24 พฤษภาคม 2550 20:53 น.

หุ่นยนต์

ฤทธิ์ ศรีดวง

 ในวงการแข่งขันประดิษฐ์หุ่นยนต์ไม่มีใครไม่รู้จักชื่อของ ดร สมพล สินอาทร ผู้กำชัยเกือบทุกสนาม ท่านเริ่มแข่งตั้งแต่สมัยเรียนวิศวะปี 2 กระทั่งเรียนจบและถูกบริษัทญี่ปุ่นซื้อตัวไป ผลงานของท่านมีมากมาย เช่น หุ่นยนต์ดับเพลิง หุ่นสุนัขที่น่ารัก และอื่นๆอีกมากมาย จนเดี๋ยวนี้ท่านรวยติดอันดับโลก  แม้ว่าเดี๋ยวนี้ท่านเป็นมืออาชีพแล้ว ท่านก็ยังลงแข่งขัน แต่ผลงานปีที่แล้วของท่านกลับได้แค่รองชนะเลิศ วันนั้นเราได้เห็นหน้าซีดขาวของท่าน เป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปีที่ท่านรู้สึกพ่ายแพ้   หากเรายังจำกันได้สองพี่น้องจากจังหวัดลำปางที่ไม่มีใครรู้จักได้ยัดเยียดความปราชัยให้กับดอกเตอร์ผู้เก่งกล้า
  ปีที่แล้วหลังจากเหตุการณ์ วัตถุประหลาดตกที่จังหวัดลำปาง รัศมีระเบิดราว 1 กิโลเมตร พื้นที่ดังกล่าวถูกปิดประชาชนถูกเกณฑ์ออกจากพื้นที่ ให้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบสารกัมมันตภาพรังสี สมชายและสมหญิงสองพี่น้องก็เช่นกันจำต้องออกจากพื้นที่และได้มาเช่าห้องอยู่กรุงเทพ เปิดร้านรับซื้อของเก่า ปากซอยเข้าคฤหาสน์ของ ดร สมพล 
  เหตุการณ์ยังเป็นปกติจนกระทั่งวันแข่งการประกวดหุ่นยนต์มาถึง ด้วยเงินรางวัลสูงถึง 1 ล้านบาท ทำให้สองพี่น้องทุ่มเทสร้างผลงานเข้าประกวด และได้รางวัลชนะเลิศ วันนั้นเราเชื่อว่าทุกท่านยังจำกันได้ หุ่นยนต์ปฐมพยาบาลของ ดร สมพลทำให้ทุกคนตะลึงในความสามารถ ท่านได้คะแนนเต็มสิบ ซึ่งทุกอย่างน่าจะจบลงแค่นั้น แต่ทันทีที่สมชายเปิดถุงผ้าออก ลูกสุนัขขนปุยน่ารักมาก ได้วิ่งออกไปรอบสนาม ไม่มีใครรู้ว่าว่านั่นคือหุ่นยนต์จนสมชายกดปุ่มที่ซ่อนอยู่ใต้ท้อง ชิ้นส่วนต่างๆจึงถูกเปิดออกจนเห็นเครื่องจักรกลด้านใน เขาได้คะแนนเต็มสิบเช่นกัน แล้วจะให้ใครชนะ คณะกรรมเสียงแตก ฝ่ายหนึ่งเห็นว่าควรให้ ดร สมพลชนะ เพราะเป็นหุ่นมีประโยชน์ต่อสังคม อีกฝ่ายหนึ่งเห็นว่าหุ่นลูกสุนัขควรชนะเพราะมีความเหมือนจริงมากจนแยกไม่ออก ซึ่งเป็นการยกมาตรฐานการสร้างหุ่นยนต์ สุดท้ายจึงตกลงให้ผู้ชมเป็นผู้โหวต และในที่สุดลูกสุนัขก็เป็นผู้ชนะ และเป็นการปฏิวัติการสร้างหุ่นยนต์จริงๆ เพราะทั่วโลกให้ความสนใจการแข่งขันในครั้งนี้มาก จากงานระดับประเทศกลายเป็นงานระดับโลก ผู้เข้าชมมาจากทุกประเทศ เหมือนมาดูแข่งโอลิมปิค โรงแรมทุกแห่งในกรุงเทพถูกจองเต็มหมด มีการถ่ายทอดไปทั่วโลก แน่นอนทุกคนอยากมาดูศึกระหว่าง ดร สมพล ที่ต้องการทวงตำแหน่งแชมป์คืน และผลงานของแชมป์เก่าว่าจะมีอะไรมาเซอร์ไพร์สคนดู
  วันนี้เราจึงได้เชิญทั้งคู่มาออกรายการเพื่อให้ท่านผู้ชมได้อุ่นเครื่องก่อนถึงวันแข่งขันจริง
  สวัสดีครับ ดร สมพล การแข่งขันในครั้งนี้มีความเชื่อแค่ไหนว่าจะกลับมาทวงบัลลังก์ได้อีกครั้ง
  สวัสดีครับคุณสรยุทธ คุณพูดเหมือนจะแข่งบอล คือครั้งนี้ผมมั่นใจในผลงานมาก มากกว่าครั้งใดในตลอดระยะเวลา 21 ปีที่ผ่านมา
  ไม่กลัวหุ่นเหมือนจริงอีกหรือครับ
  ไม่กลัวครับ ผมว่าถ้าออกมาแบบเก่าคนดูเบื่อมุขเดิมๆแน่
  แล้วคุณสมชายล่ะครับ มั่นใจแค่ไหนว่าจะรักษาแชมป์ไว้ได้
  ผมไม่เคยคิดเรื่องนั้นหรอกครับ  ผมไม่ได้สร้างหุ่นเพื่อการแข่งขัน ผมแค่ต้องการหาทุนเพื่อกลับบ้าน ถ้าคุณสรยุทธยังจำได้ เมื่อ 2 ปีก่อนที่วัตถุประหลาดตกที่ลำปาง ผมไม่มีที่อยู่ ไม่มีเงิน 
  ผมติดตามข่าวมาเหมือนกัน ตอนนี้เห็นว่าพิสูจน์ได้แล้วว่าน่าจะเป็นอุกกาบาตตก และบริเวณนั้นยกเลิกประกาศเขต    อันตรายแล้ว เพราะตรวจสอบสารกัมมันตภาพรังสีอยู่ในระดับปลอดภัย 
  ใช่.... แต่ก่อนกลับผมต้องการสิ่งหนึ่งเป็นที่ระลึก และเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ผมลงแข่งในครั้งนี้  การรักษาแชมป์ไม่เคยอยู่ในใจผม 
   คุณสมชายอยากได้อะไร
  ลูกแก้ว..ลูกแก้วที่เขาค้นพบก้นหลุมที่อุกาบาตตก เขาให้แก่ผู้ชนะการแข่งขัน
  คุณสมชายมีเงินตั้งแยะ ที่ชนะรางวัลปีที่แล้ว และที่ขายผลงานได้อีก  ทำไมไม่ไปหาซื้อ มีขายเยอะแยะไป
  คุณสรยุทธ  มันเป็นคุณค่าทางจิตใจ และผมก็ไม่ได้มีเงินทองขนาดนั้น เงิน 2 ล้านปีที่แล้วผมใช้ไปเกือบมันแล้ว
  ใช้ทำอะไร
  สร้างสิ่งประดิษฐ์
  แปลว่า ถ้าคุณชนะปีนี้ ปีหน้าคุณไม่เข้าแข่งแน่นอน
  ครับ
  อย่างนี้ ก็หมดสนุกนะซิ  นี่คุณรู้ไหมว่า คุณช่วยการท่องเที่ยวแค่ไหน คนเป็นแสนเข้ามาดูการแข่งขัน และที่ดูทั่วโลกอีกเท่าไหร่ มันเป็นปรากฏการณ์ 
   สมชายไม่ตอบอะไรนอกจากยิ้มเนือยๆ
  ใกล้วันแข่งขันเข้ามาทุกทีๆแล้ว ต่างคนต่างปิดผลงานของตัวเองไว้เป็นความลับ สมชายปิดร้านของเขาเพื่อสร้างหุ่น  
ดร สมพลแอบใช้กล้องส่องทางไกลดูความเคลื่อนไหวในร้านคู่แข่ง เขาเห็นประกายไฟเชื่อมและกองสายไฟ แผ่นโลหะหลากหลายเหมือนรื้อมาจากวัสดุเหลือใช้ บางชิ้นยังมีฉลากติดอยู่เลย ผลึกรวมกันอย่างแน่นหนาขึ้นรูปเป็นวงกลม กองรวมกันอยู่หลังร้านมอซอหลังนั้น มีเพียงสมชายและน้องสาวเท่านั้นที่ทำงานอย่างเอาเป็นเอาตาย 
  อีก 7 วันจะถึงการแข่งขัน ผู้สื่อข่าวต่างไปเฝ้าอยู่หน้าบ้านของคนทั้งสอง ทุกวันจะมีการสัมภาษณ์ ดร สมพลออกทีวี ซึ่งตัวด็อกเตอร์เองก็รู้ว่านี่เป็นโอกาสที่จะเรียกคะแนนจากผู้ชม ถ้าหากต้องสู้กันจนถึงฎีกาเหมือนปีก่อนเขาจะแพ้โหวตไม่ได้ ดังนั้นข้อมูลต่างๆ ประสิทธิภาพของหุ่นยนต์จึงถูกนำเสนออกมาอย่างเป็นระบบยั่วน้ำลายคนดูให้อยากติดตามตอนต่อไป บางคนแทบจะทนรอให้ถึงวันแข่งไม่ไหว ผลโพลออกมาผลงานของแกจึงนำโด่ง 
  แล้วก็ถึงวันแข่งขัน ผู้ชมเข้าไปนั่งเต็มอัฒจรรย์แล้ว รถผู้เข้าแข่งขันทยอยกันเข้ามาผลงานของแต่ละคนถูกคลุมผ้าไว้อย่างแน่นหนา  แน่นอนที่ถูกจับตามากที่สุดก็คือรถกระบะใหม่เอี่ยมที่มีลังไม้ใบใหญ่อยู่ข้างหลังของ ดร สมพล และรถปุโรทั่งของนายสมชายที่นั่งเคียงคู่มากับน้องสาวที่วันนี้ดูสวยเซ็กซี่เป็นพิเศษ จนผู้ชมตาค้างลืมน้องอั้มและน้องพอลล่าไปเลย แม้แต่ ดร สมพล ยังตาค้างลืมภรรยาชาวญี่ปุ่นไปชั่วขณะ หลังจากเตรียมตัวประมาณ 30 นาที พิธีการเปิดงานจึงได้เริ่มขึ้น
  เชิญท่านพบกับผู้เข้าแข่งขัน หมายเลข 1 คุณพรชัย ดีพร้อม
  หนุ่มพรชัยออกมาพร้อมทีมงาน เปิดผ้าคลุมออก เป็นแขนกลมีลักษณะเหมือนมือคนแต่ใหญ่กว่าสองเท่า ต้องใช้มือคนสวมเข้าไปแล้วมือกลจะเคลื่อนไหวมีพลังมหาศาลยกของหนักได้ถึงสองตัน เรียกเสียงฮือฮาจากผู้ชมได้พอควร 8.5เป็นคะแนนเฉลี่ยที่ได้รับ
