10 พฤษภาคม 2550 21:27 น.
ฤทธิ์ ศรีดวง
ผมชื่อ จับใจครับ ชื่อแปลกไหมล่ะ ที่จริงมันมีที่มา...ผมเกิดในฤกษ์ดาวเคราะห์น้อย แต่ไม่ได้หมายความว่าเคราะห์ของผมจะน้อยหรอกครับ..ตรงกันข้าม!
หมอดูบอกแม่ผมว่า ดวงผมจะพบแต่เรื่องที่ทำให้ใจแตกสลายเป็นประจำ แม่ตกใจมากถามหมอว่า แล้วทำไงดีล่ะหมอ หมอทำหน้าเครียดก่อนตอบ มันต้องแก้เคล็ด
พ่อผมอยู่ใกล้ๆได้ฟังก็เลยหยิบยาหม่องมาให้ แม่ดุพ่อ คนละเคล็ด..ตาแก่
มันต้องแก้ที่ชื่อ หมอตอบพลางขมวดคิ้ว ชื่ออะไรดีคะแม่ผมถาม
ต้องชื่อ...จับใจ มันจะได้จับใจไว้ไม่ให้แตกสลาย แม่ผมยังสงสัย ได้ผลแน่นะ
หมอดูมองลอดแว่น ม่ายรู้...ห้าสิบ ห้าสิบ มั้ง...อ้อ!อีกอย่างถ้ามีเหตุจนปัญญาให้มันจุดธูปไหว้ดาวเคราะห์น้อย คงพอช่วยได้ ดูเหมือนแกไม่มั่นใจ แม่ผมก็ไม่มั่นใจ แต่พ่อผมมั่นใจสุดๆ แกกินเหล้าฉลองกับเพื่อนๆ แม่เล่าว่าพอแกเมาได้ที่แกก็วิ่งแก้ผ้าออกไปหน้าบ้าน ไอ้ตรงข้ามบ้านเราก็เป็นบ้านกำนันกำลังทำขวัญนาคบวชลูกชาย แขกเหรื่อเต็มบ้าน แล้วพ่อแกก็ร้องตะโกน ยูเรก้า ๆ แม่แกก็ไม่รู้ว่ามันหมายความว่าอะไร แต่ที่รู้แน่ๆก็คือเราต้องย้ายออกจากหมู่บ้านนั้นไปตลอดกาล.......
เรามาปลูกบ้านเล็กๆในที่ผืนสุดท้ายของพ่อ อยู่ชานกรุง ผมจำได้ว่าตอนเด็กๆ พื้นที่บ้านผมค่อนข้างสูง ต่อมามีคนมาปลูกบ้านมากขึ้นเรื่อยๆ ต่างคนก็ต่างถมที่ให้สูงกว่าที่ข้างๆ สุดท้ายบ้านผมก็ต่ำที่สุด เวลาฝนตกแต่ละที น้ำฝนทั้งหมดที่ตกบนโลกจะมารวมกันอยู่ที่บ้านผม นี่ดีนะที่บ้านผมยกพื้นสูง ไม่งั้นคงต้องนอนในน้ำ แต่ที่แย่มากๆก็คือ ส้วม..มันราดไม่ลง ผมหมดปัญญาก็เลยจุดธูปไหว้ดาวเคราะห์น้อยขอให้ช่วย
ได้ผล....มีปั๊มน้ำมันมาตั้งที่ปากซอย ผมเลยได้ใช้บริการทุกเช้า และทุกวัน จนกระทั่งเด็กปั๊มมันจำผมได้ วันไหนผมไม่แวะ มันจะตะโกนแซว วันนี้ไม่แวะเหรอพี่... แล้วมันก็จะหัวเราะขึ้นพร้อมๆกันทั้งปั๊ม ต่อหน้าลูกค้าสาวสวยที่มาเติมน้ำมัน ลูกค้าอาจจะไม่รู้ความหมาย แต่ผมก็อาย...อายมาก..อายจนเลิกอาย เช่นเดียวกับพวกมันที่แซวจนเลิกแซว.....
