือนดัง
ภวังค์.....จะอยู่ไม่ไกล
16 พฤศจิกายน 2551 09:21 น.
ลมแปรแขมร์เลอ
น้ำเย็นกระเซ็นซ่า
น้ำตากระเซ็นซ่าน
น้ำโหกระเพื่อมพลัน
ดับได้ทันด้วยน้ำเมา.........เอิ้กๆๆ
15 พฤศจิกายน 2551 23:30 น.
ลมแปรแขมร์เลอ
ที่ซึ่งคงอยู่ฤาอดีต
รอยจารีตฤาขวางกั้น
หนาวดาวเดือนฤาพระจันทร์
เหมันต์ฤาวสันตฤดู
ร่ำสุราจนหย่อนคล้าย
ปล่อยใจที่ไร้คู่
ห่มเหงาในฤดู
ฤาจะอยู่ในอารมณ์
เวียนว่ายให้สับสน
จำทนความขื่นขม
สุดเหงาแลศร้าตรม
ระทมสุดจำนรร
เพียงชั่ววันที่พลันพราก
สุดจะอยากคิดฝัน
ถวิลหาทุกเหมันต์
ตราบวันยังหายใจ