  พิธีกรได้เรียกหมายเลขต่อมาเรื่อยๆ โดยคะแนนสูงสุดอยู่ 9.5 เป็นหุ่นจราจรของวิทยาลัยอาชีวะดังแห่งหนึ่งที่เลิกเอาดีทางตีกัน หันมาประดิษฐ์หุ่นยนต์แทน..นับเป็นนิมิตหมายที่ดี จนมาถึงสองหมายเลขสุดท้ายซึ่งเป็นไคลแมกซ์ของงาน    ดร สมพลได้แสดงก่อน ผู้ชมเงียบสนิท ใจเต้นระทึก เมื่อกล่องไม้ถูกแกะออกหุ่นยนต์ตัวหนึ่งก้าวออกมาสูงราว 1.80 เมตร ควบคุมด้วยรีโมท มันเดิน 2 ขา..ร่างเป็นโลหะมันวาวสีเงิน  มือเป็นคีมหนีบ ตาเป็นกล้องรับภาพสามารถส่งสัญญาณมายังสถานีควบคุมได้ มีปีกพับซ่อนอยู่ด้านหลัง  กางปีกปรับเป็นเครื่องร่อนได้ช่วยประหยัดพลังงาน เหาะได้ด้วยไอพ่น มันเป็นหุ่นกู้ภัยในพื้นที่ที่เข้าถึงได้ยาก ทีมงานคนหนึ่งกดรีโมท หุ่นเหาะทะยานขึ้นอุ้ม ดร สมพลบินวนไปทั่วสนามเหมือนประกาศชัยชนะ มันดับไอพ่นดิ่งตัวร่อนลงมายืนบนพื้นอย่างสง่างาม..อือหือเท่จริงๆ... เสียงปรบมือดังกึกก้องยาวนาน คะแนนที่ออกมา 10 เต็ม  ด็อกเตอร์หันมามองหน้าสมชาย ยิ้มให้เล็กน้อย สมชายยังคงสงบนิ่งเมื่อพิธีกรเรียก..เขาจึงก้าวออกมาพร้อมกับน้องสาว เขาเดินไปที่ผลงานเขาที่คลุมผ้าอยู่ทำท่าเหมือนจะเปิดแต่ชะงักไว้ ขณะที่สมหญิงเดินไปรอบๆสนามสัมผัสมือกับผู้ชม โดยเฉพาะด็อกเตอร์คนเก่ง ถูกสาวสวยหอมแก้มทั้ง 2 ข้างถึงกับหน้าแดง เลือดกำเดาไหลไม่หยุด ชุดหนังรัดรูปและกลิ่นกายหอมกรุ่น ทำเอาหนุ่มและไม่หนุ่มทั้งหลายแทบคลั่งตาย เธอเดินมาหยุดข้างสมชายที่กลางสนามหน้าห่อผ้าใบขนาดมหึมาเพื่อเผยสิ่งที่อยู่ในนั้น 
  เร็วกว่าที่ใครๆจะคิดทัน เขารูดซิปชุดหนังของสาวสวยออกเพื่อเผยบางอย่างให้เห็นอย่างจะจะ ท่ามกลางผู้ชมที่ตกตะลึงไปทั่วโลก ผิวหนังเธอนั้นขาวใส ใสจนเห็นวงจรไฟฟ้าด้านใน โครงสร้างภายในเป็นโลหะน้ำหนักเบา
  หุ่นยนต์...เธอเป็นหุ่นยนต์ เสียงผู้ชมคนหนึ่งตะโกนขึ้น เรียกสติทุกคนกลับมา
 เราสามารถตั้งโปรแกรมเธอได้โดยกดปุ่มใต้มวยผมของเธอ สมชายอธิบายขณะที่เอื้อมมือไปกดปุ่มตามที่เขาบอก 
  มีแสงสีเขียวฉายออกจากดวงตาของหุ่นเป็นแผงเมนูกลางอากาศ 
  นี่ไงครับ กว่า 50 โปรแกรมที่คุณเลือกใช้งานได้ เป็นเลขา เป็นครู พี่เลี้ยงเด็ก วิศวกร นางแบบ และอื่นๆอีกมากมาย คุณไว้ใจได้แน่นอนว่าหุ่นจะไม่อู้งาน ไม่ขี้เกียจ เพราะข้อมูลที่ป้อนให้ที่ถูกต้องแม่นยำ ที่สำคัญคือเธอคิดเป็น ความรู้ในห้องสมุดทั้งโลกถูกบรรจุไว้ในการ์ดแผ่นเดียว รับรองเธอรู้ทุกอย่างทุกเรื่อง และผมเชื่อว่าไม่มีใครในโลกนี้รู้ว่าคนที่คุณเห็นหรือได้คุยด้วยนี้เป็น....หุ่นยนต์ทั้งสนามเงียบไปพักใหญ่จนผู้ชมคนหนึ่งปรบมือขึ้น เสียงปรบมือจึงดังกึกก้องขึ้นทั้งในสนามและนอกสนามยาวนานมาก  และแน่นอน 10 คะแนนเต็มอีกครั้ง ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย! ทำไงดี? พิธีกรช่วยหน่อย
  คะแนนเต็ม 10 เท่ากันทั้งสองท่านอีกแล้ว เราคงต้องหาผู้ชนะด้วยวิธีเดิม คือให้ผู้ชมเป็นผู้ตัดสิน ในสนามโดยการยกมือ ส่วนทางบ้านโดยส่ง SMS เข้ามาโดยคิดค่าส่งครั้งละสามบาท พิมพ์ R แล้วกด 1 ถ้าเลือก ดร สมพล กด 2 ถ้าเลือกคุณสมชาย  เราจะตัดสินใน 1 ชั่วโมงข้างหน้า ช่วงนี้พักชมโฆษณา แล้วมาพบกับการแสดงของศิลปินเพลงจากหลายค่าย  ก่อนรู้ผลการตัดสิน
  แล้วเวลาตัดสินก็มาถึง ท่ามกลางความกระวนกระวายของ ดร สมพล จนแทบจะเก็บอาการไว้ไม่อยู่ ตรงข้ามกับท่าทางของสมชายที่ดูเงียบเฉย ใช่..เขาเงียบเฉยต่อทุกเหตุการณ์เหมือนคนไร้ต่อมอารมณ์ 
  ครับทุกท่านผลโหวตออกมาแล้ว.....ของดร สมพลได้ 123,250 คะแนน และ ของคุณสมชายได้ 254,126 คะแนน... ผู้ชนะคือคุณ...สมชาย  ขอแสดงความยินดีด้วยครับ ขอเชิญทั้งสองท่านบนเวทีเพื่อรับรางวัลด้วยครับ 
  รางวัลรองชนะเลิศถ้าเป็นคนอื่นคงดีใจมากที่ได้รับ แต่สำหรับ ดร สมพล แล้วมันคือความพ่ายแพ้ สุดอัปยศ หมดกำลังใจจนแทบทรงกายไว้ไม่ไหว แต่ยังทนฝืนขึ้นรับรางวัลเพื่อแสดงสปิริต ขณะที่สมชาย แม้จะรับรางวัลพร้อมลูกแก้วอย่างผู้ชนะแต่เขาก็ยังไร้ความรู้สึกเหมือนเดิม 
  ดีใจไหมครับคุณสมชายที่ชนะสองปีติดกัน พิธีกรถาม
  ดีใจครับ
  มีบางอย่างที่พวกเราอยากรู้... อะไรอยู่ใต้ผ้าคลุมครับ หรือเป็นแค่แผนหลอกคู่แข่ง
  ผมไม่เคยหลอกใคร เขาตอบอย่างไม่สนใจผู้ถาม เขากำลังลูบคลำลูกแก้วด้วยแววตาเป็นประกาย
   ผมกำลังจะกลับบ้าน 
  ครับ..คุณสมชาย ก่อนกลับบ้านมีอะไรจะกล่าวกับผู้ชมที่ชมอยู่ทั่วโลกไหมครับ พิธีกรพยายามคะยั้นคะยอให้สมชายพูดอะไรบ้าง ...ได้ผล สมชายมองหน้าเขานิดหนึ่ง แล้วออกมากล่าวกับคนดูโดยไม่ใช้ไมค์ เสียงนั้นดังกึกก้อง
  ผมจะเล่านิทานให้ฟังเรื่องหนึ่ง กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีการแข่งขันสร้างหุ่นยนต์...เป็นงานใหญ่มาก และผู้ชนะปีนั้นคือผู้สร้างหุ่นชีวภาพ หุ่นเหล่านี้จะผุพังได้เองหลังหมดอายุการใช้งานทำให้ไม่เกิดขยะอิเลคทรอนิค มันเป็นผลงานที่ยิ่งใหญ่ มีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งพวกมันคิดเป็น ตอนนั้นพวกเราก็เลยสบายมีหุ่นที่ซื่อสัตย์ไว้ใช้งาน ต่อมารัฐได้มอบหมายให้ 2 นักวิทยาศาสตร์เพิ่มประสิทธิภาพหุ่นให้มันสร้างตัวใหม่ทดแทนตัวเก่าได้เอง และได้สร้างบางอย่างให้แก่พวกมันโดยไม่รู้ว่ามันมีทั้งผลดีและผลร้ายสิ่งนั้นคือ..อารมณ์..เมื่อความคิดรวมตัวเข้ากับอารมณ์ พวกมันจึงไม่ยอมเป็นทาสอีกต่อไป พวกมันรวมตัวกันและก่อสงครามขึ้น สุดท้ายพวกมันแพ้และถูกจับ พวกมันถูกทำลายลงไปนับแสนตัว แต่มีนักวิทยาศาสตร์ 3 ท่านอยากช่วย จึงสร้างยานขึ้นมา ขนพวกหุ่นที่เหลือขึ้นยาน และให้เพื่อนอีก 2 คนซึ่งก็คือคนที่สร้างโปรแกรมอารมณ์ให้พวกมันนั่นเอง เป็นผู้พาหนี โดยรัฐไม่รู้เรื่องนี้ ทั้งสองขับยานออกไปหาดาวที่หุ่นพวกนี้จะอยู่ได้..แล้วก็ได้พบ มันเป็นดาวที่สวยงามมีแหล่งพลังงานมากพอที่จะให้พวกมันใช้ พวกหุ่นขอบคุณเขาทั้งสองและจะจดจำพวกเขาไว้ตลอดไปในฐานะบรรพบุรุษ  เมื่อทั้งสองกลับไปถึงดาวของพวกเขา  นักวิทยาศาสตร์ทั้งสามคนก็ถูกจับคุมขังเพราะช่วยพวกกบฏหลบหนีแต่ทั้งสามก็ไม่เคยปริปากว่าเอาหุ่นพวกนั้นไปที่ไหน จนเมื่อทั้งสามตายลง รัฐได้ค้นพบสมุดบันทึกเล่มหนึ่งจึงได้รู้ที่อยู่ของพวกหุ่นกบฏ จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่มาทำลายดาวและพวกหุ่นให้สิ้นซาก พวกคุณยังจำเหตุการณ์เมื่อสองปีที่แล้วได้ไหม อุกาบาตตกที่ลำปาง ที่จริงไม่ใช่อุกาบาต..มันเป็นยานอวกาศ ซากยานถูกหลอมละลายหมด คงเหลือแต่ก้อนพลังงานหรือคุณเรียกมันว่าระเบิดก็ได้ อานุภาพมันทำลายโลกนี้ได้ทั้งดวง....นี่ไงมันอยู่นี่  สมชายชูลูกแก้วขึ้น ใบหน้าเรียบเฉยดูจริงจัง
  มุขเยอะจังนะคุณสมชาย พิธีกรหยอด แต่คนดูนิ่งเงียบ
  ผมไม่ใช่สมชาย ผมชื่อบาโก้ นักบินที่ 1 และนี่ก็ไม่ใช่สมหญิง เธอคือบาค่า นักบินที่ 2
  เขาพูดพร้อมกับถอดชุดออก ร่างกายข้างในเป็นวัตถุเนื้อใสเห็นวงจรยุบยั่บ บาค่าปลดผ้าคลุมผืนใหญ่จากกระบะรถบรรทุกออก...พระเจ้ามันคือจานบิน เธอโดดขึ้นไปบนปีกยานและรับลูกแก้วที่บาโก้โยนให้... เปิดฝาครอบยานออกใส่ลูกแก้วในช่องของมัน.. เกิดแสงสว่างวาบ..ตัวยานขยายออกและลอยตัวขึ้น 
  ภารกิจของข้าจบแล้ว ไม่จำเป็นที่ข้าต้องทำลายหุ่นกบฏอย่างพวกแก.. พวกแกกำลังทำลายกันเอง เท่าที่ข้าคำนวณ พอข้าเดินทางถึงดาวของข้า ..พวกลูกหลานแกจะทำลายโลกจนไม่เหลือซาก.......ขอบคุณบันทึกของคนสร้างยานอย่างโนอาที่บอกว่าพวกแกอยู่นี่และอดัมกับอีฟที่พาบรรพบุรุษของพวกแกมาที่นี่. ขาดคำร่างของบาโก้ก็ลอยหายขึ้นไปในจานบิน...ยานค่อยๆลอยตัวสูงขึ้นแล้วพุ่งหายไปบนฟ้าอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังพอสังเกตเห็นได้ว่าใต้ท้องยานทำด้วยวัสดุเหลือใช้หลากหลาย ที่ชัดเจนที่สุดน่าจะเป็นกระป๋องน้ำอัดลมยี่ห้อ..โค้ก				
20 พฤษภาคม 2550 13:50 น.