ตั้งแต่ผมเกิดมาจนบัดนี้พ่อแม่ก็เสียไปนานแล้ว ผมยังหาแฟนไม่ได้สักคน จนอายุผมปาเข้าไปตั้ง...เอ่อ..อย่ารู้เลยดีกว่า ทั้งที่สถิติตัวเลขผู้หญิงมีมากกว่าผู้ชายตั้งหลายเท่า ผมแปลกใจจริงๆ จึงตัดสินใจไหว้ดาวเคราะห์น้อยอีกครั้ง
ได้ผลอีกแล้ว....คราวนี้มีร้านมาเปิดใหม่ปากซอย ขายน้ำเต้าหู้ ปลาท่องโก๋และก็โจ๊ก เป็นร้านของสองคนแม่ลูก ลูกสาวสวยมากๆขอบอก ชื่อน้องนุ่น ผิวขาว ผมยาว หุ่นดี ใส่น้ำหอมกลิ่นอ่อนๆ ผมสืบจนรู้ว่าเธอไม่มีแฟน แม่หวงมาก พอเรียนจบการตลาดก็มาช่วยแม่ขายของ เธอยิ้มเก่งและเป็นมิตรกับทุกคน แค่เธอโปรยยิ้มเท่านั้นแหละลูกค้าหนุ่มๆก็เต็มร้านทุกวัน ผมสังเกตว่าเวลาสายๆลูกค้าน้อยๆ เธอจะเปิดหนังดู... เธอชอบนิโคลาส เคจ ชัวร์..เพราะผมเห็นดีวีดีของเธอที่ร้าน มีพี่เคจเล่นทุกเรื่อง
สำหรับผมแล้วความเถิกของศีรษะสู้พี่เคจได้สบาย แต่หน้าผมอ้วนกว่า..อ้วนกว่ามากด้วย ดังนั้นทุกครั้งที่ผมเข้าร้านเธอผมจะพยายามทำหน้าให้ยาวที่สุดเท่าที่จะยาวได้ ผมคิดว่าได้ผลนะเพราะเธอเริ่มเหล่ผมนิดๆแล้ว...
จนกระทั่งหนังเรื่อง world trade centerมาฉาย แน่นอนนิโคลาส เคจเล่น วันนี้แหละผมจะชวนเธอไปดูหนังให้ได้ ผมอ่านดวงจากเดลินิวส์ตอนเช้าแล้วรู้สึกมั่นใจมาก ผมออกจากบ้านแล้วแวะปั๊มน้ำมันตามปรกติ ขณะที่ผมกำลังยืนฉี่อยู่ ก็ได้ยินเสียงคุ้นๆ กำลังคุยโทรศัพท์ กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆทำให้ผมหันไปมอง..น้องนุ่นนั่นเอง ดูเธอรีบร้อนมากจนเข้าห้องน้ำผิด ผมตกใจมากพยายามจะบอกเธอ แต่เธอมองไม่เห็นผม และไม่ทันที่ผมจะเอ่ยอะไร ผมก็ต้องใจสลายเมื่อเธอเดินเข้ามาใกล้...แล้วงัดมังกรยักษ์มายืนฉี่ข้างๆผม
5 พฤษภาคม 2550 12:57 น.
