17 พฤษภาคม 2552 18:29 น.

เรือภาคจบ : ตุ๊กตาไล่ฝน

ฤทธิ์ ศรีดวง

เขาคงอยู่ห่างไปจนไกลแสน
ถ้าเธอแขวนตุ๊กตาที่หน้าต่าง
จะไล่ฝนจนกว่าจะฟ้าจาง
เพื่อเปิดทางต้อนรับเขากลับคืน

หากเขาเห็นหิ่งห้อยแสงน้อยนิด
แม้เข็มทิศบิดเบี้ยวกลางเกลียวคลื่น
ประภาคารต้านลมอาจล้มครืน
เขาจะฝืนเข้าฝั่งไม่รั้งรอ

แต่วันนี้ตุ๊กตาไล่ฟ้าฝน
ไม่อาจดลฟ้าใสดั่งใจขอ
จะจุดไฟตะเกียงฤๅเพียงพอ
จะสาดทอส่องทางที่ร้างดาว

เสียงฟ้าลั่นสั่นส่ายหลั่งสายฝน
มีอีกคนทนเก็บความเหน็บหนาว
มองฝนหล่นรินเกล็ดเป็นเม็ดกราว
คนกลางอ่าวได้โปรดเปิดเปลือกตา

ม้วนจดหมายวางเหงาบนเก้าอี้
ในยามนี้ท้องทะเลคงเหว่ว้า
คนที่เคยคอยเธอเสมอมา
เขียนคำลามาคล้ายทำร้ายใจ

เธอเปิดกล่องสีขมิ้นในลิ้นชัก
นานยิ่งนักถูกทับจนหลับไหล
ซ่อนสิ่งผูกเธอเขาเมื่อเยาว์วัย
แหวนดอกไม้แห้งกรอบและบอบบาง

บรรจงจับวงแหวนอย่างแหนหวง
กลีบกรอบร่วงหล่นเองลอยเคว้งคว้าง
พอสวมแหวนผ่านผิวเข้านิ้วนาง
ความอ้างว้างล้นรอบสองขอบตา

..โปรดบอกฉันสักครั้งว่ายังอยู่
มารับรู้ในวันที่ฉันล้า
มาจับมือปลอบขวัญแล้วสัญญา
จะห่มผ้าคุ้มกันให้ฉันนอน

ขอให้ฉันซบหน้ากับบ่าไหล่
บอกได้ไหมยังมั่นเหมือนวันก่อน
บอกจะไม่จากกันนิรันดร
โปรดเถิดย้อนเข้าฝั่งฉันยังคอย

เพราะเรือห่างร้างข่าวเคยเขลาโกรธ
เถิดยกโทษได้ไหมเพราะใจน้อย
มองทะเลทุกเมื่อเห็นเรือลอย
น้ำตาผลอยไหลร่วงเพราะห่วงเธอ  

หากวันไหนใจหวาดแทบขาดผึง
สักวันหนึ่งถึงจุดคงหยุดเพ้อ
รู้เถิดว่าถ้าหากจากเพื่อเจอ
พร้อมเสมอรอรับการกลับคืน..

เธอเบือนหน้ามองออกนอกหน้าต่าง
เสียงฝนพร่างกลบเพียงเสียงสะอื้น
อาจพรุ่งนี้..วันนั้น..วันมะรืน
เขาอาจขืนคลื่นหนาวพ้นอ่าวไทย

ตุ๊กตาไล่ฝนที่บนบ้าน
หมดแรงต้านลมโหมที่โถมใส่
ฝนยังคงตกหนักอยู่ต่อไป
แต่แสงไฟบัดนี้กลับหรี่ลง

๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๒				
6 พฤษภาคม 2552 21:07 น.

ใบไม้แห้ง

ฤทธิ์ ศรีดวง

ยามนี้..ถนนเก่าดูเปล่าเปลี่ยว		
รอยล้อเลี้ยวอยู่ใต้ใบไม้แห้ง
ลมจากรถแล่นผ่านก็พัดแรง			
กอบใบแกว่งลอยคว้างขึ้นกลางลม

ลอยละล่องเป็นวงกลางผงฝุ่น			
หมุนเถิดหมุนเริงร่าให้สาสม
เพราะเพียงชั่วอึดใจใบระบม			
ก็ร่วงถมทอดร่างลงทางเท้า

ไม่อาจคืนกลับไปเป็นใบเขียว		
อยู่ในโลกโดดเดี่ยวและเปลี่ยวเหงา
ใบแหว่งวิ่น..สีก้านน้ำตาลเทา		
ไม่เหลือเค้าเขียวอ่อนเช่นก่อนกาล

แหละดูซิ! ต้นไม้แตกใบใหม่			
เขียวคอนอ่อนวัยไสวก้าน
ใบชราน่าขันของวันวาน			
กลับร่วงลานเกลื่อนกลาดอนาจนัก
		
เป็นเสียงครวญร่ำไห้ของใบแห้ง		
ที่ไร้แรงชำรุดและทรุดหนัก
จึงสองเท้าบุรุษหยุดชะงัก			
มองซากปรักใบคล้ำสีน้ำตาล

แล้วว่าความเติบงามแห่งลำต้น		
นั่นคือผลคุณค่าของอาหาร
ที่ใบปรุงเลี้ยงหลายฤดูกาล			
นานนับนานหลายชั่วอายุใบ

เป็นหน้าที่ยิ่งใหญ่ก่อนใบหล่น		
เป็นหนึ่งเฟืองเครื่องยนต์ของต้นไม้
สิ้นอายุหลุดร่วงลงช่วงใด			
ความภูมิใจจะอยู่มิรู้จาง

ใบไม้ชราเปิดตาคิด				
เห็นชีวิตมีค่าตาสว่าง
พอลมพัดพาหอบใบกรอบบาง		
ก็ลอยร่างก่อนร่วงลงห้วงดิน

มาสุมโคนต้นไม้ล้วนใบลีบ			
จุลชีพตัวน้อยก็ย่อยสิ้น
เป็นปุ๋ยเลี้ยงรากให้ต้นไม้กิน			
ทำหน้าที่ชีวินครั้งสุดท้าย

คนแปลกหน้าหยุดเอ่ยแล้วเผยยิ้ม		
ความสุขปริ่มสบตากับฟ้าสาย
ขยับเป้สีแดงทะเลทราย			
ก่อนเดินหายร่างลับไปกับตา..

๒ ตุลาคม ๒๕๕๔				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฤทธิ์ ศรีดวง
Lovings  ฤทธิ์ ศรีดวง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฤทธิ์ ศรีดวง
Lovings  ฤทธิ์ ศรีดวง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฤทธิ์ ศรีดวง
Lovings  ฤทธิ์ ศรีดวง เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงฤทธิ์ ศรีดวง