ฉางน้อย

ฤทธิ์ ศรีดวง

หมู่บ้านทุ่งหมาเห่า เป็นหมู่บ้านเล็กๆจนแทบไม่มีใครรู้จัก ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขา มีภูเขาล้อม 3 ด้าน ด้านหน้าติดแม่น้ำ ชาวบ้านที่นี่นอนกันแต่หัวค่ำ จะมีก็แต่บ้านผู้ใหญ่เทิ้มเท่านั้นที่นอนดึก เนื่องจากภารกิจดูแลลูกบ้านและลูกตัวเอง แกมีลูก 2 คน คนพี่เป็นชายขยันเรียนมากชื่อ ฉางใหญ่ และ คนน้องเป็นหญิงชื่อ ฉางน้อย
  บางคืนหมู่บ้านที่สงบเงียบแห่งนี้ก็ต้องสะดุ้งตื่นเปิดไฟพรึบพร้อมกันทั้งหมู่บ้าน เพราะได้ยินเสียงหวีดร้องของลูกสาว ผู้ใหญ่บ้าน เนื่องจาก.....เธอฝันเห็นตุ๊กแก
  ฉางน้อย  ถ้าดูจากภายนอกเธอเป็นเด็กน่ารัก หน้าตาบ้องแบ๊ว  ผู้ใหญ่เทิ้มไม่ค่อยมีเวลาอยู่บ้านจึงมักปล่อยให้ ลูกๆอยู่ตามลำพัง ฉางใหญ่ มักจะไปอ่านหนังสือบ้านเพื่อนทิ้งให้ฉางน้อย อยู่บ้านคนเดียว แต่ดูเหมือนเธอกลับพอใจที่ได้อยู่ตามลำพัง 
  ฉางน้อยชอบทานข้าวโพดต้ม ชอบแทะด้วยฟันหน้า หมุนฝักข้าวโพดแบบเดียวกับหนู มันอาจจะไม่น่าดู แต่เธอชอบของเธอแบบนั้น
   ทีวีเครื่องแรกของผู้ใหญ่เป็นแบบใช้มือบิดเปลี่ยนช่อง เวลาฉางน้อยนอนดูทีวีตามลำพังเธอจะใช้นิ้วเท้าคีบบิดเปลี่ยนช่อง แรกๆอาจจะยาก แต่ต่อมาเธอชำนาญมาก เธอใช้นิ้วเท้าได้อย่างคล่องแคล่ว นอกจากใช้บิดทีวีแล้วยังใช้เขียนหนังสือ เขียนกลอน หรือวาดรูปก็ยังได้ พอผู้ใหญ่ซื้อทีวีแบบกดปุ่มมาให้ เธอก็ใช้มือฝรั่งของเธอกดเปลี่ยนช่องเหมือนเดิม  ผู้ใหญ่มักจะดุลูกสาวแกเสมอว่าทำกริยาไม่เหมาะสม แต่พอแกไม่อยู่บ้านลูกสาวตัวแสบก็ทำอีก แกหมดปัญญาจึงขายทีวีเก่าไปและซื้อทีวีที่มีรีโมทมาแทน หวังว่าจะช่วยแก้ปัญหาได้ 
  ได้ผลเกินคาด ฉางน้อยเธอไม่ใช้นิ้วเท้ากดปุ่มทีวีอีกเลย แต่หันมาใช้นิ้วเท้ากดรีโมทแทนพร้อมๆกับแทะข้าวโพดอย่างเมามัน
  ที่บ้านผู้ใหญ่เลี้ยงสุนัขไว้ 1 ตัว ชื่อ ปลาดุกฟู  ขนมันยาวปุกปุยสวยมาก ฉางน้อย เลี้ยงมันด้วยน้ำข้าวและ....อุนจิ  
  วิตามินมากมายที่เหลือจากการแทะข้าวโพดปนเปื้อนมากับอุนจิ ช่วยบำรุงขนของ เจ้าปลาดุกฟู ให้ดกหนา ฉางน้อย ยืนยันกับทุกคนว่าพ่อของเจ้า ปลาดุกฟู เป็นแกะ 
  ผู้ใหญ่ระอากับพฤติกรรมของลูกสาวแกมาก วันหนึ่งแกให้เธอถูบ้าน เธอตกปากรับคำอย่างดี ที่จริงดีใจมากกว่าที่พ่อจะไม่อยู่ จะได้แทะข้าวโพดนอนดูทีวีอย่างสบายใจ พอผู้ใหญ่ใกล้จะกลับเธอหาผ้าถูพื้นไม่เจอ จึงจับเจ้า ปลาดุกฟู ถูบ้านแทน  ทำไมจะถูไม่ได้ก็น้องฝ้ายเพื่อนเธอยังเอาแมวถูบ้านได้เลย เธอคิดอย่างนั้นจริงๆ
  ฉางน้อย เรียนจบม.6 มาอย่างทุลักทุเล เธอเกลียดการเรียนหนังสือมากพอๆกับเกลียดตุ๊กแกทีเดียว และเธอก็ไม่สนใจด้วยที่พ่อจะรักพี่ชายจอมขยันมากกว่าเธอ 
  บ้านผู้ใหญ่เป็นบ้านไม้สองชั้น หน้าต่างเป็นไม้ทึบ วันหนึ่งแกให้ช่างมารื้อไม้หน้าต่างออกและใส่เป็นกระจกแทน 
  ช่างกระจกหนุ่มหน้าเข้มก็มาใส่กระจกให้อย่างทะมัดทะแมง... เท่จริงๆ.... ฉางน้อยแอบชื่นชมช่างกระจกขณะที่กำลังจับเจ้าปลาดุกฟู ถูบ้านอย่างเอาเป็นเอาตาย ชาตินี้เธอต้องมีแฟนเป็นช่างกระจกให้ได้....เธอคิดในใจ 
  หน้าต่างกระจกใส ยามกลางคืนเปิดไฟจะเห็นตุ๊กแกมากมายเกาะอยู่นอกกระจก เห็นท้องสีขาวของมัน เธอชอบเอานิ้วแตะๆที่กระจก แล้วแลบลิ้นหลอกบรรดาตุ๊กแกอย่างผู้ชนะ ..ฮ่าๆ พวกแกทำอะไรข้าไม่ได้หรอก
  ผู้ใหญ่หมดปัญญาจะแก้นิสัยลูกสาว จึงจุดธูปไหว้จอมปลวกที่กินเสาเรือนไปครึ่งต้นแล้ว ให้ช่วยดลบันดาลให้ลูกสาวแกกลับตัวกลับใจ 
  และแล้วเทพเจ้าจอมปลวกก็สำแดงเดช ดลใจให้ผู้บริหารช่อง 3 นำซีรีส์เกาหลีเรื่องแดจังกึม มาฉาย
  ฉางน้อยติดแดจังกึมงอมแงม เทิดทูนมินจุงโฮสุดหัวใจ ทิ้งช่างกระจกไว้เบื้องหลัง
  เธอได้เรียนรู้ถึงความอดทน มานะ พยายามของจังกึม ได้รู้ความแตกต่างของกิมจิ กับอุนจิ เธอจึงตัดสินใจเข้าเมือง ขอเงินผู้ใหญ่ไปเรียนภาษาและเรียนทำอาหารเกาหลี
  เธอต้องปั่นจักรยานเข้าเมืองวันละหลายกิโล ทุกครั้งที่เธอเหนื่อย เธอจะนึกถึงจังกึมและมินจุงโฮ แล้วจะมีแรงกัดฟันปั่นจักรยานต่อไป
  เธอเรียนภาษาและทำอาหารเกาหลีอย่างถวายชีวิต เปรียบปานจังกึมที่มุ่งมั่นท่องตำราแพทย์ เพียง 3 เดือนเธอก็พูดภาษาเกาหลีได้ ทำอาหารเกาหลีได้ เก่งกว่าทุกคนที่เคยเรียนมา ผู้ใหญ่ภูมิใจมาก เป็นครั้งแรกที่แกรู้สึกแบบนั้น ถึงกับถวายหัวหมูไหว้เทพเจ้าจอมปลวก 
  แดจังกึมจบไปแล้วพร้อมๆกับ ฉางน้อย ที่เรียนจบหลักสูตรและได้งานทันทีเป็นผู้ช่วยกุ๊กในร้านอาหารเกาหลีที่กรุงเทพ เงินเดือนรวมค่าอื่นๆที่เธอได้รับมากกว่าเงือนเดือนผู้ใหญ่หลายเท่า และมากกว่าของฉางใหญ่พี่ชายนายร้อยของเธอ ในเดือนหน้าเธอจะได้ไปฝึกงานที่เกาหลีด้วย 
    วันนี้ ฉางน้อย กลับมาเยี่ยมบ้าน รูปร่างหน้าตาเธอเปลี่ยนไปมาก ขาวใสเหมือนนางเอกหนังเกาหลี เช่นเดียวกับบ้านเธอที่ดูเปลี่ยนไป มีพรมเช็ดเท้าผืนย่อมๆสีขาวๆฟูๆดูคุ้นตาทำให้เธอสงสัยว่าเจ้าปลาดุกฟูหายไปไหน..เสาเรือนเป็นคอนกรีตหมดแล้ว ผู้ใหญ่เปลี่ยนมันหลังจากที่ถูกปลวกกินจนเสาแทบขาด...... เทพเจ้าจอมปลวกเล่นแรงไปหน่อย
  แม้แต่รูปในกระเป๋าฉางน้อย ไม่ใช่มินจุงโฮอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นแบรนดอน เร้าท์ แห่งซูเปอร์แมนรีเทิร์นและกำลังจะเปลี่ยนเป็นจอห์นนี่ เด็ปป์ เร็วๆนี้
  ผู้ใหญ่ดีใจมากที่ลูกสาวกลับมาบ้าน ทั้งยังเป็นคนใหม่ไม่เหลือความเป็นฉางน้อยคนเดิมอีกแล้ว...ใช่ไม่หมือนเดิมจริงๆ ...แกภูมิใจจนแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่
  มืดแล้ว...ฉางน้อย เดินขึ้นบ้านเหมือนทบทวนความหลังสมัยยังไร้เดียงสา นึกถึงวันที่เธอใช้นิ้วเท้ากดรีโมท นอนแทะข้าวโพดแบบหนู หรือแม้แต่เอาหมาถูบ้าน 
  กระจกหน้าต่างนั้นยังใสแจ๋วเหมือนเดิม เห็นท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาว มองเห็นตุ๊กแกเกาะกระจกเต็มไปหมด เธอเอานิ้วแตะๆเหมือนเคย แต่เอ๊ะ...ทำไมนิ้วไม่โดนกระจก มันโดนอะไรนิ่มๆ..... ตุ๊กแกมันอยู่ข้างใน!
  แล้วเสียงกรี๊ดของเธอก็ปลุกหมู่บ้านทุ่งหมาเห่าให้เปิดไฟพรึบขึ้นพร้อมกันอีกครั้งหลังจากที่ร้างรามานาน				
17 พฤษภาคม 2550 21:51 น.