ฤทธิ์ ศรีดวง
ผมทำงานอยู่ในกรุงเทพ นานๆถึงจะกลับบ้านทีหนึ่ง วันนี้ผมลาพักร้อนปลายปี ขณะที่ขับรถกลับบ้านก็เจอต้นลีลาวดีขาวพวงต้นหนึ่งทรงพุ่มสวยมาก ไปถามราคาแค่ห้าพันบาท ก็เลยนัดให้เขามาส่งที่บ้าน ส่วนตัวผมกลับมาขุดหลุมที่บ้านรอไว้ก่อน
ดินที่บ้านผมค่อนข้างดี ต้นไม้รอบๆบ้านต้นใหญ่ใบเขียว ให้ลูกให้ผลดกทุกต้นโดยไม่ต้องใส่ปุ๋ย เป็นแบบนี้มาตั้งแต่สมัยรุ่นทวดของทวดแล้ว
3 เดือนก่อนผมซื้อต้นลีลาวดีพันธุ์ขาวพวงต้นแรกมาปลูกมันโตเร็วมาก มีเรื่องแปลกก็คือโคนกลีบดอกปกติจะเป็นสีเหลือง แต่ต้นของผมเป็นสีแดงจัด เคยไปถามคนขายเขาบอกว่ามันน่าจะกลายพันธุ์
เวลาที่ผมขุดดินหรือใครก็ตามที่ขุดดิน รอบๆบ้านผม ยายของผมแกจะไปนั่งเฝ้าเสมอ คอยดูว่าอะไรอยู่ก้นหลุม แกจะน้ำตาไหลทุกครั้ง เมื่อเห็นว่าที่ก้นหลุมไม่มีอะไรนอกจากดิน
ไม่ใช่ผมคนเดียวหรอกที่คิดว่าแกสติไม่ดี ชาวบ้านแถวนี้ก็คิดเหมือนกัน
ที่จริงแกไม่ใช่ยายแท้ๆของผมหรอก แกเป็นพี่สาวของยายผมอีกที แกชื่อยายเพ็ญ แกไม่มีลูก เพราะแกไม่ได้แต่งงาน
ผมขุดได้หลุมขนาดใหญ่พอควร ยายเพ็ญเดินกระย่องกระแย่งมานั่งริมหลุมเหมือนเดิม เห็นว่าไม่มีอะไรแกก็ร้องไห้ ร้องมากกว่าครั้งไหนๆที่ผมเคยเห็น ผมทั้งรำคาญทั้งสงสารแก ปกติผมไม่ค่อยได้ยินเสียงแกแต่ครั้งนี้ไม่ใช่.
ไม่มาแล้ว..ไม่มาแล้วจริงๆ แกบ่นไปตลอดทาง น้ำเสียงแหบพร่าสั่นเครือ ยายผินซึ่งเป็นยายแท้ๆของผมแต่ดูแข็งแรงกว่ายายเพ็ญมากต้องเข้ามาปลอบกอดประคอง
อย่าคิดมากน่าพี่ ลืมเขาเสียเถอะ คิดถึงตัวเองซะบ้าง พี่น่ะร้องไห้มากี่ปีแล้ว คำปลอบของผู้น้องยิ่งทำให้ผู้พี่ซบหน้าลงกับอกผู้น้องร้องไห้ปานจะขาดใจ
หลังจากปลูกต้นไม้เสร็จ ผมก็อาบน้ำอาบท่ากินข้าวปลาแล้วก็ลงมานั่งรับลมที่ชิงช้าที่ตั้งที่ใต้หูกวาง เย็นมากแล้วแดดลำสุดท้ายเพิ่งจากไป ลมเย็นๆพัดผ่านหอบเอากลิ่นดอกลีลาวดีมาปะทะช่างหอมชื่นใจ แม่เดินมานั่งชิงช้าใกล้ๆผม
ยายเพ็ญเป็นไงบ้างครับ ผมถามขึ้น
ค่อยยังชั่วแล้ว ตอนนี้หลับอยู่ แม่ตอบ
ดูลูกไม่ค่อยชอบยายเพ็ญ
โธ่..แม่ ไม่ใช่ผมคนเดียวหรอก ชาวบ้านแถวนี้ก็ไม่ชอบ หาว่าแกบ้า ดูแกเป็นตัวตลก แม่คิดดูนะพอแกเห็นใครขุดดินก็มานั่งดูแล้วก็ร้องไห้ มีคนสติดีที่ไหนเขาทำกัน ที่จริงผมไม่ได้ไม่ชอบแกหรอก ผมแค่รำคาญ
แม่ไม่พูดอะไร แค่ยิ้มให้ผม....เป็นรอยยิ้มของผู้ใหญ่ที่ยิ้มให้เด็ก
