22 มิถุนายน 2551 08:25 น.

บทกวี

ฤทธิ์ ศรีดวง

ฉันเคยรักบทกวีดั่งชีวิต
เคยยึดติดจมปรักตัวอักษร
หลงอาหารหวานรสคือบทกลอน
แม้ยังอ่อนเชิงด้อยในถ้อยคำ

บทกลอนรักถักร้อยแม้น้อยนัก
มิอาจจักพอมอบคนบอบช้ำ
บทกลอนมีสาระเรื่องพระธรรม
เพียงเพื่อนำแง่คิดสะกิดใจ

ฉันเห็นความเป็นอยู่ของผู้เฒ่า
ฉันจึงเล่าเรื่องคนที่หม่นไหม้
ฉันเห็นความงามขลับแล้วดับไป
จึงเล่าไว้บางถ้อยของร้อยกรอง

ฉันอยากบอกเธอนักให้รักชาติ
ฉันจึงวาดภาพผู้ที่กู่ก้อง
ท่ามกลางดินแดงเดือดหยดเลือดนอง
ให้เสียงร้องร่ำยินถึงวิญญาณ

ฉันเห็นความทุกข์ทนความจนยาก
จึงเล่าฝากคำให้เธอได้อ่าน
ฉันเห็นความชุ่มชื้นและชื่นบาน
จึงเขียนกานท์จารจดทุกหยดรอย

มีคำให้ไขว่คว้าเต็มอากาศ
ซึ่งเธออาจต่อเชื่อมเพียงเอื้อมสอย
ความงดงามวิจิตรประดิดประดอย
ย่อมมากน้อยแตกต่างตามทางตน

ได้รู้จักเพื่อนพ้องและน้องพี่
ผ่านวลีลุ่มลึกที่ฝึกฝน
รู้เรื่องราว..ร้าว..สุข ของทุกคน
นี่คือมนต์โดยแท้อย่างแน่นอน

ฉันยังรักบทกวีดั่งชีวิต
ยังเฝ้าคิดแกะสลักตัวอักษร
หาความต่างบางรสในบทกลอน
แม้ยังอ่อนเชิงด้อยในถ้อยคำ.

๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๑				
17 มิถุนายน 2551 20:10 น.

ณ ตรงนี้และที่นั้น

ฤทธิ์ ศรีดวง

เพราะเหงื่อนองสองมือใช่หรือไม่
หรือหัวใจถูกถ้อยคำทำร้าย
หรือยืนอยู่หว่างเส้นความเป็นตาย
จึงยอมพ่ายแพ้ลงที่ตรงนั้น

เธอเคยยิ้มแม้ร่างอยู่กลางฝน
เธออดทนเพราะว่าเธอกล้าฝัน
วันนี้เลือนเหมือนทางอยู่กลางควัน
หรือจะหันกลับหลังไปทางเดิม 

ใจไม่แพ้จึงไม่พร้อมจะยอมรับ
เธอมาไกลเกินกลับไปนับเริ่ม
ใจจะโชติโชนเมื่อมีเชื้อเติม
แหละเพิ่มไฟริบหรี่ให้มีแรง

ขอฉุดคนช้ำพ่ายจะได้ไหม
ขอจุดไฟให้ธูปที่วูบแสง
ขอดึงศรถอนลิ่มที่ทิ่มแทง
ให้เธอแกร่งเธอกล้าเธอฝ่าฟัน

หากเธอท้อต่อสู้จงรู้ว่า
ผู้เหนื่อยกว่ายังคงอยู่ตรงนั้น
ตรงกลางดินแตกอ้ากลางตาวัน
เพื่อล้านพันท้องปากผู้ยากไร้

หากศรัทธากล้าก้าวตามเท้าท่าน
พบภัยพาลกี่หนจะทนไหว
เธอเองย่อมหยั่งรู้ว่าผู้ใด
คือผู้อยู่กลางใจ..คือในหลวง

๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๑				
8 มิถุนายน 2551 21:28 น.

ฝน

ฤทธิ์ ศรีดวง

ระแหงดินกันดารบนลานร้าว
เมล็ดข้าวหล่นรวงก็ร่วงผล็อย
ลงแทรกกลางวางกองในร่องรอย
แล้วรอคอยฝนหยดอย่างอดทน

คงรอกาลนานวันแล้วขวัญแก้ว
จนลมแผ่วลูบดินแล้วรินฝน
ประสานรอยร้าวแคบอย่างแยบยล
หัวอกคนหม่นขื่นก็ชื่นใจ

อุษาสางจางหายเป็นสายน้ำ
ชื้นรากฉ่ำชุ่มดินแล้วรินไหล
ทะเลนาเต็มน้ำงามกว่าใคร
จงเตรียมไถได้แล้วนะแก้วตา

จนลานดินสิ้นแล้วซึ่งรอยร้าว
เมล็ดข้าวดับดิ้นในดินหนา
เมื่อฝนสองฝนสามเติมน้ำนา
กลับเผยกล้าเขียวเข้มจนเต็มดิน

ใช่เพียงกล้าเบ่งบานบนลานนั้น
แต่พืชพรรณจมมูลเคยสูญสิ้น
ก็ผลิแยกโผล่ยอดให้ยลยิน
มาหอมกลิ่นไอฝนอยู่บนนั้น

ดอกหญ้าเอยเคยหลับก็กลับฟื้น
ต้นไม้ยืนต้นใหญ่ก็ไหวหวั่น
แตกใบอ่อนซ้อนแซงมาแข่งกัน
เป็นภาพฝันยามสางหรืออย่างไร

ผีเสื้อเผยปีกกางเคยพรางเร้น
ตื่นตาเห็นเต็มตาเต็มฟ้าใส
มองพืชผลต้นเดิมที่เริ่มใบ
ดั่งหัวใจดวงเดิมที่เริ่มโต..

๘ มิถุนายน ๒๕๕๑				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฤทธิ์ ศรีดวง
Lovings  ฤทธิ์ ศรีดวง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฤทธิ์ ศรีดวง
Lovings  ฤทธิ์ ศรีดวง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฤทธิ์ ศรีดวง
Lovings  ฤทธิ์ ศรีดวง เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงฤทธิ์ ศรีดวง