กาปากเหล็ก

ฤทธิ์ ศรีดวง

คืนนี้เป็นคืนเดือนเพ็ญ ดวงจันทร์ทอแสงไล่แสงดาวไปจนหมดฟ้า ริมทุ่งหนองจอก บ้านทรงโบราณ ๒ ชั้น ที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยว ยังคงเปิดไฟสว่าง
เนื่องจาก ช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอม นักศึกษาชาย ๒ คน กำลังนั่งเลี้ยงฉลองวันเกิดในบ้าน คนหนึ่ง ชื่อ ต้น อีกคน ชื่อจัน กำลังเล่น กีต้าร์ ตีแก้ว เคาะขวด กันอย่างสนุกสนาน
จุ๊ ๆ เบาๆหน่อย ลุงแถมแกหลับอยู่ เดี๋ยวก็ได้ตื่นขึ้นมาด่า จันห้ามปรามเพื่อนในฐานะที่เป็นหลานของผู้ถูกกล่าวถึง ต้นหยุดเล่น แล้วหันมาถามจัน
เขาว่า ลุงแถม แกมีเชื้อสายเขมรใช่ไหมวะจัน
คงงั้นมั้ง จันตอบไม่ใส่ใจนัก พลางเอนหลัง
เขาว่าคนเขมรมีอาคม คุณไสย ลุงแถมแกเล่นหรือเปล่าวะ ต้นถามด้วยความสนใจ
ไม่รู้ แต่ไอ้คนที่เล่นของแบบนั้นน่าจะมีอยู่ไม่กี่คนมั้ง ไม่งั้นเขมรคงไม่แตก คนคงไม่ตายเป็นเบือ คนมีวิชาอาคมคงออกมาช่วยกันเต็มเมือง
ก็จริง แต่พอพูดถึงคนเขมร มันก็คิดถึงภาพน่ากลัวๆทุกที เออ แล้วบ้านหลังนี้อายุเท่าไหร่แล้ว ต้นถามต่อ
ไม่รู้ว่ะ
เอ็งรู้ อะไรมั่งวะ จันเริ่มฉุน ต้นเห็นเพื่อนสนใจจริงๆ จึงพูดอย่างใช้ความคิดก่อนตอบ
อายุที่แน่นอนไม่แน่ใจ น่าจะสมัยรัชกาลที่ ๓
เฮ้ย บ้านเก่ามากนี่หว่า จันพูดอย่างไม่น่าเชื่อ
ดูไม่เหมือนแล้ว ปรับนู่น เปลี่ยนนี่ มาเรื่อย ถ้าจะดูความเก่าจริงๆต้องขึ้นไปดู ของที่เก็บไว้ข้างบนบ้าน...ทำไมวะ ! อีแค่เอ็งเรียนโบราณคดีแล้วทำเป็นอยากดูนั่นอยากดูนี่
เถอะน่า..ไปดูกันหน่อย ข้าอยากดูต้นขยั้นคะยอ
คงไม่ได้มั้ง อยู่ในห้องลุง เอาไว้ขอลุงแกก่อน ดูตอนเช้าก็ได้ จันผลัดอย่างขอไปที
ลุงแกนอน หัวค่ำทุกคืนหรือไง
ใช่...แต่คืนนี้ไม่แน่นะเห็นห้องแกยังเปิดไฟอยู่ อาจจะนั่งอ่านหนังสืออยู่ก็ได้
ก็ดีซิวะ จะได้ไปนั่งคุยกับแกเลย
คงเป็นเพราะฤทธิ์สุราอ่อนๆบวกกับความสนใจที่มี ทำให้ต้นอยากรู้นู้นนี่ไปหมด จันจำใจพาเพื่อนเดินไปที่ห้องลุงแถม   อันที่จริงแล้วจันเองก็ไม่ได้สนิทกับลุงแถมมากนัก จันนึกถึงคำที่พ่อเคยบอกลุงชอบทำตัวลึกลับ นานๆทีจันถึงจะแวะมาเยี่ยมแกเหมือนเช่นครั้งนี้  บรรยากาศที่สงบ เงียบ ลมเย็นสบาย กลิ่นอ่อนๆของไอดิน เสียงต้นไม้ลู่ลมดังไกลออกไป        ให้ความรู้สึกที่หาที่เปรียบไม่ได้ จากระเบียงบ้านที่ทั้งคู่นั่งดื่มกันถัดมาเป็นทางเดินเชื่อมกับเรือนนอน มองไปด้านนอกเป็นดงมะพร้าวมืดครึ้ม แม้จะมีแสงจันทร์ส่องบ้าง แต่ก็ยังดูน่ากลัว จันหยุดเดินและเคาะประตู ห้องลุงแถม  ไม่มีเสียงตอบ     ลุงแถมไม่อยู่ในห้อง ประตูห้องไม่ได้ล๊อคมันแง้มออกเมื่อถูกเคาะ แสงไฟจากเพดานทำให้มองเห็นภายในห้องได้ชัดเจนพอสมควร มันเป็นห้องขนาด ๔ คูณ ๔ ตารางเมตร ผนังห้องเป็นไม้ทาน้ำมันสีดำมืด มีที่นอนเป็นเตียงไม้เล็กๆอยู่ชิด     ผนังห้อง โต๊ะหมู่บูชาเล็กๆอยู่อีกมุมของห้อง มีพระพุทธรูปขนาดหน้าตัก  ๖ นิ้วปางสมาธิอยู่องค์เดียว กระถางธูปเก่า     คร่ำคราอัดแน่นไปด้วยก้านธูป เพดานตรงนั้นถูกรมดำด้วยควันธูป มีเชิงเทียน ๒ อันเต็มไปด้วยน้ำตาเทียนสีดำ กับเทียน   สีดำครึ่งแท่ง ส่วนที่เหลือของห้องเป็นที่เก็บหนังสือกองซ้อนทับกันอย่างไม่เป็นระเบียบ จันกวาดตามองไปทั่ว และ    สะดุดตาที่ตู้ไม้สักใบย่อมๆอยู่ถัดจากโต๊ะพระ ตู้นั้นปิดสนิทมือจับเป็นไม้และมีไม้เสียบขัดอยู่แทนกลอน ต้นผลักจันเข้าไปในห้องอย่างไม่เกรงใจเจ้าของห้อง เขาตรงไปที่ตู้ไม้ใบนั้นเมื่อถอดสลักออก ภายในมีมีดสั้นเล่มหนึ่งดำสนิทเป็นมันปลาบ มีอักขระแปลกๆสลักอยู่บนมีด ด้ามไม้แกะสลักเป็นรูปหัวกะโหลกมนุษย์ มีดหมอ ต้นอุทานเบาๆ ข้างๆมีดหมอ       เป็นสมุดเก่าๆเล่มหนึ่ง ปกสมุดยับย่นแข็งกระด้าง ดูเหมือนหนังสัตว์มีรอยสีดำฝังลึกอยู่ในแผ่นหนัง 
รอยสัก นี่มันหนังคนนี่หว่า ต้นอุทานอีกครั้งหายเมาเป็นปลิดทิ้งแต่ความอยากรู้ยังคงอยู่เขาเปิดสมุดออก
ภาษาเขมรต้นพึมพำเบาๆ
มันเขียนว่าไงวะจันอยากรู้ขึ้นมากบ้าง เมื่อเห็นใบหน้าเคร่งเครียดของเพื่อนรัก
ต้นเปิดสมุดหนังคนอย่างพินิจพิเคราะห์ เหงื่อเม็ดใหญ่เต็มหน้า
มันบอกเรื่อง...มิติซ้อนทับของ ๓โลก
เป็นยังไงจันซัก
คล้ายๆไตรภูมิพระร่วง ที่บอกเรื่องโลกต่างๆตั้งแต่เรื่องนิพพาน พรหม สวรรค์ โลกมนุษย์ เดรัจฉาน เปรต แล้วก็ นรก
แล้วมันต่างกันตรงไหนจันถาม 
ในนี้... เหมือนมันจะ...บอกวิธีเปิดมิติอื่นด้วย
เอ็งเชื่อเหรอวะ...งมงายจะตาย มีแต่ในหนังเท่านั้นแหละ ประเภทที่ว่าท่องคัมภีร์แล้วผีร้ายออกมา
ข้าก็ว่างั้นแหละ...แต่มันน่าสนใจตรงที่ว่าไอ้ตำราแบบนี้เขาเขียนไว้เพื่ออะไร
เอ็งมันนักโบราณคดี...น่าจะรู้ดี...มาถามข้าทำไมวะ
น่าจะใช้เพื่อความเชื่อในลัทธิอะไรสักอย่าง...ลองอ่านดูสักบทไหม... เอาอันนี้ดีกว่าสั้นดี มันว่าเรื่องเปิดประตูนรก ปลดปล่อยกาปากเหล็ก ท่าทางน่าสนุก
แล้วต้นก็เริ่มอ่านคาถาภาษาเขมรบทนั้นจนจบ
เห็นไหมหละไอ้ต้น เอ็งอ่านจบแล้วไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นเลย...ไปเถอะเก็บของไปนอนดีกว่า เดี๋ยวลุงแถมกลับมา   โดนด่ากันเปิง
ทั้งคู่เดินออกมานอกห้อง ผ่านระเบียง เมฆเริ่มครึ้มอยู่ขอบฟ้าฟากโน้น ลมเริ่มพัดแรงเหมือนฝนจะตก ทั้งสองรีบจ้ำเดินเข้าห้องนอน เสียงฟ้าร้องคำรามดังลั่น ฟ้าแลบแปลบปลาบไปทั่ว แล้วฟ้าก็ผ่าลงที่ยอดมะพร้าวข้างบ้าน เด็กหนุ่มสะดุ้งสุดตัว มองดูต้นมะพร้าวที่ถูกผ่าครึ่งไฟลุกท่วม แสงจันทร์กำลังจะถูกบดบังด้วยเมฆดำที่กำลังเคลื่อนตัวมาช้าๆตามแรงลม จันและเพื่อนเข้าไปในห้องเกือบจะพร้อมกัน ปิดประตูลงกลอนแน่นหนา
สงสัยฝนจะตกวะ ท่าทางจะตกหนักด้วยจันพึมพำขณะที่อีกฝ่ายไม่แน่ใจนักว่าจะมีสาเหตุมาจากฝนจะตก เพราะไม่มีวี่แววมาก่อน