ลูกไม่ผิดหรอกที่คิดแบบนั้น
ลูกดูต้นไม้รอบๆบ้านเราซิ มันงามมากใช่ไหม ไม่มีเพลี้ยหนอน แล้วดูของชาวบ้านแถวนี้ ต้นไม่ค่อยงาม แถมแมลงก็เยอะ แม่ผมเปลี่ยนเรื่องคุย
นั่นซิแม่ ทำไมเป็นแบบนี้ ผมอยากรู้มานานแล้ว
เมื่อก่อนบ้านเราเป็นโคกสูงมีน้ำล้อมรอบ ผมมองตามมือแม่ บ้านเรายังเป็นโคกอยู่ แต่พื้นที่รอบๆโคกเป็นที่ราบเป็นทุ่งหญ้าโดยรอบ ก็หญ้านวลน้อยที่ผมปลูกไว้นั่นแหละ หลังจากผมรื้อหญ้าขนกับผักบุ้งรกๆออก
ตอนหลังมีตะกอนดินทับถมมันก็ตื้นขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นพื้นดินอย่างที่ลูกเห็น
ตอนเป็นน้ำคงสวยมากใช่ไหมแม่
สวยมากๆ...ยายแกเคยเล่าให้ฟัง ตอนที่ยังสาวๆ ที่รอบๆเป็นบึงกว้างน้ำใส ดอกบัวหลวงเต็มไปหมด
แล้วไงต่อครับ ผมชักเริ่มสนใจ
ตอนนั้น ยายผินอายุ 8 ขวบ ยายเพ็ญอายุ 9 ขวบ เย็นวันนั้นอากาศเริ่มโพล้เพล้...ฝนตกหนัก ยายเพ็ญออกไปรองน้ำฝนใส่ตุ่ม มองออกไปนอกบ้านเห็นคนหลายสิบคน เดินเข้ามาใต้ชายคาบ้าน...พวกเขาสูงไม่ถึงเอวของเรา ใส่เสื้อผ้าแปลกๆ..... ยายเพ็ญตกใจมาก..
........................................................................................................................ พ่อๆ...มีใครก็ไม่รู้เข้ามาในบ้าน เพ็ญตะโกนเรียกพ่อเสียงหลง
รู้แล้วๆ...ไหนใครมาวะ ชายหนุ่มร่างใหญ่ไม่ใส่เสื้อ..นุ่งกางเกงเล..คาดผ้าขาวม้าเดินออกมาที่หน้าบ้าน
สวัสดีครับพ่อครู ชายร่างเล็กท่าทางเป็นหัวหน้ายกมือไหว้ ทุกคนในกลุ่มยกมือไหว้ตาม
อ้าว...ท่านแสนหล้า สวัสดีครับ 10 ปีนี่ช่างผ่านไปเร็วจริงๆ...มาขึ้นเรือนกินน้ำกินท่ากันก่อน ชายเจ้าของบ้านกุลีกุจอรับไหว้
ขอบพระคุณท่านพ่อครูมาก พวกเราไม่อยากขัดน้ำใจท่านหรอกขอรับ แต่พวกกระผม ธุระมาก คงต้องรีบไปเก็บดอกบัวให้ทันงานบุญ
เอ้า..ไม่เป็นไร งั้นก็เชิญตามสบายเลย ปีนี้บัวงามมาก
อย่างนั้น พวกกระผมขอลาเลยขอรับ ท่านแสนหล้ากล่าวขึ้นพร้อมกับยกมือไหว้อย่างพร้อมเพรียงกัน
กลุ่มชายร่างเล็ก เดินฝ่าสายฝนลงไปในบึง ช่วยกันตัดดอกบัวหลวงใส่ตะกร้านับร้อยดอก สามคนพ่อลูกยืนดูอยู่ที่ระเบียงบ้าน
พ่อจ๊ะพวกเขาเป็นใครกัน เด็กหญิงเพ็ญถามพ่อ
