1 ธันวาคม 2552 17:18 น.
ลมแปรแขมร์เลอ
เหมือนความหลังรั้งดวงใจให้คิดหวน
ให้เรรวนเมื่อถึงคราวจะก้าวหนี
ตัดเยื่อใยไม่เคยขาดสักนาที
เหมือนว่ามีสิ่งดลใจคอยไล่ตาม
ตอนยังเด็กเรายังเล็กด้วยทั้งสอง
ภาพพี่น้องก็แน่นเหนียวคอยเกี่ยวห้าม-
ปรามใจเหงาอย่าคิดเติบกำเริบตาม
นัยคือห้ามมิให้คิดไปชิดเชย
จนพ้นผ่านนานมากว่าทศวรรษ
จึงเร่งรัดให้สัมพันธ์นั้นเปิดเผย
ความเคยคุ้นครุ่นโหยหากว่าที่เคย
หวังเกินเลยเป็นสัมพันธ์ฉันหนุ่มสาว
ทว่าเหตุการณ์ที่สานต่อไม่พอซึ้ง
ได้เสี้ยวหนึ่งของใจรอหรือก็เปล่า
ก่อนเธอสวยแต่ไม่เด่นเหมือนเช่นดาว
เดี๋ยวนี้ก้าวสู่ชนชั้นขั้นนางงาม
มองดูเราระยะห่างช่างไกลนัก
กลัวความรักอาจต้องสลายเพราะใครหยาม
ไร้ความสง่าไม่น่าดูคู่สาวงาม
ถูกหวงห้ามฟ้าสีครามก็มืดมน
จึงออกห่างวางตัวเหมือนกลัวผิด
กลัวความคิดแต่ทำใจไม่ได้สักหน
ก็ใจดื้อดื้อจะรักยากก็จะทน
หรือต้องปล้นหัวใจ..ถึงได้ครอง
.แบบว่า..ไปเรื่อย...มาวววว
28 พฤศจิกายน 2552 18:01 น.
ลมแปรแขมร์เลอ
ฟ้ายลเห็นว่ากายเรานั้นหนาวหนัก
แต่ไม่พักจะโปรยเย็นกระเซ็นผืน-
พสุธาล้าลมระทมกลืน
เสียงสะอื้นแห่งหัวใจก็ไหลตาม
ยามนอนหนาวไร้เงาเจ้าเป็นเพื่อน
น้ำตาเปื้อนบรรจถรณ์ตอนตีสาม
เกล็ดน้ำค้างก็พร่างพรมถมนิยาม
เหงาลุกลามจนต้องตื่นเพราะฝืนกลัว
มองดูดาวก็เหม่อลอยห้อยระยิบ
ตาปริบปริบขณะยามท่ามฟ้าหลัว
ข่มตาหลับขับตานอนยิ่งหมองมัว
หนาวทาบทั่วทานทน..อนธกาล
ผ้าผืนน้อยรอยขาดมิอาจฝืน
ทนหนาวกลืนแผ่คลุมรุมฟุ้งซ่าน
เข้าสูบขวัญหวั่นหนาวจะยาวนาน
จวบสิ้นกาล..ก็สิ้นใจ..ไปตามกัน
...แบบว่า..ไม่รู้สิ
7 ตุลาคม 2552 18:58 น.
ลมแปรแขมร์เลอ
เสียงแคนแผ่วแว่วไกลไปทั่วหล้า
ออกพรรษาคู่บ่าวสาวเจ้าสนุกสนาน
คืนเดือนหงายเดินทอดกายที่เชียงคาน
กับนงคราญแสนสำราญคืนเดือนเพ็ญ
ข้อยคนพลัดถิ่นพบยุพินนิ่มอนงค์
ร่วมโฉมยงค์นั่งเคียงกันพระจันทร์เห็น
เรือลำน้อยเจ้ากับข้อยลอยหลบเร้น
ยะเยือกเย็นหายใจแผ่วแจ้วจำนรร
เจ้ากระซิบข้างหูว่าอย่าหลอกข้อยเด้ออ้าย
พร่ำอาลัยถึงร้องให้เจ้าโศกสันต์
อ้ายจำจากเจ้าเนื้อทองอย่าไหวหวั่น
ปีหน้านั่นจะคืนวันออกพรรษากับนาง...
...แบบว่า..มาวววอะ
22 กันยายน 2552 11:47 น.
ลมแปรแขมร์เลอ
บุญฉันมีพอหนุนนำค้ำจุนอยู่
แต่ที่รู้น่าใจหายเอื้อมไม่ถึง
แม่ดอกฟ้าไม่เหลียวมองคล้องตราตรึง
ใยฟ้าจึงไม่เวทนาน่าน้อยใจ
คอยตั้งตาจ้องทุกคราหน้าจันทร์ผ่อง
จันทร์ไม่มองเลื่อนมาหาพาเศร้าไฉน
คงแหงนคอยฟ้าเหลียวแลแม้รำไร
แม้หวังได้รักร่วมเรียงแค่เพียงเงา
จันทร์เจ้าเมินสะเทิ้นคอยเจ้าลอยหาย
แสนเสียดายในรูปรอยที่หงอยเหงา
ในหัวใจยิ่งไหวหวั่นไม่บรรเทา
รู้หรือเปล่าว่าระกำชอกช้ำฤดี
เธอเป็นดอกฟ้าน่าใฝ่ปองครองสมร
มิ่งบังอรงามสง่าผ่องราศี
ดูตัวเราเศร้าลำเค็ญเช่นทาสเทวี
สิ้นปราณีทาสขื่นขมระทมเรื่อยไป
รอฉันรอขอวิงวอนเธออ่อนจิต
ยิ้มสักนิดคิดลำพองครองสุขไฉน
เมตตารักคือของขวัญอันอำไพ
ที่ธุลีได้เฝ้าใฝ่ปองมองฟ้างาม...
...แบบว่า
ภาพจาก..http://board.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=508649&stc=1&d=1234182178
29 กรกฎาคม 2552 17:01 น.
ลมแปรแขมร์เลอ
จดรอยจำคราก่อนตอนเริ่มรัก
รอยฟูมรักที่รักสองครองเสน่หา
รอยยังอุ่นกรุ่นสรรพางค์กลางอุรา
ชื่นหนักหนาคราคิดหวลชวนติดตรึง
รอยไม่เหมือนว่าจะร้างระหว่างนั้น
หากแค่ฝันรอยทำไมหายซาบซึ้ง
หรือรอยจำถลำไถลไกลรำพึง
รอยจาก..จึงเริ่มเด่นชัดมามัดใจ
เหตุนี่หนอรอยใจจึงได้เจ็บ
เพราะถูกเหน็บจากรอยจำย้ำเงื่อนไข
ทิ้งรอยทางร้างละห้อยรอยอาลัย
สลัดรอยใจให้จมซากขวากติดทรวง
รอยเจ้าเอยมาเปิดเผยให้คิดมาก
เหลือรอยจากไว้ทำไมให้คิดหวง
ลบอาลัยแต่ไว้รอยเหมือนคอยลวง
ใจหรือล่วงพ้นรอย...ที่คอยผลาญใจ..อิอิ
...แบบว่า