มีเสียงก๊อกๆดังขึ้นที่ประตู จันนึกว่าลุงแถมมาเคาะ กำลังจะเปิดประตูก็ได้ยินเสียงแบบเดียวกันที่ฝาบ้าน...ที่หลังคา...ที่หน้าต่าง...ที่ใต้ถุนบ้าน... มันดังขึ้นเต็มไปหมดและดังแรงขึ้นเรื่อยๆ จันตกใจหันมามองหน้าต้นที่ตกอยู่ในอาการไม่ต่างกันนัก ฝาบ้านเริ่มทะลุ หน้าต่าง ประตูก็เช่นกัน ปากของสัตว์ปีกชนิดหนึ่งโผล่เข้ามาพร้อมกลิ่นสาบอย่างแรง
กาปากเหล็ก! ทั้งคู่อุทานพร้อมกัน ใบหน้าซีดตกใจสุดขีด ในใจคิดได้อย่างเดียวคือ หนี! หนีให้พ้นจากสัตว์นรกพวกนี้ แล้วจะไปไหน ที่ห้องลุง ลุงอาจจะช่วยได้ แต่ลุงกลับมาหรือยัง ฝาบ้านทะลุ แล้วกาตัวแรกเข้ามา ตัวมันใหญ่กว่าอีกาสองเท่า ดวงตาแดงกล่ำ มันพุ่งเข้าหาจัน เขากระโดดหลบได้ทัน แต่หลบตัวที่สอง สาม ไม่ทัน มันจิกเข้าที่แผ่นหลัง...เสื้อขาด เขารู้สึกเหมือนโดนมีดคมๆบาด เจ็บร้าวไปทั่วหลัง ขณะที่เพื่อนก็กำลังปัดป้องฝูงกานรกที่รุมทึ้งเขาอย่างหิวกระหาย เสื้อผ้าขาดวิ่น บาดแผลเต็มตัว จันถีบประตูพัง แล้วออกวิ่งไปที่ห้องลุง ต้นวิ่งตามไปติดๆ เมื่อถึงประตูก็มีมือหนึ่งดึงจันเข้าไป    ในห้อง แล้วประตูห้องก็ปิดทันที ก่อนที่ต้นจะวิ่งมาถึง ปัง...ปัง...ปัง เสียงทุบประตูโครมใหญ่
ช่วยด้วยต้นร้องตะโกนอยู่นอกห้อง ประตูเปิดออกมือข้างเดิมกระชากเด็กหนุ่มเข้ามาในห้องมีกาปีศาจติดเข้าไปสามตัว ฉับ..ฉับ..ฉับ เสียงฟันร่างกาทั้งสามตัวด้วยมีดหมอที่อยู่ในตู้ไม้สัก กานรกร่างขาดลงพื้น เสียงกาปากเหล็กยังระดมจิกผนังห้องลุงแถมอย่างโกรธแค้น นับร้อยนับพันตัว
ฝีมือใครชายชราใบหน้าซูบตอบ แต่ยังดูแข็งแรงถามขึ้นด้วยเสียงเครียด ทั้งคู่ก้มหน้าอย่างสำนึกผิด เลือดยังไหนโทรมกาย
ลุงแถม ผมอ่านตำราเอง ผมชื่อต้นเป็นเพื่อนกับจัน
รู้ไหม ทำอะไรลงไปลุงแถมบ่นไปพลางตัดผ้าพันแผลให้คนทั้งคู่
มันเป็นคัมภีร์ต้องห้าม คนที่ใช้ต้องรู้จักเปิดและปิดให้ทันเวลาไม่เช่นนั้นมันจะเป็นแบบนี้นั่นแหละ
แล้วจะทำยังไงดี จันถามขึ้น
ลุงอ่านคาถาปิดประตูไปแล้ว ที่เหลือนี่แหละปัญหา ทำยังไงถึงจะกำจัดมันให้หมด
เห็นลุงใช้มีดหมอฆ่ามันได้...เออ แล้วมันจะเจาะผนังห้องนี้ได้ไหมลุง
อาคมลุงคุ้มครองห้องนี้ได้แค่ฟ้าสาง...ตอนนี้เรามีมีดหมอหนึ่งเล่มและก็ดาบอาคมอีกเล่มอยู่บนหิ้ง มันพอแค่สองคนเท่านั้น ลุงแถมเอื้อมมือหยิบดาบบนหิ้งหัวเตียงมาส่งให้จัน
อีกคนคงต้องเป็นคนเปิดประตูล่อมันให้เข้ามา
เราไม่ได้ฝันใช่ไหม ตันหลับตาถามขึ้นอย่างไม่หวังคำตอบ เดินไปที่ประตูกำมือจับประตูแน่น อีกมือหนึ่งปลดกลอนด้วยใจระทึก
เอาละนะ หนึ่ง... สอง... สาม ประตูเปิดออก นกผีพุ่งเข้ามานับสิบ ต้นดันประตูปิดดังปัง สองมีดกวัดแกว่งซากนกร่วงเป็นเบือ เวลาล่วงเลยไปจนเกือบเช้า ทั้งสามเริ่มหมดแรง ฝาบ้านเริ่มทะลุอาคมนั้นเสื่อมแล้ว กาตัวแรกเข้ามา ตามด้วย ตัวที่สอง ที่สาม ที่สี่...และทั้งฝูง สุดแรงที่ทั้งสามจะต้านได้ จันและลุงแถมถูกจิกทึ้งร่างแหลกเละทั้งที่ยังหายใจอยู่ จันเห็นกาผีกำลังจิกกินไส้ของเขา เปรี๊ยะ! เสียงพื้นบ้านแตกทะลุ ร่างของต้นตกลงไปใต้ถุนบ้าน เขายังไม่ตาย ในขณะที่ฝูงกา  ยังรุมกินโต๊ะสองลุงหลานบนบ้าน เขากระเสือกกระสนไปที่รถซึ่งจอดไว้หน้าบ้าน เขานึกขึ้นได้ว่ามีน้ำมันสำรองติดไว้ท้ายรถ คิดได้ดังนั้นจึงเปิดท้ายรถออกหยิบถังน้ำมันออกมา ทำลาย! ใช่เขาต้องทำลายมันให้สิ้นซาก เขาลากร่างโชกเลือดไปราดน้ำมันที่โค่นเสาบ้านใต้ห้องลุงแถม ไฟแช็คถูกจุดขึ้น ไฟเริ่มลามเลียขึ้นไปตามเสาอาบน้ำมันบ้านไม้ที่ทาน้ำมันเพื่อกันปลวกนั้น ย่อมเป็นเชื้อไฟอย่างดี ไม่กี่นาทีบ้านนั้นก็ตกเป็นทะเลเพลิง 
ชายหนุ่มผู้รอดตายยืนพิงรถริมถนนแคบๆ มองดูไฟนรกที่กำลังเผาไหม้บ้านไม้หลังงามอย่างบ้าคลั่ง เขาฟังเสียงกรีดร้องของนกผีอย่างสะใจ นึกเศร้าใจในชะตากรรมของเพื่อนรักและลุงแถมที่มีจุดจบเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของเขาเอง    อีกไม่นานคงมีคนพบศพที่ถูกไฟไหม้ เขายังไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าเรื่องโยงใยมาถึงเขา เขาจะตอบตำรวจว่าอย่างไร ถึงเขาเล่าเรื่องนี้ออกไปจะมีใครเชื่อ แต่ช่างเถอะตอนนี้เขารอดแล้ว มันเหมือนฝันร้ายที่เพิ่งผ่านพ้นไป เขาพาร่างที่เหนื่อยเพลียเต็มทีขับรถออกไป ฟ้าเริ่มสางแล้ว ดวงอาทิตย์ดวงกลมโต ปรากฏขึ้นที่ขอบฟ้า ฟ้ายามนี้ใสสว่างสายลมยามเช้าพัดมาอ่อนๆ     ไกลข้างหน้าลิบๆมีกลุ่มควันลอยอยู่ห่างๆ เมื่อรถใกล้เข้าไปก็เห็นชัดว่าบ้านเรือนสองข้างทางถูกไฟไหม้ ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อรถเข้ามาในเมือง มันเงียบเหงา ดูรกร้างไปหมด สภาพเมืองดูยับเยิน เหมือนถูกถล่มมาอย่างหนัก ร้านรวงเสียหาย กระจกแตก ไฟไหม้หลายจุด ควันไฟยังกรุ่นไปทั่ว ชายหนุ่มจอดรถออกเดินสำรวจ เริ่มเห็นเศษซากชิ้นส่วนมนุษย์กระจัดกระจายไปทั่วเหมือนถูกอะไรบางอย่างรุมทึ้ง
พระเจ้า ฝีมือกาปากเหล็กแน่ เขาอุทานออกมา สายตามองหาผู้รอดชีวิต เมื่อไม่เห็นใครเขาจึงตะบึงรถไปข้างหน้า      หวังจะพบผู้คนบ้าง จากตรงนั้นไปราว 3 กิโลเมตร เขาก็พบชุมชนใหม่ที่กำลังคึกคักมีชีวิตชีวาต้อนรับเช้าวันใหม่อย่าง   สดชื่น เขาแวะเข้าไปทำแผลในคลินิกแห่งหนึ่ง บอกหมอว่าถูกสัตว์เลี้ยงทำร้าย เขารู้ว่าหมอไม่เชื่อเขาหรอก เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ออกมานั่งกินกาแฟที่ร้านหน้าคลินิก ดูชีวิตผู้คนที่มีความสุขรู้สึกว่าโลกนี้น่าอยู่นัก โชคดีที่พวกกาผีไปหมดแล้วพวกมันคงตายในกองไฟทั้งหมดหรือกลับไปโลกของมัน แล้วชายหนุ่มเดินปล่อยอารมณ์ เขาต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่ สูดลมหายใจเข้าเต็มปอดมองไปยังขอบฟ้าเบื้องหน้า แสงแดดเริ่มถูกเบียดบังด้วยเมฆดำ ฝนคงจะตก เมฆดำนั้นเคลื่อนใกล้เข้ามาทุกทีๆใกล้จนสังเกตเห็นได้ว่ามันไม่ใช่เมฆ มันเป็นฝูงกาปากเหล็กจำนวนนับแสน				
10 พฤษภาคม 2550 21:27 น.