ตอนอายุเท่าลูกพ่อก็ถามปู่ของลูกแบบนี้เหมือนกัน...ปู่ของปู่ของปู่ก็ถามเหมือนกันหมด มันเป็นเรื่องที่เล่ากันมาตั้งแต่ต้นตระกูลเราแล้ว....มีเมืองหนึ่งอยู่ใต้ดิน ชื่อเมืองลับแล ฟังดูคุ้นๆใช่ไหม ตรงบ้านที่เราปลูกอยู่เป็นปากทางเข้าเมือง ผู้คนในเมืองนี้ตัวเล็กมาก เวลาเราต่างกัน 10 ปี หมายความว่า ถ้าของเราผ่านไป 10 ปี ของเขาจะผ่านไปแค่ปีเดียว อย่างท่านแสนหล้า ท่านอยู่มาตั้งแต่ต้นตระกูลเราแล้ว
เขาแก่กว่าเราแล้วทำไมเขาไหว้พ่อ เด็กหญิงผินถามบ้าง
เขาไหว้ทุกคนนั่นแหละ เพราะเขาถือว่าพวกเรามีบุญคุณกับเขา ใครที่มีบุญคุณด้วยเขาจะเรียกว่า พ่อครูหรือแม่ครูแล้วแต่
บุญคุณอะไรจ๊ะพ่อ เด็กหญิงเพ็ญถามอย่างสนใจ
ดอกบัวนั่นไง เขาจะมาขอทุก 10 ปี คือทุกปีของเขาจะมีงานบุญไหว้พระ เป็นงานใหญ่ของเมืองต้องใช้ดอกบัวมาไหว้ แล้วดอกบัวนี่ก็จะบานตลอด 1 ปีของเขา จะไม่เหี่ยว จนกว่าจะครบรอบปี เขาเคยเล่าว่าดอกบัวเวลาอยู่ที่เมืองเขาจะมีกลิ่นหอม มีแสงเรืองๆเป็นรัศมี ทำให้บ้านเมืองเขาสงบร่มเย็น บ้านเขาปลูกบัวไม่ได้ต้องขึ้นมาเอาจากข้างบน
พ่อเคยลงไปเที่ยวเมืองเขาไหมจ๊ะ เพ็ญถามขึ้นอย่างอยากรู้
ไม่เคย ไม่มีใครได้ลงไปหรอก รู้ว่าอยู่ใต้ดิน แต่ขุดลงไปยังไงก็ไม่เจอ
ชาวลับแลตัดดอกบัวไปจนหมดสระ พวกเขาหันมายกมือไหว้สามพ่อลูกอีกครั้งแล้วเดินลับหายไปกับความมืด ที่เริ่มมาเยือน.
........................................................................................................................
พวกเขาตอบแทนเรา โดยช่วยให้ต้นไม้บ้านเรางาม ชั่วลูกชั่วหลาน แม่ผมชี้ให้ดูต้นไม้รอบๆบ้าน
ตอนนั้นเราทำนา ทำสวน ขายข้าวขายผลไม้ได้ตลอดทั้งปี เรียกว่าเป็นผู้มีอันจะกินในย่านนี้เลยทีเดียว
แล้วเกิดอะไรขึ้นครับแม่ ผมอยากรู้ว่านิทานเรื่องจะจบยังไง
9 ปีต่อมา ก็มีชายหนุ่มชื่อทิดมั่น ลูกชายโทนของเพื่อนพ่อครูที่เพิ่งเสียชีวิตไปย้ายเข้ามาอยู่ด้วย มาช่วยเกี่ยวข้าว และเก็บผลไม้ ช่วยไล่พวกหัวขโมย ที่ชอบแอบมาขโมยผลไม้ตอนกลางคืน ยายเพ็ญตอนนั้นเริ่มเป็นสาวแล้ว คอยหาข้าวหาปลาให้ทาน ความที่ใกล้ชิดก็เลยรักใคร่กัน กำลังจะแต่งงานกัน......จนกระทั่งวันหนึ่งวันนั้นเย็นมากแล้ว ฝนเริ่มตก.......ยายเพ็ญ นั่งรอทิดมั่นมากินข้าวเย็นอย่างกระวนกระวาย
........................................................................................................................
