19 พฤศจิกายน 2551 01:01 น.
ลมรำเพย
ภาพเธอคอยเตือนใจให้ระลึก
ความรู้สึกอบอุ่นไม่จางหาย
แม้เวลาผ่านไปไม่เคลื่อนคลาย
ยังมุ่งหมายคว้าหัวใจเธอมาครอง
แม้วันนี้จะมีหวังเพียงเลือนราง
คงสักวันฟ้าต้องสางไม่หม่นหมอง
ได้เคียงคู่กับรักแท้ที่ใจปอง
เช่นร้อยกรองบทกวีที่ประพันธ์...
31 พฤษภาคม 2551 23:49 น.
ลมรำเพย
ดาวดวงน้อยลอยล่องท่องฟากฟ้า
ขอฝากพากลอนแนบรักชักนำถึง
ได้รับรู้เพียงมีใครคิดคำนึง
รักตราตรึงมั่นในจิตมิแคลงคลอน
กลั่นความนัยใคร่บรรเลงเพลงกวี
ร้อยเรียงรักคำพาทีด้วยอักษร
ด้วยห่วงหาตรึงจิตคิดอาวรณ์
ฝากบทกลอนสื่อความนัยนั้นถึงเธอ
ผ่านเวลามาเนิ่นนานเท่าชีวิต
ไถ่ถามจิตคิดสงสัยอยู่เสมอ
เป็นใครหนอคู่บุพเพเฝ้าคอยเจอ
จนได้มาพานพบเธอจึงเข้าใจ
แม้นวันนี้จำต้องพรากยากจะพบ
กาลเวลามิอาจลบภาพเธอได้
ยังวนเวียนในทุกห้วงลมหายใจ
นานเพียงใดใคร่ขอเฝ้ารอเพียงเธอ
28 พฤษภาคม 2551 22:37 น.
ลมรำเพย
รักใช่ไหม...ที่ทำให้...เจ็บปวดนัก
รักใช่ไหม...ที่ยากเกิน...จะหักหาญ
รักใช่ไหม...ทำร้ายใจ...ให้ทรมาน
รักใช่ไหม...เกินทนทาน...ปานสิ้นลม
เพราะว่ารัก...จึงเลือก...จะอยู่ใกล้
เพราะว่ารัก...ทุ่มเทใจ...ให้สุขสม
เพราะว่ารัก...จึงได้มา...แค่ตรอมตรม
เพราะว่ารัก...จึงต้องจม...ในห้วงกาฬ
หากเวลา...อาจหมุน...ย้อนคืนกลับ
ใจนี้รับ...ยังคงรัก...สมัครสมาน
แม้นต้องพบ...ความเจ็บปวด...รวดร้าวราน
กาลเนิ่นนาน...ยังคงรัก...มั่นในใจ
ฝนที่พร่ำ...บรรเลง...เพลงทุกข์โศก
คืนวิโยค...ไร้สิ้นแสง...แห่งแขไข
หัวใจรัก...ไร้สิ้นหลัก...ล่องลอยไป
ให้ฝนใน...ค่ำคืนนี้...ปลอบประโลม
19 ธันวาคม 2550 02:54 น.
ลมรำเพย
เพียงหนึ่งเดียว สถิตใน ห้วงฤทัย
เพียงหนึ่งเดียว ที่มิให้ ต้องไกลห่าง
เพียงหนึ่งเดียว ช่างชัดเจน มิเลือนลาง
เพียงหนึ่งเดียว ความรักกลาง ห้องหัวใจ
ใต้ฟ้ากว้าง ห่างไกล ไปสุดแดน
ร้อยผู้คน นับแสน ช่างกว้างใหญ่
แต่มีคน เล็กเล็ก มิห่างไกล
ยังรักเธอ สุดดวงใจ เพียงหนึ่งเดียว
20 พฤศจิกายน 2549 21:59 น.
ลมรำเพย
ความงดงาม ในถิ่นนี้ หาใดเปรียบ
สงบเงียบ ยามราตรี ที่เหน็บหนาว
สว่างไสว ยามฟ้าเบิก เพริศพริ้งพราว
เป็นดั่งราว ร่มไม้ใหญ่ ในแดนดิน
มีพืชพันธุ์ ธัญญา พฤกษาพร้อม
สมบูรณ์ล้อม ด้วยสายชีพ กระแสสินธุ์
"ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว" มิอดกิน
ปักษาผิน ร้องให้ยิน ทุกถิ่นวัน
ความงดงามในถิ่นนี้หาใดเปรียบ
หากแต่เหยียบ และตักตวง มิเคยหัน
มาตระหนัก ฟื้นฟู ดูแลกัน
หากช้าพลัน แล้วมิทัน จะสิ้นลม