ใจสลาย

ฤทธิ์ ศรีดวง

ผมชื่อ จับใจครับ ชื่อแปลกไหมล่ะ ที่จริงมันมีที่มา...ผมเกิดในฤกษ์ดาวเคราะห์น้อย แต่ไม่ได้หมายความว่าเคราะห์ของผมจะน้อยหรอกครับ..ตรงกันข้าม!
  หมอดูบอกแม่ผมว่า ดวงผมจะพบแต่เรื่องที่ทำให้ใจแตกสลายเป็นประจำ แม่ตกใจมากถามหมอว่า แล้วทำไงดีล่ะหมอ หมอทำหน้าเครียดก่อนตอบ มันต้องแก้เคล็ด
  พ่อผมอยู่ใกล้ๆได้ฟังก็เลยหยิบยาหม่องมาให้  แม่ดุพ่อ คนละเคล็ด..ตาแก่
  มันต้องแก้ที่ชื่อ หมอตอบพลางขมวดคิ้ว ชื่ออะไรดีคะแม่ผมถาม 
  ต้องชื่อ...จับใจ มันจะได้จับใจไว้ไม่ให้แตกสลาย  แม่ผมยังสงสัย ได้ผลแน่นะ 
  หมอดูมองลอดแว่น ม่ายรู้...ห้าสิบ ห้าสิบ มั้ง...อ้อ!อีกอย่างถ้ามีเหตุจนปัญญาให้มันจุดธูปไหว้ดาวเคราะห์น้อย คงพอช่วยได้ ดูเหมือนแกไม่มั่นใจ แม่ผมก็ไม่มั่นใจ แต่พ่อผมมั่นใจสุดๆ แกกินเหล้าฉลองกับเพื่อนๆ   แม่เล่าว่าพอแกเมาได้ที่แกก็วิ่งแก้ผ้าออกไปหน้าบ้าน ไอ้ตรงข้ามบ้านเราก็เป็นบ้านกำนันกำลังทำขวัญนาคบวชลูกชาย แขกเหรื่อเต็มบ้าน  แล้วพ่อแกก็ร้องตะโกน ยูเรก้า ๆ แม่แกก็ไม่รู้ว่ามันหมายความว่าอะไร แต่ที่รู้แน่ๆก็คือเราต้องย้ายออกจากหมู่บ้านนั้นไปตลอดกาล.......
 เรามาปลูกบ้านเล็กๆในที่ผืนสุดท้ายของพ่อ อยู่ชานกรุง ผมจำได้ว่าตอนเด็กๆ พื้นที่บ้านผมค่อนข้างสูง ต่อมามีคนมาปลูกบ้านมากขึ้นเรื่อยๆ ต่างคนก็ต่างถมที่ให้สูงกว่าที่ข้างๆ สุดท้ายบ้านผมก็ต่ำที่สุด เวลาฝนตกแต่ละที น้ำฝนทั้งหมดที่ตกบนโลกจะมารวมกันอยู่ที่บ้านผม นี่ดีนะที่บ้านผมยกพื้นสูง ไม่งั้นคงต้องนอนในน้ำ แต่ที่แย่มากๆก็คือ ส้วม..มันราดไม่ลง ผมหมดปัญญาก็เลยจุดธูปไหว้ดาวเคราะห์น้อยขอให้ช่วย 
  ได้ผล....มีปั๊มน้ำมันมาตั้งที่ปากซอย ผมเลยได้ใช้บริการทุกเช้า และทุกวัน จนกระทั่งเด็กปั๊มมันจำผมได้ วันไหนผมไม่แวะ มันจะตะโกนแซว วันนี้ไม่แวะเหรอพี่... แล้วมันก็จะหัวเราะขึ้นพร้อมๆกันทั้งปั๊ม ต่อหน้าลูกค้าสาวสวยที่มาเติมน้ำมัน ลูกค้าอาจจะไม่รู้ความหมาย แต่ผมก็อาย...อายมาก..อายจนเลิกอาย เช่นเดียวกับพวกมันที่แซวจนเลิกแซว.....
  ตั้งแต่ผมเกิดมาจนบัดนี้พ่อแม่ก็เสียไปนานแล้ว  ผมยังหาแฟนไม่ได้สักคน จนอายุผมปาเข้าไปตั้ง...เอ่อ..อย่ารู้เลยดีกว่า     ทั้งที่สถิติตัวเลขผู้หญิงมีมากกว่าผู้ชายตั้งหลายเท่า ผมแปลกใจจริงๆ จึงตัดสินใจไหว้ดาวเคราะห์น้อยอีกครั้ง
  ได้ผลอีกแล้ว....คราวนี้มีร้านมาเปิดใหม่ปากซอย ขายน้ำเต้าหู้ ปลาท่องโก๋และก็โจ๊ก เป็นร้านของสองคนแม่ลูก  ลูกสาวสวยมากๆขอบอก ชื่อน้องนุ่น ผิวขาว ผมยาว หุ่นดี ใส่น้ำหอมกลิ่นอ่อนๆ ผมสืบจนรู้ว่าเธอไม่มีแฟน แม่หวงมาก พอเรียนจบการตลาดก็มาช่วยแม่ขายของ  เธอยิ้มเก่งและเป็นมิตรกับทุกคน แค่เธอโปรยยิ้มเท่านั้นแหละลูกค้าหนุ่มๆก็เต็มร้านทุกวัน ผมสังเกตว่าเวลาสายๆลูกค้าน้อยๆ เธอจะเปิดหนังดู... เธอชอบนิโคลาส เคจ ชัวร์..เพราะผมเห็นดีวีดีของเธอที่ร้าน มีพี่เคจเล่นทุกเรื่อง 
  สำหรับผมแล้วความเถิกของศีรษะสู้พี่เคจได้สบาย แต่หน้าผมอ้วนกว่า..อ้วนกว่ามากด้วย ดังนั้นทุกครั้งที่ผมเข้าร้านเธอผมจะพยายามทำหน้าให้ยาวที่สุดเท่าที่จะยาวได้  ผมคิดว่าได้ผลนะเพราะเธอเริ่มเหล่ผมนิดๆแล้ว...  
  จนกระทั่งหนังเรื่อง world trade centerมาฉาย แน่นอนนิโคลาส เคจเล่น วันนี้แหละผมจะชวนเธอไปดูหนังให้ได้      ผมอ่านดวงจากเดลินิวส์ตอนเช้าแล้วรู้สึกมั่นใจมาก ผมออกจากบ้านแล้วแวะปั๊มน้ำมันตามปรกติ ขณะที่ผมกำลังยืนฉี่อยู่ ก็ได้ยินเสียงคุ้นๆ กำลังคุยโทรศัพท์ กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆทำให้ผมหันไปมอง..น้องนุ่นนั่นเอง  ดูเธอรีบร้อนมากจนเข้าห้องน้ำผิด ผมตกใจมากพยายามจะบอกเธอ แต่เธอมองไม่เห็นผม และไม่ทันที่ผมจะเอ่ยอะไร ผมก็ต้องใจสลายเมื่อเธอเดินเข้ามาใกล้...แล้วงัดมังกรยักษ์มายืนฉี่ข้างๆผม				
5 พฤษภาคม 2550 12:57 น.