ฟ้าเริ่มมืดแล้ว ยังไม่ปรากฏเงาชายหนุ่ม สาวน้อยมายืนที่ชานหน้าบ้าน
นังเพ็ญ...เข้ามากินข้าวกินปลาก่อน ไม่ต้องห่วงพ่อมั่นหรอก เดี๋ยวก็มา เข้าไปส่งของในเมืองนี่คงจะติดฝนเลยกลับมาช้าหน่อย
ไม่เป็นไรจ๊ะพ่อ พ่อกินไปก่อนหนูยังไม่หิว สาวเพ็ญตอบพ่อ
ตามใจเอ็ง..เดี๋ยวหิวก็มากินแล้วกัน
ที่นอกบ้าน มีร่างเล็กๆหลายคนเดินฝ่าฝนเข้ามาในบ้าน
พ่อจ๊ะ...ท่านแสนหล้ามาหา เพ็ญตะโกนบอกพ่อ
แล้วทุกอย่างก็ดำเนินไปเหมือนเมื่อ 10 ปีที่แล้ว
สาวน้อยมองดูกลุ่มชาวลับแลที่เก็บดอกบัวอยู่ในบึง ทันใดนั้นก็เห็นร่างหนึ่งวิ่งฝ่าน้ำตรงไปที่ชาวลับแล
ไอ้พวกหัวขโมย ออกไปเดี๋ยวนี้
พี่มั่น...อย่า เพ็ญร้องตะโกนสุดเสียงแข่งกับเสียงฝน พ่อครูได้ยินเสียงเอะอะก็รีบวิ่งลงไปในบึง....แต่ช้าไปแล้ว... ผัวะ! เสียงไม้กระทบร่างชายร่างเล็กคนหนึ่งล้มลง ก่อนที่พ่อครูจะคว้าข้อมือทิดมั่นไว้ได้
ที่ชานบ้าน....พ่อครูวางร่างแน่นิ่งของชาวลับแลลงบนแคร่ ทิดมั่นยืนอยู่ใกล้ๆอย่างสำนึกผิด กลุ่มชายลับแลตาแดงกล่ำอย่างโกรธแค้น แต่แค่ไม่ถึงครึ่งนาทีพวกเขาก็สงบลงเป็นปรกติ
ท่านแสนหล้า ข้าต้องขอโทษท่านด้วย เจ้ามั่นมันไม่รู้ เพราะเรื่องของพวกท่านพวกเราเก็บเป็นความลับตลอดมา
ท่านพ่อครู...พวกกระผมเข้าใจท่าน แต่พวกเรามีกฎ
กฎอะไรครับท่านแสนหล้า พ่อครูถาม
ถ้าใครทำให้คนหนึ่งคนใดเสียชีวิต จะด้วยเจตนาหรือไม่ก็ตาม ผู้นั้นต้องรับใช้ครอบครัวผู้ตายเป็นเวลา 6 ปี
หมายความว่า เจ้ามั่นต้องไป.... พ่อครูทำท่าตกใจ
ใช่ขอรับ ท่านพ่อครู เขาต้องไปรับใช้ครอบครัวท่านแสนทิพย์ 6 ปีของเรา หรือ 60 ปีของท่าน
ทิดมั่นทรุดลงกราบท่านพ่อครู เพ็ญถลาเข้าไปกอดพ่อ น้ำตาไหลพราก
พ่อ..อย่าให้พี่มั่นไป พ่อช่วยพี่มั่นด้วย พ่อครูนิ่ง
สาวน้อยยืนกอดพ่อ ร้องไห้ปานใจจะขาด มองดูคนรักถูกมัดมือเดินไปพร้อมชาวลับแล และร่างท่านแสนทิพย์ที่พวกเขาช่วยกันแบกค่อยๆหายไปในความมืดของรัตติกาล
1 ปีผ่านไป เย็นวันนั้นพ่อครูขุดหลุมใหญ่เพื่อปลูกมะม่วง มีอะไรบางอย่างไหวๆที่ก้นหลุม แล้วก็มีหัวคนโผล่ขึ้นมา พ่อครูตกใจมาก ทิดมั่น...ทิดมั่นนี่หว่า
นังเพ็ญ....พ่อมั่นมา พ่อครูตะโกนเรียกลูกสาว ขณะที่มือพยายามดึงชายหนุ่มขึ้นจากหลุม