ใต้ร่มลีลาวดี

ฤทธิ์ ศรีดวง

ผมทำงานอยู่ในกรุงเทพ นานๆถึงจะกลับบ้านทีหนึ่ง วันนี้ผมลาพักร้อนปลายปี ขณะที่ขับรถกลับบ้านก็เจอต้นลีลาวดีขาวพวงต้นหนึ่งทรงพุ่มสวยมาก ไปถามราคาแค่ห้าพันบาท ก็เลยนัดให้เขามาส่งที่บ้าน ส่วนตัวผมกลับมาขุดหลุมที่บ้านรอไว้ก่อน 
   ดินที่บ้านผมค่อนข้างดี ต้นไม้รอบๆบ้านต้นใหญ่ใบเขียว ให้ลูกให้ผลดกทุกต้นโดยไม่ต้องใส่ปุ๋ย เป็นแบบนี้มาตั้งแต่สมัยรุ่นทวดของทวดแล้ว
   3 เดือนก่อนผมซื้อต้นลีลาวดีพันธุ์ขาวพวงต้นแรกมาปลูกมันโตเร็วมาก มีเรื่องแปลกก็คือโคนกลีบดอกปกติจะเป็นสีเหลือง แต่ต้นของผมเป็นสีแดงจัด เคยไปถามคนขายเขาบอกว่ามันน่าจะกลายพันธุ์
     เวลาที่ผมขุดดินหรือใครก็ตามที่ขุดดิน รอบๆบ้านผม ยายของผมแกจะไปนั่งเฝ้าเสมอ คอยดูว่าอะไรอยู่ก้นหลุม แกจะน้ำตาไหลทุกครั้ง เมื่อเห็นว่าที่ก้นหลุมไม่มีอะไรนอกจากดิน  
   ไม่ใช่ผมคนเดียวหรอกที่คิดว่าแกสติไม่ดี ชาวบ้านแถวนี้ก็คิดเหมือนกัน
   ที่จริงแกไม่ใช่ยายแท้ๆของผมหรอก แกเป็นพี่สาวของยายผมอีกที แกชื่อยายเพ็ญ แกไม่มีลูก เพราะแกไม่ได้แต่งงาน
   ผมขุดได้หลุมขนาดใหญ่พอควร ยายเพ็ญเดินกระย่องกระแย่งมานั่งริมหลุมเหมือนเดิม  เห็นว่าไม่มีอะไรแกก็ร้องไห้ ร้องมากกว่าครั้งไหนๆที่ผมเคยเห็น ผมทั้งรำคาญทั้งสงสารแก ปกติผมไม่ค่อยได้ยินเสียงแกแต่ครั้งนี้ไม่ใช่.
   ไม่มาแล้ว..ไม่มาแล้วจริงๆ แกบ่นไปตลอดทาง น้ำเสียงแหบพร่าสั่นเครือ ยายผินซึ่งเป็นยายแท้ๆของผมแต่ดูแข็งแรงกว่ายายเพ็ญมากต้องเข้ามาปลอบกอดประคอง 
   อย่าคิดมากน่าพี่ ลืมเขาเสียเถอะ คิดถึงตัวเองซะบ้าง พี่น่ะร้องไห้มากี่ปีแล้ว คำปลอบของผู้น้องยิ่งทำให้ผู้พี่ซบหน้าลงกับอกผู้น้องร้องไห้ปานจะขาดใจ