ไม่ต้องหรอกคุณอา ผมขึ้นไปไม่ได้หรอก นี่ผมขอเขามาครู่เดียว
พี่มั่น..ๆ พี่กลับมาแล้ว สาวเพ็ญวิ่งถลาลงมาจากบันไดบ้าน มานั่งที่ปากหลุม มองร่างชายหนุ่มเปื้อนดินที่โผล่ขึ้นมาได้ครึ่งตัว
พี่มั่น..พี่มั่นจะไม่จากเพ็ญไปอีกแล้วใช่ไหม สาวน้อยสะอื้นถาม มองหน้าชายหนุ่มที่ยิ้มอย่างแห้งแล้ง
เพ็ญฟังพี่ให้ดีนะ อีก 59 ปีจากนี้ถ้ามีคนที่เป็นญาติหรือลูกหลานของเพ็ญขุดหลุมโดยคนขุดต้องไม่รู้เรื่องของเรามาก่อน วันนั้นพี่จะเป็นอิสระ........เพ็ญ.....พี่รู้ว่ามันนานมาก เพ็ญไม่ต้องรอพี่ก็ได้นะถ้าใครมาขอก็แต่งไปกับเขาได้เลย......หมดเวลาแล้วพี่ต้องไปล่ะนะ.... ร่างทิดมั่นค่อยๆจมหายไปในดิน ท่ามกลางความเสียใจของเพ็ญและพ่อครู
เพ็ญ..ไม่เป็นไรนะ พ่อรู้ว่าเขาต้องกลับมา พ่อครูพยายามปลอบลูกสาวทั้งที่ในใจก็รู้ว่า 59 ปีมันนานเกินไป...อาจจะนานเกินอายุลูกสาวเขาก็ได้ เขาไม่อยากให้ลูกสาวจมปรักอยู่กับความทุกข์ชั่วชีวิต
........................................................................................................................
แม่ของผมเล่าเรื่องจบแล้ว ใครได้ฟังคงคิดว่าแม่ช่างแต่งเรื่องได้เก่งมาก แต่สำหรับผม.....ไม่...
แล้วทำไมแม่เล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง น้ำตาแม่เริ่มคลอเบ้า แม่คงสงสารยายเพ็ญมาก
เพราะวันนี้ ครบ 59 ปีเต็ม....แล้วพรุ่งนี้จะเริ่มปีที่ 60
ผมใจหายวูบ นึกถึงคำเพ้อของยายเพ็ญ ใช่เขาคงไม่มาแล้วจริงๆ ผมรู้สึกผิดมาก ที่เห็นแกเป็นคนบ้า ผมเชื่อว่าไม่มีใครในโลกนี้หรอกที่จะรอคอยคนรักได้นานขนาดนั้น.......ยายครับผมขอโทษ ผมเดินเข้าไปกราบเท้ายายเพ็ญที่หลับอยู่....มีคราบน้ำตาแห้งจับอยู่ทั้งสองแก้ม...............ยกโทษให้ผมด้วยครับผมไม่รู้จริงๆ
ผมเดินออกมาเหมือนร่างไร้วิญญาณ ทรุดกายลงที่ใต้ลีลาวดีที่ผมปลูกไว้เมื่อ 3 เดือนก่อน...ที่ที่ผมขุดหลุมแล้วเจอคนโผล่ออกมา ผมตกใจกระแทกเสียมใส่อย่างแรง ร่างเขาแน่นิ่งจมหายไปในดิน แล้วผมจึงปลูกต้นไม้ทับ ผมยังจำเลือดสดๆที่ทะลักขึ้นมาได้ สีมันแดงจัด...แดงเหมือนโคนกลีบดอกลีลาวดี กลายพันธุ์ต้นนี้