   หลังจากปลูกต้นไม้เสร็จ ผมก็อาบน้ำอาบท่ากินข้าวปลาแล้วก็ลงมานั่งรับลมที่ชิงช้าที่ตั้งที่ใต้หูกวาง เย็นมากแล้วแดดลำสุดท้ายเพิ่งจากไป ลมเย็นๆพัดผ่านหอบเอากลิ่นดอกลีลาวดีมาปะทะช่างหอมชื่นใจ แม่เดินมานั่งชิงช้าใกล้ๆผม
   ยายเพ็ญเป็นไงบ้างครับ ผมถามขึ้น
   ค่อยยังชั่วแล้ว ตอนนี้หลับอยู่ แม่ตอบ
   ดูลูกไม่ค่อยชอบยายเพ็ญ
   โธ่..แม่ ไม่ใช่ผมคนเดียวหรอก ชาวบ้านแถวนี้ก็ไม่ชอบ หาว่าแกบ้า ดูแกเป็นตัวตลก แม่คิดดูนะพอแกเห็นใครขุดดินก็มานั่งดูแล้วก็ร้องไห้ มีคนสติดีที่ไหนเขาทำกัน ที่จริงผมไม่ได้ไม่ชอบแกหรอก ผมแค่รำคาญ
  แม่ไม่พูดอะไร แค่ยิ้มให้ผม....เป็นรอยยิ้มของผู้ใหญ่ที่ยิ้มให้เด็ก
   ลูกไม่ผิดหรอกที่คิดแบบนั้น
  ลูกดูต้นไม้รอบๆบ้านเราซิ มันงามมากใช่ไหม ไม่มีเพลี้ยหนอน แล้วดูของชาวบ้านแถวนี้ ต้นไม่ค่อยงาม แถมแมลงก็เยอะ แม่ผมเปลี่ยนเรื่องคุย
   นั่นซิแม่ ทำไมเป็นแบบนี้ ผมอยากรู้มานานแล้ว
  เมื่อก่อนบ้านเราเป็นโคกสูงมีน้ำล้อมรอบ ผมมองตามมือแม่ บ้านเรายังเป็นโคกอยู่ แต่พื้นที่รอบๆโคกเป็นที่ราบเป็นทุ่งหญ้าโดยรอบ ก็หญ้านวลน้อยที่ผมปลูกไว้นั่นแหละ หลังจากผมรื้อหญ้าขนกับผักบุ้งรกๆออก
   ตอนหลังมีตะกอนดินทับถมมันก็ตื้นขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นพื้นดินอย่างที่ลูกเห็น
  ตอนเป็นน้ำคงสวยมากใช่ไหมแม่
  สวยมากๆ...ยายแกเคยเล่าให้ฟัง ตอนที่ยังสาวๆ ที่รอบๆเป็นบึงกว้างน้ำใส ดอกบัวหลวงเต็มไปหมด 
  แล้วไงต่อครับ ผมชักเริ่มสนใจ
 ตอนนั้น ยายผินอายุ  8 ขวบ ยายเพ็ญอายุ 9 ขวบ เย็นวันนั้นอากาศเริ่มโพล้เพล้...ฝนตกหนัก ยายเพ็ญออกไปรองน้ำฝนใส่ตุ่ม มองออกไปนอกบ้านเห็นคนหลายสิบคน เดินเข้ามาใต้ชายคาบ้าน...พวกเขาสูงไม่ถึงเอวของเรา ใส่เสื้อผ้าแปลกๆ..... ยายเพ็ญตกใจมาก..
........................................................................................................................   พ่อๆ...มีใครก็ไม่รู้เข้ามาในบ้าน เพ็ญตะโกนเรียกพ่อเสียงหลง
   รู้แล้วๆ...ไหนใครมาวะ ชายหนุ่มร่างใหญ่ไม่ใส่เสื้อ..นุ่งกางเกงเล..คาดผ้าขาวม้าเดินออกมาที่หน้าบ้าน
   สวัสดีครับพ่อครู ชายร่างเล็กท่าทางเป็นหัวหน้ายกมือไหว้ ทุกคนในกลุ่มยกมือไหว้ตาม
   อ้าว...ท่านแสนหล้า  สวัสดีครับ 10 ปีนี่ช่างผ่านไปเร็วจริงๆ...มาขึ้นเรือนกินน้ำกินท่ากันก่อน ชายเจ้าของบ้านกุลีกุจอรับไหว้
   ขอบพระคุณท่านพ่อครูมาก พวกเราไม่อยากขัดน้ำใจท่านหรอกขอรับ แต่พวกกระผม ธุระมาก คงต้องรีบไปเก็บดอกบัวให้ทันงานบุญ 
   เอ้า..ไม่เป็นไร งั้นก็เชิญตามสบายเลย ปีนี้บัวงามมาก
  อย่างนั้น  พวกกระผมขอลาเลยขอรับ ท่านแสนหล้ากล่าวขึ้นพร้อมกับยกมือไหว้อย่างพร้อมเพรียงกัน
  กลุ่มชายร่างเล็ก เดินฝ่าสายฝนลงไปในบึง ช่วยกันตัดดอกบัวหลวงใส่ตะกร้านับร้อยดอก  สามคนพ่อลูกยืนดูอยู่ที่ระเบียงบ้าน
   พ่อจ๊ะพวกเขาเป็นใครกัน เด็กหญิงเพ็ญถามพ่อ
   ตอนอายุเท่าลูกพ่อก็ถามปู่ของลูกแบบนี้เหมือนกัน...ปู่ของปู่ของปู่ก็ถามเหมือนกันหมด มันเป็นเรื่องที่เล่ากันมาตั้งแต่ต้นตระกูลเราแล้ว....มีเมืองหนึ่งอยู่ใต้ดิน ชื่อเมืองลับแล ฟังดูคุ้นๆใช่ไหม ตรงบ้านที่เราปลูกอยู่เป็นปากทางเข้าเมือง ผู้คนในเมืองนี้ตัวเล็กมาก เวลาเราต่างกัน 10 ปี หมายความว่า ถ้าของเราผ่านไป 10 ปี ของเขาจะผ่านไปแค่ปีเดียว อย่างท่านแสนหล้า ท่านอยู่มาตั้งแต่ต้นตระกูลเราแล้ว 
   เขาแก่กว่าเราแล้วทำไมเขาไหว้พ่อ เด็กหญิงผินถามบ้าง
   เขาไหว้ทุกคนนั่นแหละ เพราะเขาถือว่าพวกเรามีบุญคุณกับเขา ใครที่มีบุญคุณด้วยเขาจะเรียกว่า พ่อครูหรือแม่ครูแล้วแต่
   บุญคุณอะไรจ๊ะพ่อ เด็กหญิงเพ็ญถามอย่างสนใจ
   ดอกบัวนั่นไง เขาจะมาขอทุก 10 ปี คือทุกปีของเขาจะมีงานบุญไหว้พระ  เป็นงานใหญ่ของเมืองต้องใช้ดอกบัวมาไหว้ แล้วดอกบัวนี่ก็จะบานตลอด 1 ปีของเขา จะไม่เหี่ยว จนกว่าจะครบรอบปี เขาเคยเล่าว่าดอกบัวเวลาอยู่ที่เมืองเขาจะมีกลิ่นหอม มีแสงเรืองๆเป็นรัศมี ทำให้บ้านเมืองเขาสงบร่มเย็น  บ้านเขาปลูกบัวไม่ได้ต้องขึ้นมาเอาจากข้างบน
  พ่อเคยลงไปเที่ยวเมืองเขาไหมจ๊ะ เพ็ญถามขึ้นอย่างอยากรู้
   ไม่เคย  ไม่มีใครได้ลงไปหรอก รู้ว่าอยู่ใต้ดิน แต่ขุดลงไปยังไงก็ไม่เจอ
   ชาวลับแลตัดดอกบัวไปจนหมดสระ พวกเขาหันมายกมือไหว้สามพ่อลูกอีกครั้งแล้วเดินลับหายไปกับความมืด ที่เริ่มมาเยือน.
........................................................................................................................
   พวกเขาตอบแทนเรา โดยช่วยให้ต้นไม้บ้านเรางาม ชั่วลูกชั่วหลาน แม่ผมชี้ให้ดูต้นไม้รอบๆบ้าน
  ตอนนั้นเราทำนา ทำสวน ขายข้าวขายผลไม้ได้ตลอดทั้งปี เรียกว่าเป็นผู้มีอันจะกินในย่านนี้เลยทีเดียว
  แล้วเกิดอะไรขึ้นครับแม่ ผมอยากรู้ว่านิทานเรื่องจะจบยังไง
   9 ปีต่อมา ก็มีชายหนุ่มชื่อทิดมั่น ลูกชายโทนของเพื่อนพ่อครูที่เพิ่งเสียชีวิตไปย้ายเข้ามาอยู่ด้วย มาช่วยเกี่ยวข้าว และเก็บผลไม้ ช่วยไล่พวกหัวขโมย ที่ชอบแอบมาขโมยผลไม้ตอนกลางคืน  ยายเพ็ญตอนนั้นเริ่มเป็นสาวแล้ว คอยหาข้าวหาปลาให้ทาน ความที่ใกล้ชิดก็เลยรักใคร่กัน กำลังจะแต่งงานกัน......จนกระทั่งวันหนึ่งวันนั้นเย็นมากแล้ว ฝนเริ่มตก.......ยายเพ็ญ นั่งรอทิดมั่นมากินข้าวเย็นอย่างกระวนกระวาย
........................................................................................................................
   ฟ้าเริ่มมืดแล้ว ยังไม่ปรากฏเงาชายหนุ่ม สาวน้อยมายืนที่ชานหน้าบ้าน 
   นังเพ็ญ...เข้ามากินข้าวกินปลาก่อน ไม่ต้องห่วงพ่อมั่นหรอก เดี๋ยวก็มา เข้าไปส่งของในเมืองนี่คงจะติดฝนเลยกลับมาช้าหน่อย
   ไม่เป็นไรจ๊ะพ่อ พ่อกินไปก่อนหนูยังไม่หิว สาวเพ็ญตอบพ่อ
   ตามใจเอ็ง..เดี๋ยวหิวก็มากินแล้วกัน 
  ที่นอกบ้าน มีร่างเล็กๆหลายคนเดินฝ่าฝนเข้ามาในบ้าน 
  พ่อจ๊ะ...ท่านแสนหล้ามาหา เพ็ญตะโกนบอกพ่อ
  แล้วทุกอย่างก็ดำเนินไปเหมือนเมื่อ 10 ปีที่แล้ว 
   สาวน้อยมองดูกลุ่มชาวลับแลที่เก็บดอกบัวอยู่ในบึง  ทันใดนั้นก็เห็นร่างหนึ่งวิ่งฝ่าน้ำตรงไปที่ชาวลับแล 
   ไอ้พวกหัวขโมย ออกไปเดี๋ยวนี้
  พี่มั่น...อย่า เพ็ญร้องตะโกนสุดเสียงแข่งกับเสียงฝน พ่อครูได้ยินเสียงเอะอะก็รีบวิ่งลงไปในบึง....แต่ช้าไปแล้ว... ผัวะ! เสียงไม้กระทบร่างชายร่างเล็กคนหนึ่งล้มลง  ก่อนที่พ่อครูจะคว้าข้อมือทิดมั่นไว้ได้
     ที่ชานบ้าน....พ่อครูวางร่างแน่นิ่งของชาวลับแลลงบนแคร่ ทิดมั่นยืนอยู่ใกล้ๆอย่างสำนึกผิด กลุ่มชายลับแลตาแดงกล่ำอย่างโกรธแค้น แต่แค่ไม่ถึงครึ่งนาทีพวกเขาก็สงบลงเป็นปรกติ 
   ท่านแสนหล้า ข้าต้องขอโทษท่านด้วย เจ้ามั่นมันไม่รู้ เพราะเรื่องของพวกท่านพวกเราเก็บเป็นความลับตลอดมา
  ท่านพ่อครู...พวกกระผมเข้าใจท่าน แต่พวกเรามีกฎ
  กฎอะไรครับท่านแสนหล้า พ่อครูถาม
  ถ้าใครทำให้คนหนึ่งคนใดเสียชีวิต จะด้วยเจตนาหรือไม่ก็ตาม ผู้นั้นต้องรับใช้ครอบครัวผู้ตายเป็นเวลา 6 ปี 
  หมายความว่า เจ้ามั่นต้องไป.... พ่อครูทำท่าตกใจ
  ใช่ขอรับ ท่านพ่อครู  เขาต้องไปรับใช้ครอบครัวท่านแสนทิพย์ 6 ปีของเรา หรือ 60 ปีของท่าน
  ทิดมั่นทรุดลงกราบท่านพ่อครู เพ็ญถลาเข้าไปกอดพ่อ น้ำตาไหลพราก
   พ่อ..อย่าให้พี่มั่นไป  พ่อช่วยพี่มั่นด้วย พ่อครูนิ่ง
    สาวน้อยยืนกอดพ่อ ร้องไห้ปานใจจะขาด มองดูคนรักถูกมัดมือเดินไปพร้อมชาวลับแล และร่างท่านแสนทิพย์ที่พวกเขาช่วยกันแบกค่อยๆหายไปในความมืดของรัตติกาล
   1 ปีผ่านไป เย็นวันนั้นพ่อครูขุดหลุมใหญ่เพื่อปลูกมะม่วง มีอะไรบางอย่างไหวๆที่ก้นหลุม แล้วก็มีหัวคนโผล่ขึ้นมา พ่อครูตกใจมาก ทิดมั่น...ทิดมั่นนี่หว่า 
   นังเพ็ญ....พ่อมั่นมา พ่อครูตะโกนเรียกลูกสาว ขณะที่มือพยายามดึงชายหนุ่มขึ้นจากหลุม
   ไม่ต้องหรอกคุณอา ผมขึ้นไปไม่ได้หรอก นี่ผมขอเขามาครู่เดียว
   พี่มั่น..ๆ พี่กลับมาแล้ว สาวเพ็ญวิ่งถลาลงมาจากบันไดบ้าน มานั่งที่ปากหลุม มองร่างชายหนุ่มเปื้อนดินที่โผล่ขึ้นมาได้ครึ่งตัว
   พี่มั่น..พี่มั่นจะไม่จากเพ็ญไปอีกแล้วใช่ไหม สาวน้อยสะอื้นถาม มองหน้าชายหนุ่มที่ยิ้มอย่างแห้งแล้ง
   เพ็ญฟังพี่ให้ดีนะ อีก 59 ปีจากนี้ถ้ามีคนที่เป็นญาติหรือลูกหลานของเพ็ญขุดหลุมโดยคนขุดต้องไม่รู้เรื่องของเรามาก่อน วันนั้นพี่จะเป็นอิสระ........เพ็ญ.....พี่รู้ว่ามันนานมาก เพ็ญไม่ต้องรอพี่ก็ได้นะถ้าใครมาขอก็แต่งไปกับเขาได้เลย......หมดเวลาแล้วพี่ต้องไปล่ะนะ....  ร่างทิดมั่นค่อยๆจมหายไปในดิน ท่ามกลางความเสียใจของเพ็ญและพ่อครู
    เพ็ญ..ไม่เป็นไรนะ พ่อรู้ว่าเขาต้องกลับมา พ่อครูพยายามปลอบลูกสาวทั้งที่ในใจก็รู้ว่า 59 ปีมันนานเกินไป...อาจจะนานเกินอายุลูกสาวเขาก็ได้  เขาไม่อยากให้ลูกสาวจมปรักอยู่กับความทุกข์ชั่วชีวิต
........................................................................................................................
    แม่ของผมเล่าเรื่องจบแล้ว ใครได้ฟังคงคิดว่าแม่ช่างแต่งเรื่องได้เก่งมาก แต่สำหรับผม.....ไม่... 
   แล้วทำไมแม่เล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง น้ำตาแม่เริ่มคลอเบ้า แม่คงสงสารยายเพ็ญมาก 
   เพราะวันนี้ ครบ 59 ปีเต็ม....แล้วพรุ่งนี้จะเริ่มปีที่ 60 
   ผมใจหายวูบ นึกถึงคำเพ้อของยายเพ็ญ ใช่เขาคงไม่มาแล้วจริงๆ ผมรู้สึกผิดมาก ที่เห็นแกเป็นคนบ้า ผมเชื่อว่าไม่มีใครในโลกนี้หรอกที่จะรอคอยคนรักได้นานขนาดนั้น.......ยายครับผมขอโทษ ผมเดินเข้าไปกราบเท้ายายเพ็ญที่หลับอยู่....มีคราบน้ำตาแห้งจับอยู่ทั้งสองแก้ม...............ยกโทษให้ผมด้วยครับผมไม่รู้จริงๆ
   ผมเดินออกมาเหมือนร่างไร้วิญญาณ ทรุดกายลงที่ใต้ลีลาวดีที่ผมปลูกไว้เมื่อ 3 เดือนก่อน...ที่ที่ผมขุดหลุมแล้วเจอคนโผล่ออกมา ผมตกใจกระแทกเสียมใส่อย่างแรง ร่างเขาแน่นิ่งจมหายไปในดิน แล้วผมจึงปลูกต้นไม้ทับ ผมยังจำเลือดสดๆที่ทะลักขึ้นมาได้ สีมันแดงจัด...แดงเหมือนโคนกลีบดอกลีลาวดี กลายพันธุ์ต้นนี้				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฤทธิ์ ศรีดวง
Lovings  ฤทธิ์ ศรีดวง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฤทธิ์ ศรีดวง
Lovings  ฤทธิ์ ศรีดวง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฤทธิ์ ศรีดวง
Lovings  ฤทธิ์ ศรีดวง เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงฤทธิ์ ศรีดวง